บทบรรณาธิการหัวข้อนี้หนังสือพิมพ์แนวหน้าเคยตีพิมพ์เอาไว้ในฉบับ วันที่ 3 มิถุนายน 2564 แต่ขอเอามาตอกย้ำใหม่แบบย่อๆ เผื่อจะใช้ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ หลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประสบชะตากรรมผู้คนเสื่อมศรัทธา ถูกดำเนินคดีทางอาญา ถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง เพราะโดนคลิปเสียงมหาประลัยของสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เล่นงานจนโงหัวไม่ขึ้น
ย้อนความไป หนังสือพิมพ์ลอสแองเจลีสไทมส์รายวันและเว็บไซต์กัลฟ์นิวส์ออนไลน์ได้นำเอาบทความของศาสตราจารย์ ดร.วิลเลี่ยม สก็อตต์ ธอมป์สัน
บางตอนระบุว่าไทย(ในช่วงนั้น) ได้ตกอยู่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในการประท้วงทางการเมืองยาวนานแรมเดือนระหว่าง“เสื้อเหลือง” ซึ่งเป็นคนไทยในเขตชุมชนเมือง มีการศึกษามีความรู้ที่ไม่เอาระบอบทักษิณ กับคน “เสื้อแดง” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้ยากจนกว่าที่พำนักอยู่ในเขตต่างจังหวัด โดยผู้คนเหล่านี้สนับสนุนทักษิณและหาทางให้เขากลับคืนสู่อำนาจ
ดังนั้นเมื่อมีนายพลผู้มาดมั่นทะเยอทะยานและมีความสามารถผู้หนึ่ง พยายามที่จะทำให้ประเทศชาติมีเสถียรภาพโดยที่ ในขณะนี้เขาก็ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยมันจึงมีความเป็นไปได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ว่า เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการรัฐประหารทั้งหลายนั้นใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด
เขากล่าวว่า เป็นเรื่องยากลำบากเสมอที่จะอ้างเหตุผลความชอบธรรมให้แก่การทำรัฐประหาร แม้กระทั่งในกรณีที่เป็นการเข้าแทนที่ระบอบปกครองที่ย่ำแย่เต็มที โดยส่วนตัวแล้ว ผมมีความประหลาดใจว่า นายพลผู้นี้ได้รอคอยมาเป็นเวลายาวนานเขาเดินหมากของเขาด้วยความระมัดระวังมาก ด้วยการประกาศใช้กฎอัยการศึกอย่างเป็นกลางๆ ในวันหนึ่ง แล้วจึงเข้ายึดอำนาจในอีกวันหนึ่ง กองทัพไทยไม่ได้ผลิตนายพลที่มีความสามารถอันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางขนาดนี้เลยในรอบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
ศ.ดร.วิลเลี่ยม สก็อตต์ ธอมป์สัน ได้กล่าวในตอนสรุปบทความของเขาว่าการเลือกให้ระบอบทักษิณปกครองประเทศต่อไปก็คือการรับประกันให้ประชาธิปไตยในไทยตายดับสูญไปภายในอนาคตอันใกล้ ขณะที่การสนับสนุนการก่อรัฐประหารยึดอำนาจของฝ่ายทหารอาจจะเป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถฟื้นฟูประชาธิปไตยให้กลับคืนมาได้ ความจริงทางประวัติศาสตร์ทั่วๆ ไปนั้นมีอยู่ว่าระบอบปกครองต่างๆ ที่นำมาซึ่งระเบียบเรียบร้อยอย่างน้อยที่สุดก็ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้ในที่สุด
นั้นเป็นบทวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ปัจจุบันสภาพและสถานการณ์เปลี่ยนไปนายกรัฐมนตรี ในสายตาของผู้คน หมดหวังสิ้นแล้ว ล้มละลายความเป็นผู้นำประเทศ ขณะที่ลิ้วล้อลูกหาบยังแบกหามสบายใจเฉิบโดยไม่ได้สนใจน้ำเหลืองที่หยดใส่บ่าหลังแบ่งชามข้าวลงตัว อุดมการณ์พรรคการเมืองบางพรรคถูกฉีกทิ้งโดยผู้บริหารพรรค ความรู้สึกร้าวฉานในสังคมเกิดขึ้นมากมาย ทฤษฎีหมาตายเห็บกระโดดหนี ใช้ไม่ได้กับการเมืองไทย การชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาลกำลังจะเกิดขึ้น
มองดูแล้ว ทหารยุคใหม่คงไม่สนใจในเรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันความวุ่นวายภายในประเทศที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า เหมือนนายพลรุ่นพี่ที่เคยทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ตามบทวิเคราะห์นี้ไว้แล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี