ในขณะที่กำลังมีการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 ซึ่งการอภิปรายนี้เป็นที่สนใจของเหล่าบรรดาคอการเมืองที่ติดตามประเด็นงบประมาณรายจ่ายแผ่นดิน เพราะต้องการจะดูว่ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กระทรวงต่างๆ อย่างไร กระทรวงใดได้รับเงินงบประมาณมากที่สุด และน้อยที่สุด โดยพยายามติดตามดูว่ากระทรวงที่ได้รับเงินงบประมาณมากที่สุด ก่อคุณประโยชน์ใดให้กับแผ่นดินไทยได้มากแล้วก็ดูต่อไปด้วยว่าการใช้งบประมาณจะก่อให้เกิดผลบวกต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างไร
หากจะพูดตามหลักทฤษฎีการคลังสาธารณะ ก็ต้องบอกว่าการคลังสาธารณะเป็นเรื่องการจัดการเศรษฐกิจของประเทศโดยรัฐบาล โดยจะเกี่ยวข้องกับรายรับและรายจ่ายของประเทศ โดยผ่านกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งรายได้ของแผ่นดินมาจากการจัดเก็บรายได้ จัดเก็บภาษี ส่วนในประเด็นรายจ่ายของรัฐบาล ก็คือเรื่องเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาลที่บริหารประเทศในแต่ละปี ในขณะเดียวกัน ก็จะต้องดูไปถึงเรื่องหนี้สินต่างๆของแผ่นดิน ที่ก่อโดยรัฐบาลแต่ละชุดแต่ละสมัยแล้วยังต้องดูความสามารถในการชำระหนี้สินโดยรัฐบาลอีกด้วย
เรามักจะได้ยินคำโฆษณาหาเสียงจากนักการเมืองว่าจะเข้ามาบริหารจัดการประเทศให้เจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้าด้วยกรรมวิธีต่างๆ นานา ซึ่งหลายต่อหลายครั้งเราก็พบเห็นว่านักการเมืองไม่สามารถทำตามที่หาเสียงไว้ได้ พูดสั้นๆ ตรงประเด็นคือหาเสียงด้วยการโกหกมดเท็จสารพัดสารพัน แต่เมื่อได้มีอำนาจรัฐแล้ว ก็ไม่สนใจกับคำหาเสียงที่เคยให้ไว้กับสาธารณชน
ฉันใดก็ฉันนั้น เราทุกคนได้ยินคำสัญญาต่างๆ จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลผสมชุดปัจจุบัน โดยเฉพาะนโยบายที่เข้าทำนองสัญญาว่าจะให้ รวมถึงคำสัญญาจำพวกนโยบายประชานิยม ที่เน้นการแจกสารพัดแจก ทั้งๆ ที่ไม่สามารถจะแจกได้ แต่ก็ยังสัญญาพล่อยๆ ว่าจะแจก แจก และแจก สิ่งที่รัฐบาลทุกชุดชอบพูดเพื่อหาเสียงก็คือ จะทำให้ประชาชนหลุดพ้นความยากจน จะทำให้ทุกคนมีความอยู่ดีกินดี ทำให้ประเทศชาติร่ำรวยมั่งคั่ง แล้วก็สัญญาว่าจะให้โน้น ให้นี่ ให้นั่น สารพัดจะเสกสรรให้ แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นแค่เพียงลมปากเท่านั้น เพราะทำได้จริงน้อยมาก
ในขณะที่นักการเมืองบอกว่าจะแจกสารพัดแจก หากได้เป็นรัฐบาล แต่เรากลับไม่พบว่านักการเมืองที่ดีแต่ให้สัญญาลมๆ แล้งๆ พูดให้ชัดเจนว่าจะหาเงินเข้าคลังหลวงด้วยกรรมวิธีใด เราจึงพบแต่นักการเมืองจำพวกเพ้อฝันว่าจะเสกเงินจากอากาศ โดยพล่ามว่าเงินทองล่องลอยอยู่ในอากาศมากมาย รัฐบาลจะคว้าเงินในอากาศมาสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจให้ประเทศ แต่ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่า ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เพ้อพล่ามไปตามประสานักการเมืองที่ดีแต่พูดพล่าม แต่ไม่มีปัญญาสร้างรายได้จริงๆ ให้กับประเทศ
กลอุบายอย่างหนึ่งของรัฐบาลที่ดีแต่พล่ามเพ้อคือ ตั้งงบประมาณขาดดุล แล้วหาทางสร้างหนี้สินให้ประเทศด้วยการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ แล้วก็พยายามไล่ถอนขนห่าน ด้วยการเก็บภาษีอากรจากประชาชน และผู้ที่ไม่มีทางหลบเลี่ยงภาษีให้มากที่สุด แต่หากไปเจอกลุ่มนายทุนใหญ่ หรือกลุ่มอิทธิพลการเมืองที่สามารถหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีได้ ก็มักจะพบว่าหน่วยงานจัดเก็บภาษีไม่กล้าตามไปไล่ทวงถามเงินภาษี แถมดีไม่ดียังพบอีกว่าข้าราชการบางคน โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงในหน่วยงานจัดเก็บรายได้ ยังอุตส่าห์ชี้ช่องหนีภาษีให้กับนายทุนการเมืองที่จงใจหลบหนีภาษีอีกด้วย
สำหรับประเทศไทยนั้น ใช้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ด้วยการจัดทำงบประมาณขาดดุลมาอย่างต่อเนื่องเกินทศวรรษแล้ว ข้ออ้างหนึ่งของการตั้งงบประมาณขาดดุลคือเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตขึ้น เพื่อความจำเป็นในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยพื้นฐานของสังคม เพื่อปฏิรูปโครงสร้างระบบเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอย หาความจริงไม่ได้
แต่มีสิ่งที่ชัดเจนที่สุดที่ตอกย้ำว่าเหตุที่รัฐบาลต้องตั้งงบฯ ขาดดุล ก็เพราะว่ารัฐบาลเน้นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick Win หรือการหวังจะให้เศรษฐกิจดีอย่างรวดเร็วฉับพลัน หรือเน้นในเรื่องฉาบฉวย เรื่องระยะสั้น ซึ่งเป็นการส่อสะท้อนให้เห็นความไร้ประสิทธิภาพของการจัดทำงบประมาณแผ่นดิน และยังบ่งบอกให้เห็นถึงความอ่อนแอ และความเหลื่อมล้ำในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งต้องย้ำว่าการเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการฉาบฉวยไม่สามารถช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศดีได้อย่างยั่งยืนและถาวร เพราะทั้งหมดล้วนเป็นมาตรการระยะสั้น ไม่ต่างจากการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ซึ่งไม่สามารถนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ แต่มันเป็นเพียงการขายผ้า เอาหน้ารอดไปวันๆ เท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี