หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการกระทำของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกลมีเจตนาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่พิธา สส. ก้าวไกล และชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็โต้กลับว่าพรรคก้าวไกลและพิธาไม่มีเจตนาล้มล้างการปกครองตามที่ศาลพิพากษา แล้วยังกล่าวด้วยว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเมืองไทย และกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนไทยด้วย พร้อมบอกว่าไม่มีเจตนาบ่อนทำลายหรือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากประเทศไทย และอาจจะเกิดปัญหาความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต
เมื่อพิเคราะห์คำกล่าวในทำนองแสดงการไม่ยอมร้บคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญโดยพิธาและชัยธวัช และพรรคก้าวไกล ก็ทำให้เกิดคำถามว่า สส. มีสิทธิ์แสดงอาการและคำพูดที่สาธารณชนเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำตัดสินของศาลได้หรือ หาก สส. แสดงอาการแบบนี้หลังมีคำพิพากษาของศาลได้ก็มีคำถามว่า แล้วคนอื่น ๆ ในสังคมไทย จะสามารถแสดงพฤติกรรมเดียวกับพิธา ชัยธวัช และ ก้าวไกลแสดงได้หรือไม่ แล้วก็มีคำถามอีกว่า หากเป็นเช่นนี้แล้วจะมีใครยอมเชื่อฟังและทำตามคำตัดสินของศาลอีกต่อไปหรือ
แล้วยังมีข้ออ้างต่างๆ จากพิธาและชัยธวัชอีกมาก เช่น คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญทำให้สังคมไทยสูญเสียโอกาสในการใช้ระบบรัฐสภาเพื่อหาทางยุติข้อขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และจะสร้างผลกระทบต่อประเด็นพระมหากษัตริย์ และจะเป็นปมขัดแย้งในสังคมไทย และส่งผลกระทบด้านลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ประเด็นที่ทั้งพิธาและชัยธวัชกล่าวอ้างว่าจะส่งผลกระทบด้านลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เมื่อฟังแล้วดูเหมือนว่าทั้งสองคนพยายามจะบอกว่าคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้เกิดปัญหาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่มีใครเข้าใจว่าผลกระทบที่พิธาและชัยธวัชบอกว่าจะเกิดผลกระทบนั้น จะเกิดอะไรขึ้น จะเกิดได้อย่างไร ใครจะก่อให้เกิด และหากจะเกิด ก็หมายความว่าจะเกิดจากความไม่พอใจเพราะศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าพิธา และพรรคก้าวไกลล้มล้างระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใช่หรือไม่
ขอได้โปรดพิเคราะห์ข้อความต่อไปนี้คำวินิจฉัยวันนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่จะกระทบต่อความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ สิทธิเสรีภาพของประชาชน สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องของอนาคตของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยังกล่าวด้วยว่าการตีความที่เหมือนไม่มีขอบเขต และหลักเกณฑ์ที่แน่นอน อาจเหมือนว่าการนิรโทษกรรมให้ผู้ถูกดำเนินคดี หรือผู้ต้องขังจากข้อหาในมาตรา 112 ถือว่ามีเจตนาซ่อนเร้นในการล้มล้างการปกครองก็ได้
การกล่าวอ้างทำนองว่าร้ายต่อศาลโดยพิธา และชัยธวัช เป็นเรื่องที่ทำให้สังคมไทยต้องตั้งคำถามอีกครั้งว่า สส. ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจจะกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญได้หรือ แล้ว สส. สามารถแสดงอาการและคำพูดประมาณว่าไม่เชื่อฟังคำตัดสินของศาลได้ กระนั้นหรือ หรือว่า สส. พรรคก้าวไกลไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพและยอมรับคำตัดสินของศาล เพราะว่า สส. พรรคก้าวไกลมีอำนาจนิติบัญญัติในกำมือแล้วไม่ต้องสนใจและไม่ยอมรับอำนาจของฝ่ายตุลาการหากจะถามแบบตรงประเด็นคือ สส. ทำผิดกฎหมาย แต่ยังคงตะแบงว่าตนเองไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่สนใจ และไม่เชื่อฟังคำตัดสินของศาลได้กระนั้นหรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี