ขอแสดงความชื่นชม “นายพิชิต ไชยมงคล” แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่เฝ้าติดตามทวงถาม “ความชัดเจน” ต่อการบังคับโทษ “นักโทษชายทักษิร ชินวัตร” ที่บัดนี้เป็น “นักโทษเทวดา” อย่างไม่ลดละ
นับเป็นความกล้าหาญ ในเวลาที่ฝ่ายของนักโทษชายรายนี้กำลังมีอำนาจ และมีข่าวลือเรื่อง “บิ๊กดีล”ขณะที่ฝ่ายค้านซึ่งควรจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ก็หุบปากสนิท ขณะที่มีการยอมรับจากปากของ “เจ้าของพรรคใหญ่ฝ่ายค้าน” ว่าเคยไปพบกับนักโทษชายทักษิณที่ฮ่องกง
1) วันที่ 31 สิงหาคม 2566 ที่ลานด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย พิชิต
ไชยมงคล แกนนำ ทำกิจกรรมรณรงค์แจกสติ๊กเกอร์ที่ระบุข้อความว่า “ทักษิณต้องติดคุก” พร้อมอ่านแถลงการณ์ในประเด็น “หยุดทุจริตความยุติธรรม ส่งทักษิณสู่เรือนจำโดยเร่งด่วน”
นายพิชิตระบุว่า จากกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับเข้าประเทศไทยเพื่อรับโทษตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ถือว่าเป็นนักโทษคนหนึ่งที่จะต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำตามข้อบังคับกฎหมาย
แต่ภายหลังจากเข้าเรือนจำยังไม่พ้นข้ามคืน ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้ส่งตัวทักษิณเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ จนเกิดกระแสสังคมตั้งข้อสงสัยว่า เป็นการเอื้อประโยชน์หรือสมคบคิดเพื่ออำนวยความสะดวกสิทธิพิเศษแก่ทักษิณเพียงคนเดียวหรือไม่ อีกทั้งยังเกิดคำถามถึงกระบวนการยุติธรรมว่า เป็นพื้นฐานที่จะทำให้ประชาชนมีความเท่าเทียมกันหรือไม่
ทางกลุ่ม คปท. อยากเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาชี้แจงไขข้อสงสัยกรณีที่ทักษิณมีอาการป่วย และอุปกรณ์ทางการแพทย์ในเรือนจำไม่ทันสมัย ซึ่งขัดแย้งต่อการออกมาแถลงในวันรับตัววันแรก ถ้าหากอาการป่วยของทักษิณเป็นเรื่องจริงก็ขอให้แสดงหลักฐานต่อสังคม
อีกทั้งอยากให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ออกมาแถลงชี้แจงถึงจุดยืนของรัฐบาลชุดนี้ว่า จะมีขั้นตอนดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับกรณีของทักษิณ ซึ่งเป็นไปตามที่เศรษฐาประกาศว่า รัฐบาลจะเป็นรัฐบาลเพื่อสลายความขัดแย้งและเดินหน้าสู่การปรองดองสมานฉันท์ของคนทั้งประเทศ หากไม่มีการออกมาชี้แจงก็ถือว่าเป็นการเอื้อประโยชน์แก่นักโทษเพียงคนเดียว ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งระลอกใหม่ในอนาคต
2) วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล เดินทางมาเรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำตัวนายทักษิณชินวัตร กลับสู่เรือนจำ โดยตั้งข้อสังเกตว่า นายทักษิณ นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นเพียงข้ออ้างไม่ได้ป่วยจริง และไม่ได้ติดคุก ซึ่งนายเศรษฐา ก็ไม่ยอมดำเนินการใดๆ รวมทั้งฝ่ายการเมืองและส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเรื่องนี้ผิดตั้งแต่การเบิกตัวนายทักษิณ ออกจากเรือนจำในช่วงกลางดึก ทำให้มองว่า เอานายทักษิณ เป็นตัวตั้งว่าต้องนอนที่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วหาระเบียบกรมราชทัณฑ์มาอธิบายเพื่อให้เกิดความชอบธรรมแก่นายทักษิณ ทำเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทักษิณ ได้อยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจแบบไร้ข้อตำหนิ แต่ประชาชนทั้งประเทศรู้ทัน
พร้อมยังถามว่า ไม่อายหรืออย่างไรที่ทุกวันอังคารประชาชนมาส่งเสียงบอกนายกรัฐมนตรีควรจะเร่งนำนายทักษิณกลับเข้าเรือนจำ และยกเรื่องการตั้งค่าหัวตามไล่ล่าเสี่ยแป้ง นาโหนด ที่หนีออกจากเรือนจำ โดยใช้งบประมาณจำนวนมาก และยังใช้เจ้าหน้าที่ในการตามหา แต่นายทักษิณ หนีออกจากเรือนจำ มาอยู่ที่ชั้น 14โรงพยาบาลตำรวจ ก็ตามหาไม่เจอหาไม่ได้ หาไม่พบ
และขอสอบถามถึงค่ารักษาพยาบาลว่าใครเป็นคนจ่าย หรือนายทักษิณ จ่ายเองหรือกรมราชทัณฑ์จ่าย และถ้านายทักษิณจ่ายเอง คือหากใครมีเงินรักษาตัวเองได้ ก็ซื้อความยุติธรรมได้ สามารถใช้เงินเป็นเงื่อนไขขอออกมานอนรักษาตัวนอกเรือนจำใช่หรือไม่
นายพิชิต ยังระบุว่า เราต้องเสียงบประมาณกับนักโทษ 2 คน คือ เสี่ยแป้งและนายทักษิณถือเป็นตราบาปของกระบวนการยุติธรรม ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ต้องรับผิดชอบ และเรื่องของนายทักษิณ ผ่านมา90 วันแล้ว ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า คนที่ไม่มีอะไรยากในการออกคำสั่งให้นายทักษิณกลับสู่เรือนจำ
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่ม คปท.จะออกมาเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความจริงให้กับสังคมได้รับรู้ โดยถึงเวลาจะมีการปักหลักค้างคืน และขอให้จับตามองหลังจากนายทักษิณ พ้นโทษออกจากเรือนจำ เพราะการเมืองไทยจะมีการพลิกโฉม รวมไปถึงการปรับ ครม.โดยอาจมีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นั่งรองนายกรัฐมนตรี และในอนาคตอาจจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อนำน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้านก็ได้
3) นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “90 วัน นักโทษเทวดา กับคำถามที่ไม่มีใครกล้าตอบ”
นายพิชิต กล่าวถึงกรณีนายทักษิณรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจโดยไม่ต้องติดคุกว่า ฝ่ายค้านเงียบมาก หวังพึ่งไม่ได้เลย เคยถามคนในพรรคก้าวไกลก็ไม่มีคำตอบ พอมาเห็นที่นายธนาธร ยอมรับว่าเจอทักษิณช่วงจัดตั้งรัฐบาล แถมบอกว่าเพื่อไทยคือมิตร และเดิมที นายธนาธรก็มองว่าทักษิณไม่ผิด เป็นคดีการเมืองที่เกิดจากการรัฐประหาร ประชาธิปัตย์ก็ไม่พูดทั้งที่สู้กับระบอบทักษิณมายาวนาน มิหนำซ้ำอยากร่วมรัฐบาลด้วยซ้ำ
การออกมาเรียกร้องของ คปท. ตนไม่กังวลเรื่องจำนวนคน เพราะเนื้อหาจะเป็นอาวุธหลักของการต่อสู้ครั้งนี้จุดสำคัญอยู่ที่ตอนทักษิณได้พักโทษ แรงกดดันจะตกที่รัฐบาล ทักษิณจะเป็นตัวถ่วงของรัฐบาล
นายพิชิต กล่าวอีกว่า บางคนอยากให้หยวนๆ ปรองดองกัน จะปรองดองได้ต้องยุติธรรมก่อน ต่อไปจะไม่ใช่แค่ทักษิณ ยิ่งลักษณ์กลับมาก็จะเป็นลักษณะแบบนี้ วันข้างหน้าอาจได้นิรโทษกรรม หรืออภัยโทษ แต่วันนี้ก็ต้องอยู่ในคุก ทำไมการเมืองไทยต้องอุ้มนักโทษคนเดียว เพื่อให้กระบวนการล้มทั้งกระดานหรือ นี่จะเป็นคำถามต่อรัฐบาลชุดหน้าหลังทักษิณออกมา
วันนี้เป็นการยึดอำนาจตุลาการแล้ว ศาลพิพากษาแล้วต้องติดคุก แต่ราชทัณฑ์ย้ายออกตามระเบียบ ระเบียบราชการกับคำพิพากษาใครใหญ่กว่า ศาลตัดสินราชทัณฑ์เอาออก จะมีศาลไว้ทำไม
4) นายพิชิต ไชยมงคล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า ตามคดี อัยการมีมติ ส่งฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหา ม.112 จนป่านนี้ อัยการยังไม่นำตัว ทักษิณ ชินวัตร
ส่งฟ้องศาล หรือว่า อัยการหาตัว ผู้ต้องหาไม่เจอ คปท.จะไปถามอัยการ ไปจี้อัยการ ทำไมคดี คนอื่น มีมติส่งฟ้องแล้วรีบนำตัวส่งศาลทันที พุธที่ 29 พ.ย. เวลา 10.30 น. พบกับ อัยการสูงสุด
วิเคราะห์ :
1. คำว่า “นักโทษเทวดา” ไม่ใช่เป็นแค่คำแซะ หรือคำประชดประชัน แต่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้รับการปฏิบัติจาก “ทุกฝ่าย” แบบ VIP สุดๆ จริงๆ อาทิ
1.1. เข้ามอบตัวแบบมีห้อง VIP ให้ได้พบปะลูก ลูกเขย ลูกสะใภ้ เมีย และหลาน ตลอดจนขี้ข้าบริวาร อย่างชื่นมื่น มีเวลาออกมาทักทายกองเชียร์และสื่อมวลชนด้วย กว่าจะควบคุมตัวส่งศาล
1.2. การเดินเรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเร็วมาก จนได้รับพระมหากรุณาธิคุณ “อภัยลดโทษ” ตามคำพิพากษาของศาลที่สั่งจำคุก 8 ปี เหลือ 1 ปี
1.3. นอนคุกไม่ถึงคืน ถูกย้ายด่วนมาอยู่โรงพยาบาลตำรวจ โดย นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ในฐานะโฆษกประจำกรมราชทัณฑ์ ระบุว่ากรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า เมื่อเวลา 23.59 น. ของวันที่ 22 ส.ค.2566 พัศดีเวรได้รายงานว่านายทักษิณ ซึ่งควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แดน 7 อยู่ระหว่างการกักโรค มีอาการนอนไม่หลับ แน่นหน้าอก วัดความดันโลหิตสูง ระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ
พยาบาลเวรเรือนจำ ได้ติดต่อขอคำแนะนำกับแพทย์ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์ได้สอบถามอาการโดยละเอียดแล้ว ตลอดจนพิจารณาจากรายงานประวัติการรักษาของผู้ป่วยโดยแพทย์จากโรงพยาบาลต่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบมีโรคประจำตัวหลายโรคที่อยู่ระหว่างการรักษาติดตามอาการ โดยโรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ โรคหัวใจ
เนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยังขาดเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพ แพทย์จึงมีความเห็นว่าเพื่อป้องกันความเสี่ยงอันตรายที่อาจจะส่งผลต่อชีวิต เห็นควรส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจที่มีความพร้อม มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพสูงกว่า โดยแนวปฏิบัติกรณีมีผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อชีวิตจะมีการส่งตัวรักษาให้ทันท่วงที
นายสิทธิ ระบุว่า หลังจากนั้น เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งได้รับตัวไว้เพื่อทำการบำบัดรักษาเมื่อเวลา 00.20 น. ของวันที่ 23 ส.ค. 2566 โดยเรือนจำได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ควบคุม ตามระเบียบขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์
นับจากวันนั้น ไม่มีความชัดเจนใดๆ สักอย่างเกี่ยวกับอาการป่วยของนักโทษชายทักษิณ และไม่มีวี่แววของการส่งตัวกลับเข้าคุก หรือย้ายไปอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์
ข้อสังเกต : แพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ แค่ฟังรายงานจากพยาบาล และดูประวัติ ก็อนุมัติโดยง่าย และไม่ทราบว่า ได้ไปติดตามผล และข้อเท็จจริงที่โรงพยาบาลตำรวจบ้างหรือไม่?
2. ถ้าดูกฎกระทรวงยุติธรรม เรื่อง “การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563” ซึ่งลงนามโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น หลักเกณฑ์โดยสรุป คือ ถ้าผู้ต้องขังมีอาการป่วยโดยสถานรักษาพยาบาลของเรือนจำไม่สามารถรักษาได้ผู้บังคับบัญชาเรือนจำมีอำนาจอนุญาตให้ ส่งตัวไปรับการรักษานอกเรือนจำได้ และถ้าจำเป็นจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนก็ได้
อย่างไรก็ตาม หากการรักษานอกเรือนจำมีระยะเวลานาน กฎกระทรวงข้อ 7 กำหนดว่า หากเกิน 30 วัน นอกจากต้องมีความเห็นจากแพทย์ผู้ทำการรักษา และต้องได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ หากเกิน 60 วัน นอกจากอธิบดีต้องให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องรายงานให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมทราบ และหากเกิน 120 วัน ต้องรายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทราบ ถ้าเกิน 120 วันจะเป็นอย่างไร? คำตอบคือ กฎกระทรวงฉบับนี้เขียนไว้เพียงแค่นั้น!!
3. ถ้าประเทศนี้มีความโปร่งใสจริง กรณีนี้ สิ่งที่คนไทยต้องได้เห็น คือ
22 กันยายน 2566 – (ครบ 30 วัน) แพทย์เจ้าของไข้ ต้องแถลงชี้แจงอาการป่วยของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เพื่อทำให้ “การลงนามเห็นชอบให้อยู่โรงพยาบาลต่อไป” นั้น ชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมี “หมอ” เจ้าของไข้ตัวเป็นๆ ปรากฏตัวต่อสังคม ด้วยจรรยาแพทย์, อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงยืนยันว่า แพทย์ผู้นี้ ทำรายงาน “ความเห็นแพทย์” ตามที่แถลงจริง
22 ตุลาคม 2566 – (ครบ 60 วัน) แพทย์เจ้าของไข้ ต้องแถลงชี้แจงอาการป่วยของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เพื่อทำให้ “การลงนามเห็นชอบให้อยู่โรงพยาบาลต่อไป” นั้น, อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงยืนยันว่า แพทย์ผู้นี้ ทำรายงาน “ความเห็นแพทย์” ตามที่แถลงจริง ตนจึงให้ความเห็นชอบ และรายงานความเห็นชอบของทั้งหมอและตน ต่อ “ปลัดกระทรวงยุติธรรม” แล้ว และปลัดกระทรวงยุติธรรมก็ควรแถลงการรับทราบและดุลพินิจของตนด้วย ดียิ่งไปกว่านั้น คือ แพทย์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์เข้าตรวจสอบความเห็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจและอาการของผู้ป่วย ว่า “จริงตามความเห็น” และยืนยันว่าอาการที่เป็น โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่สามารถดูแลได้
22 พฤศจิกายน 2566 - (ครบ 90 วัน) ทุกอย่างยังเงียบฉี่ ปกปิด เป็นความลับ ขาดสำนึกในการทำให้สง่างาม ให้สังคมเชื่อถือ เชื่อใจ ในกระบวนการทั้งหมด
รอดูกันครับ ว่าวันที่ 22 ธันวาคม 2566 หากนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ยัง “อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้” ไม่มีใครแถลง ไม่มีใครทำความจริงให้ปรากฏ ไม่มีความสง่างามใดๆ
ในขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรมโดยเฉพาะจากรัฐมนตรี
ประเทศนี้ก็จบแค่นี้แหละครับ ด้วยความผิดหวัง เสื่อมศรัทธา รับไม่ได้ จากหัวใจของประชาชน
และรอดูกันว่า ผลจากการงุบงิบๆ โอบอุ้มและให้อภิสิทธิ์แก่นักโทษชายที่โกงบ้านโกงเมือง หนีคุกไม่เคยสำนึกผิด กล่าวหากระบวนการยุติธรรมว่ากลั่นแกล้ง ยุยงปลุกปั่นผู้คนให้ก่อจลาจลในบ้านเมือง เคยกล่าวถึงขั้นกล่าวหาว่า “อำมาตย์อิจฉา” จะก่อให้เกิดความบรรลัยปานใด ในการ “ลงคะแนนเลือกตั้ง”ครั้งหน้า!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี