วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
บอกตรงๆ พูดชัดๆ โดยอาศัยข้อมูลจากทุกๆ ด้าน แล้วสรุปได้ว่า กิตติรัตน์ ณ ระนอง ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยประการทั้งปวง และต้องเตือนความจำว่า กิตติรัตน์ ณ ระนอง คืออดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในสมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
ถามว่ากิตติรัตน์มีงานการเมืองที่โดดเด่นอะไรบ้าง ตอบว่า หาไม่พบ แต่หากถามว่า แล้วมีอะไรบ้างที่เป็นภาพลบของกิตติรัตน์ คำถามนี้ตอบไม่ยาก เพราะมีดังนี้ อันดับแรกคือ ยุคที่กิตติรัตน์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขาจงใจให้ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่ตรงกับความจริง โดยกิตติรัตน์แถลงตัวเลขเศรษฐกิจที่จงใจทำให้คลาดเคลื่อนกับสื่อมวลชน จนได้รับการตั้งฉายาว่า โกหกสีขาว (white lies)
ต้องบอกและย้ำว่ากิตติรัตน์ยอมรับหลังจากถูกสื่อมวลชนและนักเศรษฐศาสตร์จับได้ว่าพูดเท็จเรื่องตัวเลขเป้าหมายการส่งออกของปี 2555 จนสุดท้ายกิตติรัตน์ต้องยอมรับเองว่าโกหก แต่อ้างว่าเป็นโกหกสีขาว โกหกเพราะต้องการให้ภาพลักษณ์การส่งออกของไทยดูดี แต่ต้องย้ำว่า การที่รัฐมนตรีมีพฤติกรรมจงใจโกหกในสาระสำคัญของตัวเลขที่มีผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจ นับเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุด เพราะการโกหกดังกล่าวจะส่งผลเสียโดยตรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ
การโกหกนั้น ไม่ว่าจะโกหกสีอะไรก็ตาม มันก็คือการพูดเท็จ และต้องย้ำว่าการพูดเท็จก็คือการโกหก และต้องย้ำว่าคนโกหกไม่เคยรังเกียจการกระทำผิด ไม่เคยมีคนโกหกรายไหนไม่ทำผิด และไม่เคยมีคนดีคนใดกล้าพูดโกหก เพราะการโกหกก็คือการโกหก การโกหกนั้นจะสีขาวหรือสีแดง หรือสีอะไรก็ตาม มันก็คือการโกหก แต่หากจะอ้างว่าโกหกเพื่อให้ผู้ฟังเกิดความสบายใจ ก็เป็นการอ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการโกหกเรื่องตัวเลขการส่งออกคือการทำร้ายประเทศ และทำลายเศรษฐกิจของประเทศโดยจงใจ
นอกจากประเด็นกิตติรัตน์โกหกเรื่องตัวเลขส่งออกแล้ว ก็พบอีกว่ายังโกหกเรื่องการอนุมัติเงินสำหรับโครงการจำนำข้าว โดยบอกว่าต้องกู้เงินอีก 1.3 แสนล้านบาทเพื่อใช้ในโครงการรับจำนำข้าวสำหรับฤดูกาลผลิต 2556/2557 ซึ่งในขณะนั้นกิตติรัตน์อยู่ในรัฐบาลรักษาการโดยตามมาตรา 181 (3) ระบุว่า กรณีรัฐบาลประกาศยุบสภา คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็น ภายใต้เงื่อนไขเท่าที่กำหนด คือไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป แต่ทว่ากิตติรัตน์กลับบอกว่ารัฐบาลรักษาการสามารถทำได้ โดยอ้างว่าเป็นโครงการต่อเนื่อง ไม่ใช่การอนุมัติโครงการใหม่ ด้วยการอ้างถึงมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 กันยายน 2556 ที่กำหนดวงเงินโครงการจำนำข้าวนาปี ฤดูกาลผลิต2556/2557 วงเงิน 2.7 แสนล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นโครงการเดิม และอ้างด้วยว่าเป็นกรอบวงเงินใหม่ ที่ไม่เกี่ยวกับวงเงินเดิม 5 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำว่ารัฐบาลรักษาการไม่สามารถทำได้ เพราะผิดกฎหมาย
และเมื่อกล่าวถึงกิตติรัตน์แล้ว จะพบว่าเขาคือคนที่ประกาศว่า (ผู้ว่าการ) ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องทำตามความต้องการของรัฐบาล แล้วกิตติรัตน์ก็เคยประกาศชัดๆ ว่าต้องการปลดประสาร ไตรรัตน์วรกุลออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะไม่พอใจที่ประสานขัดขวางไม่ยอมให้รัฐบาลที่กิตติรัตน์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนำเงินสำรองระหว่างประเทศออกไปถลุงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย รวมถึงการจงใจผลักภาระหนี้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับผิดชอบ รวมถึงการจงใจกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ย โดยอ้างว่าเพื่อทำให้ค่าเงินบาทไม่แข็งค่าจนเกินไป
ข้างต้นนั้นคือพฤติกรรมของกิตติรัตน์ที่ปรากฏชัดในยุคประสาร ไตรรัตน์วรกุล เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ครั้งมายุคเศรษฐพุฒิสุทธิวาทนฤพุฒิ เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็พบว่ากิตติรัตน์ก็กดดันให้เศรษฐพุฒิต้องลดดอกเบี้ยนโยบายอีกเช่นกัน ทั้งนี้ กิตติรัตน์ จงใจกดดัน เศรษฐพุฒิ ในขณะที่ตนเองมีตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คือ เศรษฐา ทวีสิน โดยข้อความที่ กิตติรัตน์ กดดันคือไม่ได้เพิ่งมาพูด จะพูดไปจนกว่าจะเปลี่ยน ซึ่งคนที่ตามข่าวนี้เข้าใจตรงกันว่า กิตติรัตน์ ต้องการเปลี่ยนตัวผู้ว่าฯธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะเห็นว่าผู้ว่าฯ ไม่ทำตามความต้องการของรัฐบาล
หากสังคมไทยปล่อยให้นักการเมืองใช้อำนาจไม่ชอบธรรมก้าวก่าย แทรกแซง บีบคั้น ข่มขู่ ขู่เข็ญผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ทำตามความต้องการของนักการเมือง เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของนักการเมือง ก็หมายความว่าประเทศไทยจะเสียความน่าเชื่อถือศรัทธาจากนานาชาติในเรื่องนโยบายการเงิน แล้วจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศล่มสลายในที่สุด

รวบพี่น้องร้านนวด สั่งเด็ก 15 ค้ากาม รับแขกโหดวันละ 6-8 ราย แลกเงิน 300-500 บาท
กัณวีร์ จี้ต่อมสำนึกรัฐบาลช่วยเหยื่อสแกม มินละปาน กว่า 300 คน
ในหลวง พระราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ธรรมนัส นำนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เหรียญทองโอลิมปิก และคณะเฝ้าฯ
ศาลอาญารับอุทธรณ์ คดี ม.112 ของ ทักษิณ สั่งจำเลยทำอุทธรณ์แก้ภายใน 15 วัน
กษัตริย์สีหมุนี ยกย่อง2พ่อลูกตระกูลฮุนปกป้องชาติ ชื่นชมคนกัมพูชาสามัคคี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี