นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดพรรคเพื่อไทย ที่นายใหญ่ส่งมาฝึกงานบริหารประเทศไทย เมื่อพ้นหน้าที่หัวหน้ารัฐบาลทิ้งผลงานเลวร้ายสร้างความหายนะให้ประเทศชาติที่ไม่อาจให้อภัยได้ ในสมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ครั้ง “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” รัฐบาลเพื่อไทยสร้างความเสียหายจากนโยบายรับจำนำข้าวกว่า 9.2 แสนล้านบาท และที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ทำลายตลาดค้าข้าวไทยเสียหายยับเยิน จากอันดับหนึ่งการส่งออกข้าวตกไปอยู่ลำดับบ๊วย ชื่อเสียงคุณภาพข้าวไทยก็เสียหายในวงการข้าวโลก
รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยุคนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นหน้าที่เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมาตลอดเวลา 358 วัน ในฐานะนายกรัฐมนตรี นอกจากไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันแล้วนายเศรษฐายังสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เมื่อสภาโอลิมปิกเอเชีย (OCA) สั่งยกเลิกการเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาเอเช่ียนอินดอร์เกมส์ ครั้งที่ 6ที่รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำสัญญาจะจัดในเดือนพฤศจิกายนนี้
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย แถลงว่า วันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมาOCA สั่งยกเลิกการเป็นเจ้าภาพ เอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ และ มาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ การถูกยกเลิกเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ประเทศไทยได้รับผลกระทบแน่นอน ทั้งเรื่องความเชื่อมั่น ภาพลักษณ์ของประเทศไทย อีกทั้งเรื่องของค่าชดเชยในส่วนต่างๆ สำหรับค่าใช้จ่ายที่ไทยจะต้องชดใช้นอกจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่ OCA ขายไปก่อนแล้ว ยังต้องจ่ายค่าวางระบบไอทีอีก 50 ล้านบาท และต้องชดเชยค่าตั๋วเครื่องบินของบางประเทศที่มีการสำรองตั๋วไปแล้ว ส่วนประเทศไทยเสียงบประมาณไปกว่า 980 ล้านบาท ในการเตรียมนักกีฬา
นอกจากความเสียหายด้านการเงินมหาศาล และชื่อเสียงของประเทศไทยแล้ว ความเสียหายที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ คือ อุตสาหกรรมกีฬาของประเทศไทย ตั้งแต่นี้ไปนักกีฬาอินดอร์เกมส์ที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย อาทิ เทควันโด แบดมินตัน วอลเลย์บอล มวย ยกน้ำหนักและอื่นๆไม่สมารถลงแข่งขันในมหกรรมกีฬานานาชาติ ในนามทีมชาติไทยได้ นักกีฬาในร่มของไทย ลงแข่งในมหกรรมกีฬานานาชาติได้ภายใต้ธง OCA เท่านั้นและการจัดแข่งขันนานาชาติ เพื่อจัดอันดับและเพิ่มทักษะนักกีฬาในประเทศไทยทำไม่ได้จนกว่า OCA จะพิจารณาอนุมัติใหม่
ดังนั้น จากนี้ไปนักกีฬาส่งออกของไทย ไม่ว่าจะเป็นวอลเลย์บอล แบดมินตัน และอื่นๆ จำกัดการฝึกซ้อมแข่งขันได้เฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น นี่คือความเสียหายที่โทษใครไม่ได้ นอกจากนายเศรษฐาที่ละเลยต่อหน้าที่ไม่สนใจทำให้ประเทศไทยเสียหายถึงเพียงนี้
หลังเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2562 พรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้งได้ สส. 151 ที่นั่ง มากกว่าทุกพรรคในสภา ในเวลานั้น พรรคเพื่อไทยวุ่นอยู่กับการเล่นละครสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นรัฐมนตรี ที่นายเศรษฐา ผู้ไม่คาดฝันว่า ตนจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐาโพสต์บนโซเชียลวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ว่า #ทราบข่าวจากเพื่อนในวงการกีฬาฟังแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะบอร์ดการกีฬาแห่งประเทศไทย มีมติจะขอยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์และมาเชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6หรือเลื่อนออกไปก่อน หลังจากเลื่อนมาครั้งหนึ่ง เมื่อปีที่แล้ว เพราะไม่มีงบประมาณในการจัดการแข่งขัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก
แต่หลังจากนายเศรษฐาได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 เขาหมกมุ่นอยู่แต่กับนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ทัวร์ต่างประเทศและให้ความสำคัญกับโครงการ Soft Power รัฐบาลนายเศรษฐาอนุมัติงบประมาณ 5,000 ล้านบาท ให้ใช้ในโครงการซอฟต์ พาวเวอร์ไทย ที่มี น.ส.แพทองธารนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน เป็นรองประธานโครงการ คนไทยถึงได้เห็นนายเศรษฐากับน.ส.แพทองธาร เหมือนแฝดอิน-จัน ในการเดินสายโปรโมทซอฟต์ พาวเวอร์ไทยในต่างประเทศ ประมาณการว่า นายเศรษฐาผลาญงบประมาณไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท ในการทัวร์ 17 ประเทศ ในจำนวนนี้เช่าเหมาลำเครื่องบินพาณิชย์ 14 เที่ยว
ส่วนเรื่องงบประมาณสำหรับจัดการบริหารการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ครั้งที่ 6 นายเศรษฐา ปล่อยให้ดร.ก้องศักดยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เทียวไปเทียวมา หารือต่อรองกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จน ดร.ก้องศักด กล่าวว่า..“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางกกท.ในฐานะเป็นฝ่ายปฏิบัติการ ได้เดินหน้าตามแผนการจัดการแข่งขันมาโดยตลอด ทั้งการดูแลและการฝึกซ้อมของนักกีฬา สนามแข่งขัน ที่พัก การจราจร แต่ทาง OCA ต้องการที่จะได้ความชัดเจนถึงเรื่องงบประมาณที่จะใช้จัดการแข่งขัน....การอนุมัติงบประมาณสำหรับการเซ็นสัญญาเป็นเจ้าภาพ เป็นสิ่งที่เราปฏิบัติไม่ได้ ขึ้นอยู่กับทางท่านรัฐมนตรี และคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ซึ่งที่ผ่านมามีการเลื่อนประชุมมาหลายรอบ ทำให้แผนงานและงบประมาณยังไม่ได้รับการพิจารณา”
19 พฤษภาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยืนยันความพร้อมไทยเป็นเจ้าภาพจัด Asian Indoor and MartialArts Games เชื่อมั่นต่อยอดความสำเร็จกีฬาของไทย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งสนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬาประเทศไทยสู่สากล เพิ่มขีดความสามารถและพัฒนาศักยภาพด้านการกีฬาของไทย โดยได้มอบหมายให้ นายมาริษเสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬา the 6th Asian Indoor and Martial Arts Games ในระหว่างวันที่ 21–30 พฤศจิกายน 2567 ณ กรุงเทพมหานครและจังหวัดชลบุรี
ด้าน นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ที่ปรึกษาของ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าในการจัดการแข่งขันกีฬาดังกล่าว ใช้งบประมาณกว่า 2,299 ล้านบาท ภายใต้ 38 ชนิดกีฬาและคาดการณ์จำนวนนักกีฬาเข้าร่วมไว้ที่ประมาณ14,000 คน แต่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย หรือ OCA แจ้งหนังสือถึงนายเสริมศักดิ์ในการปรับลดชนิดกีฬาเหลือเพียง 24 ชนิด ประกอบกับข้อมูล ณ วันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา พบว่ามีการลงทะเบียนนักกีฬาทั้งหมดเพียง 1,938 คน ใน 24 ชนิดกีฬา ดังนั้น สิ่งที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นกังวลคือประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยจากการจัดการแข่งขัน แต่สิ่งที่ใช้เวลาพิจารณาคืองบประมาณสำหรับการจัดการแข่งขัน ที่อาจไม่คุ้มค่า
เป็นที่น่าสังเกตว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพิ่งชี้แจงว่า...“สิ่งที่ใช้เวลาพิจารณาคืองบประมาณสำหรับการจัดการแข่งขันที่อาจไม่คุ้มค่า” ทั้งๆ ที่นายเศรษฐาแสดงความกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 และเมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน นายเศรษฐายืนยันพร้อมจัดการแข่งขันตลอดมา แต่ทำไมเพิ่งมาแก้ตัวว่า...สิ่งที่ใช้เวลาในการพิจารณาใช้งบประมาณจัดการแข่งขัน อาจไม่คุ้มค่า หลังนายเศรษฐาพ้นหน้าที่ไปแล้วตั้งแต่ 14 สิงหาคม 2567
จึงไม่แปลกใจที่ OCA สั่งถอนประเทศไทยออกจากการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ ต้นเหตุของความเสียหายครั้งนี้จึงตกอยู่ที่นายกรัฐมนตรีฝึกงานของพรรคเพื่อไทยจึงเป็นบทเรียนแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไทยในการเลือกนายกฯฝึกงานเข้ามาบริหารประเทศ
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี