ตลอดสัปดาห์กว่าที่ผ่านมา นักการเมืองสาดสีตีไข่ใส่กันจน “ไก่เห็นตีนงู ... งูเห็นนมไก่” กระจ่างแจ้งสีและไข่ที่สาดใส่กันก็เป็นเรื่องผลประโยชน์ของฝ่ายการเมืองล้วนๆ
แต่กลับ!?!?! … สร้างวาทกรรมน่าสะอิดสะเอียน “ล้มล้างมติประชาชน”
เส้นทางการเมืองของ “พิธาคิโอ - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และพรรคก้าวไกลดำเนินมาถึงปลายลำธารที่ข้างหน้าเป็นหุบเหวและปลายน้ำตกทุกขณะ สาเหตุไม่ได้เกิดจากเรือลำนี้นั้นเกิดรอยรั่วเพราะอุบัติเหตุจากหินโสโครกระหว่างทาง แต่เกิดจากความดื้อด้านสุดโต่งอย่างไร้ประสบการณ์และขาดวุฒิภาวะของนายท้ายเรือที่คนบนเรือมองไม่เห็น
“พรรคก้าวไกล”ตีเนียนหลอกตัวเองและปลุกปั่นจูง “ด้อมส้ม-ผู้เป็นอุปกรณ์การเกษตร” ส่วนหนึ่งให้เพ้อฝันอยู่กับหลักการและจุดยืนที่เลือกสรรเพื่อภารกิจส่วนตนและพวกพ้องมากกว่าภารกิจเพื่อประชาชน ปลุกปั่นให้สับสนกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติการเมืองที่เกิดขึ้นทั่วไปในประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก
ปรากฏการณ์ที่ “พรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนสนับสนุนจากประชาชนให้มีที่นั่งในรัฐสภาเป็นผู้แทนปวงชนเป็นท่านผู้ทรงเกียรติอันดับที่หนึ่งในฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้โอกาสเข้าไปเป็นฝ่ายบริหาร และต้องไปเป็นฝ่ายค้านอีกต่างหาก
สภากาแฟน่าจะจำบทบาทเสาหลักประชาธิปไตยที่ชื่อ “หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช” อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สภาสนามม้า) หัวหน้าพรรคกิจสังคม (เราทำได้)หลังเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทางการเมือง “วันมหาวิปโยค - 14 ตุลาคม 2516”มีการเลือกตั้งครั้งแรกของ “ยุคประชาธิปไตยเต็มใบ”ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517
ผลการเลือกตั้ง “ม.ร.ว.เสนีย์”ชนะเลือกตั้งได้ 72 ที่นั่ง แต่รวบรวมเสียงสส.จัดตั้งรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาได้เสียงสนับสนุนเพียง 111 ที่นั่งแพ้โหวตจึงสละสิทธิ์การจัดตั้งรัฐบาล “ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” ที่ได้ 18 ที่นั่ง เป็นพรรคอันดับห้ารวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้ 135 ที่นั่งเป็นนายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาล ผลัก “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่งไปเป็นฝ่ายค้าน
มาถึงการเมืองยุคปัจจุบันที่นักการเมืองในค่ายที่ได้เสียงมาเป็นอันดับหนึ่งตีโพยตีพายโวยวายว่าเป็นความไม่ถูกต้อง “ล้มล้างมติประชาชน” โดยไม่เคยส่องกระจกดูตัวเองสักนิด
“เตี้ยหลังม็อบ - อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” ตัวตึงพรรคก้าวไกลเองครั้งหนึ่งเคยนำกระจกเงาเข้ามาในห้องประชุมสัปปายะสภาสถานเพื่อใช้ประกอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในข้อกล่าวหาปล่อยปละละเลยให้เกิดเครือข่ายทุจริตในกองทัพ สร้างความเสื่อมเสียพระเกียรติยศในโครงการเฉลิมพระเกียรติ และยังจงใจบ่อนทำลายประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง เตี้ยหลังม็อบยังนำกระจกเงามามอบให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะพลเอกประยุทธ์ ปิดช่องคอมเมนต์ในเพจเฟซบุ๊ก ประชาชนไม่สามารถสะท้อนความรู้สึกไปยังรัฐบาลได้ จึงอยากบอกว่า เวลาชี้หน้าใครว่าก่อความวุ่นวาย ความไม่สงบ ให้มองที่กระจกบานนี้ เวลาจะชี้หน้าใครว่า เขาไม่มีมารยาท ไม่รักชาติ มองที่กระจกบานนี้เวลาบอกว่าใครไม่อ่านประวัติศาสตร์ ก็มองที่กระจกบานนี้ทั้งหมดคือคนในกระจก โดยไม่สำเหนียกสำนึกถึงสิ่งที่ตนเองกระทำและอภิปรายว่าเหมือนตนเองหรือไม่
ด้อมส้ม, ตัวตึงพรรคก้าวไกล สำเหนียกความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อผิดพลาดของพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล 42.98% ดื้อด้านไม่ยอมยกเลิกบางนโยบาย 11.68% ปิดกั้นตัวเอง 10.23% ไม่เข้าใจวัฒนธรรมและความเป็นจริงทางการเมืองแบบไทยๆ 9.54%ประมาทในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่พรรคเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี 5.11% หลงตัวเองระเริงกับตัวเลข 14 ล้านเสียง 151 ที่นั่ง
สิ่งเหล่านี้คือข้อเท็จจริงที่สังคมไทยที่โหวตเตอร์ 14 ล้านเสียงเฝ้ามองและวิพากษ์วิจารณ์ให้สำเหนียกให้เกิดสามัญสำนึก แล้วนำเรื่องเหล่านี้มาเป็นบทเรียนแก้ไขข้อผิดพลาด
อย่าหลอกตัวเองจนเกิด “อัตตา” หลอนหลอก สร้างเงื่อนโยนบาปสาดความผิดไปให้คนเห็นต่าง
ถ้าสำเหนียกข้อเท็จจริงคงไม่ต้องนำคำสอนบุพการีเรื่อง หน้าด้าน ... หน้าด้านกว่ามาให้สมเพชเยี่ยงนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี