แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn คนดีทำให้คนอื่นดีได้ หมายความว่าคนดีทำให้เกิดความดีในสังคม คนอื่นก็ดีไปด้วย ความเลวนั้นจะทำให้คนดีเป็นคนเลวก็ยาก แต่เป็นไปได้ ถ้าคนดีเข้มแข็งในความดี จะทำให้คนเลวมาทำให้คนดีเป็นคนเลวยาก สำคัญอยู่ที่ความเข้มแข็งของคนดี... (ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต 4 ธันวาคม 2539)...
nn ตั้งแต่เศรษฐา ทวีสิน รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาประมาณ 2 เดือน ปรากฏว่าเศรษฐาบินไปบินมา ทั้งในและต่างประเทศมากกว่าอยู่ทำงานในทำเนียบรัฐบาล จนทำให้เกิดคำถามว่าเศรษฐากำลังทำลายสถิตินายกรัฐมนตรีที่บินไปบินมามากที่สุดหรืออย่างไร แล้วก็มีคำถามสำคัญด้วยว่า บินบ่อยขนาดนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปบริหารงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนคำถามตามมาก็คือ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น เป็นตำแหน่งที่เศรษฐาต้องการได้ไว้ครอบครอง โดยไม่ต้องทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการใช่หรือไม่ แต่ต้องการเพราะว่าอยากให้มีชื่อและนามสกุลของตนเองปรากฏบนธนบัตรของประเทศไทยเท่านั้นใช่ไหม...
nn รัฐบาลชุดปัจจุบันพยายามบอกว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยย้ำแล้วย้ำอีก ย้ำตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะเกิดผลเป็นรูปธรรมตรงไหน โดยสิ่งที่รัฐบาลบอกว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้คือ แจกเงินดิจิทัลคนละ 1 หมื่นบาท ตอนแรกบอกจะแจกทุกคนที่อายุเกิน 16 ปีขึ้นไป แต่ไปๆ มาๆ จนบัดนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้แจกหรือไม่ แม้รัฐบาลอยากจะแจก แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆ แล้ว จะได้แจกหรือเปล่า ก็ยังเป็นคำถามตัวโตๆ ตลอดเวลา เหตุที่รัฐบาลอาจจะแจกไม่ได้ เพราะไม่มีเงินในกระเป๋า ก็จึงจำเป็นต้องกู้ โดยการกู้ผ่านพระราชบัญญัติ แต่ก็ยังอ้างว่าจำเป็นต้องเร่งแจกเงิน เพราะเศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่มากจนประเทศแทบจะเดินต่อไปไม่ได้แล้ว...
nn แต่ก็มีคำถามว่า ในเมื่อเห็นว่าประเทศจะไปไม่รอดแล้วทำไมจึงไม่เร่งแก้โดยออกพระราชกำหนด ทำไมเลือกใช้กลอุบายออกพระราชบัญญัติ หากเห็นว่าประเทศจะไปไม่รอด จะรอเวลาไปเพื่ออะไร ก็ต้องเร่งแก้วิกฤตโดยฉับพลันสิ ก็จะต้องออกพระราชกำหนดไปเสียเลย แต่ก็มีคนรู้ทันบอกว่า หากขืนออกเป็นพระราชกำหนด นายกรัฐมนตรีคนนี้อาจจะต้องเดินตามรอยที่ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เคยเดินไว้ คือเดินทางหนีคดีออกนอกประเทศ...
nn เป็นเรื่องน่าตลกปนความเศร้าของคนเป็นพ่อที่ชื่อ เศรษฐาทวีสิน แต่ทว่าพ่อรายนี้ดันมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย ที่น่าตลกคือเศรษฐาเรียกร้องให้คนไทยที่จบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลก ให้กลับมาทำงานในประเทศไทย และเรียกร้องเชิญชวนให้บริษัทชั้นนำของโลกเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในไทย แต่ทว่าลูกชายของเศรษฐากลับไม่ยอมเข้ามาทำงานในประเทศไทย และไม่ยอมแม้กระทั่งทำงานให้บริษัทของครอบครัวที่พ่อ (เคย) เป็นเจ้าของ เคยสงสัยหรือไม่ ทำไมลูกชายของเศรษฐาจึงไม่ยอมกลับเข้ามาทำงานในไทย หรือไม่ยอมทำงานให้บริษัท แสนสิริ ซึ่งเป็นบริษัทของเศรษฐา ซึ่งปัจจุบันเจ้าของเดิมอ้างว่ายกการบริหารให้ลูกสาวดูแลแทน เพราะเศรษฐาต้องไปรับบทหุ่นกระบอกในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใช่ไหมเอ่ย...
nn เรื่องรัฐบาลเศรษฐาจะแจกเงิน 1 หมื่นบาทให้คนไทย กลายเป็นเรื่องที่สาธารณชนกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมีทั้งคนอยากได้โดยไม่สนใจว่าการได้มาแล้วจะเป็นภาระหนี้สินต่อประเทศชาติหรือไม่ กับอีกพวกหนึ่งคือไม่อยากได้ แต่อยากให้รัฐบาลนำเงิน 5-6 แสนล้านบาทไปลงทุนในกิจการเพื่อก่อให้เกิดผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและถาวร ล่าสุดมีผลสำรวจจากนิด้าโพล (NIDA Poll) ถามความเห็นประชาชนกลุ่มตัวอย่างว่า OK ไหมกับนายกฯ สรุปเองเงินดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท สรุปผลสำรวจคือ 51 เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วยกับแหล่งที่มาของเงินที่รัฐบาลจะแจก พูดง่ายๆ คือไม่เห็นด้วยกับการกู้มาเพื่อแจก และไม่เห็นด้วยกับการกำหนดและจำกัดเงื่อนไขการใช้เงินที่จะแจก โดยเฉพาะเรื่องการจำกัดการซื้อสินค้าต่างๆ...
nn พูดถึงเรื่องรัฐบาลเศรษฐาพยายามจะแจกเงินหัวละ 1 หมื่นบาท ก็ทำให้สังคมเห็นถึงดาวเด่นดวงใหม่รายหนึ่งเกิดขึ้นมาท่ามกลางประเด็นนี้ นั่นคือ ไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ความเด่นดังของศิริกัญญาเกิดขึ้นเมื่อได้ออกเวทีต่างๆ โดยประชันความคิดด้านเศรษฐกิจกับเลี้ยบ-สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้เคยกินตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาก่อน และมิ้ง-พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เมื่อคนได้ฟังการตอบโต้จากปากของศิริกัญญาเมื่อต้องเผชิญหน้าบนเวทีการถกแถลงและตอบคำถามสื่อมวลชนกับทั้งเลี้ยบและมิ้งแล้ว หลายคนบอกว่าดูๆ ไปแล้ว เห็นว่าแนวคิดด้านเศรษฐศาสตร์ของศิริกัญญาสูงส่งกว่าเลี้ยบกับมิ้งมาก ซึ่งก็ไม่น่าจะผิด เพราะศิริกัญญาจบเศรษฐศาสตร์โดยตรง โดยจบจากธรรมศาสตร์ และเรียนต่อระดับปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ด้วย...
nn ที่สำคัญคือเวลาศิริกัญญาโต้กับมิ้ง แล้วทำให้สังคมเห็นว่าความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ของมิ้งเป็นรองอย่างมาก เช่น ถามตัวเลขต่างๆ มิ้งก็บอกว่าไม่รู้ ต้องไปถามจากหน่วยอื่น ยิ่งศิริกัญญาขึ้นเวทีโต้กับคนของเพื่อไทยบ่อยๆ ก็ยิ่งเท่ากับเพิ่มความเด่นให้ศิริกัญญาไปโดยปริยาย แล้วก็ทำให้สังคมเห็นว่าสติปัญญาของคนบางคนจากเพื่อไทยนั้นยังน่าจะมีข้อจำกัดอีกมาก ซึ่งแสดงให้เห็นชัดว่า แม้จะเป็นนักการเมืองหน้าเก่า มีตำแหน่งการเมืองมากมาย ก็มีจุดบอดได้เมื่อเจอคนที่รู้จริงและรู้ลึกมากกว่า สรุปว่างานนี้ศิริกัญญากลายเป็นดาวเด่น ส่วนอีกฝ่ายก็กลายเป็นดาวอับแสง แต่ก็ยังไม่ดับลับล่วง เพราะเพื่อไทยยังเป็นแกนนำรัฐบาล แต่ก็มีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าเวลามิ้งโต้เรื่องเศรษฐศาสตร์กับไหม-ศิริกัญญา มักปรากฏว่ามิ้งเก็บอาการงอนและประชดประชันไม่ค่อยได้ เพราะชอบหลุดอาการกระแนะกระแหนเป็นระยะๆ ซึ่งกลายเป็นว่าไหม-ศิริกัญญาตั้งคำถามต้อนมิ้งได้มากกว่า...
nn มีผู้มองเชิงตั้งคำถามว่าทำไมกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีตปลัดคลัง ที่ได้กินตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงเงียบจังเลย ทั้งๆ ที่ดูเสมือนว่ากฤษฎาน่าจะเป็นหัวหอกคนสำคัญที่ให้แง่คิด ให้ข้อมูลเรื่องเศรษฐกิจได้ดีมากๆ ไม่อย่างนั้นจะถูกเชิญไปกินตำแหน่ง รมช. คลังหรือ หรือเหตุที่ กฤษฎา เงียบผิดปกติ อาจจะมาจากเซ็งเรื่องที่รัฐบาลพูดเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต ไม่รู้เรื่อง หรืออาจจะเงียบเพราะไม่ได้รับคำสั่งให้ออกไปพูดแทนรัฐบาล แต่ก็แปลกมากตรงที่กฤษฎาเงียบจนผิดปกติ...
nn ใกล้ถึงเทศกาลลอยกระทงอีกแล้ว โดยปีนี้ตรงกันวันที่ 27 พฤศจิกายน และเป็นประจำทุกปีเมื่อถึงเทศกาลลอยกระทงก็มักจะได้ยินเรื่องขอให้เลือกใช้กระทงที่ไม่ทำลายธรรมชาติ ซึ่งก็พูดกันมาแบบนี้ ซ้ำๆ กันมาแล้วหลายปี ยกเว้นปีที่สมัคร สุนทรเวช เป็นใหญ่ทางการเมือง สมัครไม่ได้รังเกียจกระทงโฟมเลย แถมบอกว่าดีเสียอีกที่ไม่ต้องตัดต้นไม้ไปทำกระทง แล้วก็สามารถเก็บกระทงโฟมไปทิ้งได้โดยไม่ยาก แต่สมัครไม่ได้ใส่ใจเรื่องโฟมย่อยสลายยาก มาวันนี้พัชรวาท วงษ์สุวรรณ (น้องป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ) ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ก็ออกมาบอกว่าขอให้เลือกกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แล้วก็บอกว่าลอยกระทงแบบประหยัดคือหนึ่งครอบครัวหนึ่งกระทง หรือกลุ่มเพื่อนๆ กันก็ลอยร่วมกันในกระทงใบเดียว...
nn ก็ต้องบอกว่าแนวคิดของพัชรวาทนั้นไม่มีอะไรใหม่เลย จึงทำให้มีเสียงแซวว่าไม่คิดจะหาจุดขายสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองให้โดดเด่นกว่าเรื่องเดิมๆ บ้างหรือ ส่วนเรื่องใช้กระทงใบเดียวทั้งครอบครัวนั้น อาจทำให้แม่ค้าพ่อค้ากระทงส่งสายตาค้อนให้ เพราะเขาต้องการขายกระทงให้มาก แต่ดันมาบอกให้คนทั้งบ้านซื้อกระทงเพียงใบเดียว เรื่องแบบนี้ขัดแย้งกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผสมหรือไม่ หารือเรื่องนี้กับภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แล้วหรือยัง...
nn เมื่อพูดถึงภูมิธรรมยุคปัจจุบันแล้ว ก็ทำให้คนที่เคยเห็นภูมิธรรมมาตั้งแต่ยุคก่อนเข้าป่าหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ บอกตรงกันว่า “กูว่าอ้วน ภูมิธรรมเปลี่ยนไปแล้ว” เพราะภูมิธรรมวันก่อนในยุคนิยมคอมมิวนิสต์ กับภูมิธรรมวันที่เป็นกระบอกเสียงของทักษิณ ชินวัตร มันไม่มีความเหมือนกันเลยแม้แต่น้อย ส่วนเรื่องอุดมการณ์อุดมเกินก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะหาไม่เจอแล้ว เสียงพูดของภูมิธรรมเรื่องประชาธิปไตยในยุคที่ยังนิยมคอมมิวนิสต์ ต่างไปจากเสียงพูดเรื่องประชาธิปไตยในยุคภูมิธรรมเป็นรัฐมนตรี นี่คือสัจธรรมของการเปลี่ยนแปลง เพราะวันหนึ่งเมื่อคนเรายังเป็นเด็กน้อย ก็จะเพ้อฝันไปตามกระแสแฟชั่น แต่เมื่อแก่ตัวลง แล้วได้มีอำนาจราชศักดิ์ ก็จะหลงลืมความฝันเมื่อวันวานในวัยเด็กไปจนหมดสิ้น...nn
ในขณะที่โครงการแจกเงินดิจิทอล5แสนล้านของรัฐบาลกำลังถูกจับตามองจากทุกภาคส่วนว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่? ทำไปแล้วคุ้มค่ากระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่นั้น? มีความเห็นอันแหลมคมจากบอสใหญ่ทีพีไออย่าง "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" เปิดมุมคิดว่า โครงการขุดคลองไทย สามารถที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่นอนกว่าแจกเงิน5แสนล้าน โดยใช้เงินลงทุนไม่เกิน3แสนล้านและจะไม่กระทบสิ่งแวดล้อมเชิงลบ ใช้เวลาไม่เกิน3ปี ที่สำคัญรายละเอียดเพิ่มเติมจะต้องได้รับอนุมัติโครงการให้สามารถทำโครงการได้
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี