คนไทยจำนวนมากคุ้นเคยและเชื่อว่าคนบางคนทำผิดกฎหมายไทย แต่ไม่ติดคุก เพราะว่าคุกไทยมีไว้ขังคนจนกับหมาเท่านั้น ดังนั้น จึงเห็นเป็นประจำว่าคนจำพวกที่มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการตำแหน่งใหญ่โต นักการเมือง พ่อค้านักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ มาเฟีย เจ้าพ่อเจ้าแม่ผู้มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้มีอำนาจรัฐ รวมถึงลูกหลานจำพวกเศษสถุลของนักการเมือง เมื่อคนพรรค์อย่างว่านั้นทำผิดกฎหมาย จึงไม่ต้องติดคุกติดตะราง เพราะบางรายก็หลบหนีออกนอกประเทศโดยความรู้เห็นเป็นใจของผู้มีอำนาจรัฐ บางรายก็ไปหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ของผู้มีอิทธิพล บางรายก็หลบอยู่ในเขตของคนมีสี 

เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องประหลาดใจที่นายกรัฐมนตรีไทย ไม่เคยติดคุกติดตะรางแม้แต่คนเดียว ต่อให้มีการรัฐประหารก็ยังปรากฏว่านายกรัฐมนตรีไทยยังอุตส่าห์หลบหนีออกนอกประเทศได้ทุกราย

เมื่อคนไทยรู้ดีว่าการเป็นคนมีอำนาจราชศักดิ์ มีตำแหน่งแห่งที่ใหญ่โต มีอำนาจรัฐ มีอำนาจเงิน เมื่อทำผิดไม่ต้องติดคุก ดังนั้น คนต่างด้าวท้าวต่างเมืองก็รู้เช่นกันว่า การทำผิดในเมืองไทยไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะหากมีเงินจำนวนมากยัดให้นักการเมืองผู้มีอำนาจรัฐ หรือยัดให้ตำรวจทหาร หรือข้าราชการที่เต็มใจรับเงินทุจริต ก็สบายใจหายห่วงไม่ต้องติดคุกเมืองไทย

ขนาดนักท่องเที่ยวชาวจีนยังนำเรื่องเลวทรามของตำรวจไทยไปลงประจานใน social media ว่า หากต้องการรถหวอนำขบวนออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก็ทำได้สบายมาก แค่เพียงจ่ายเงินให้ตำรวจ แค่นี้ก็สำเร็จแล้ว หรือแม้กระทั่ง การมีภาพนักท่องเที่ยวต่างชาติสูบบุหรี่ดื่มเบียร์ ดื่มเหล้ากันอย่างเปิดเผยเอิกเกริก ขณะกำลังเล่นน้ำทะเลในเขตอุทยานแห่งชาติฯก็ยังมีให้เห็น เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เป็นอันขาด ถ้าหากเจ้าหน้าที่ของไทยรักเกียรติ รักศักดิ์ศรี และยึดมั่นในกฎหมาย กฎกติกา และข้อห้ามที่ทางการกำหนดไว้ แต่เปล่าเลยเพราะเจ้าหน้าที่ของไทยน้อยรายเหลือเกินที่จะให้ความสำคัญกับเกียรติและศักดิ์ศรีของข้าราชการไทย  

มิใช่เพียงเท่านั้น ยังปรากฏอีกว่าตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบางจำพวกที่ประจำการอยู่ตามท่าอากาศยานนานาชาติของไทยยังปล่อยให้คนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าคนจีนบางจำพวกเข้าเมืองโดยใช้ Visa ผิดประเภท เช่น ใช้ Student Visa ทั้งๆ ที่ไม่ได้เข้ามาเรียนหนังสือ ส่วนเจ้าหน้าที่จำพวกเลวทรามของมหาวิทยาลัยไทย ไม่ว่าจะมหาวิทยาลัยของรัฐหรือของเอกชนก็พร้อมใจกันทำผิด โดยช่วยให้คนต่างชาติแอบอ้างสถานภาพของนักศึกษา ทั้งๆ ที่ไม่มีการเรียนการสอนที่แท้จริง แต่ด้วยความเห็นแก่ได้ของมหาวิทยาลัยชั้นต่ำเหล่านั้น ก็จึงทำให้คนต่างชาติได้เอกสารกำมะลอเพื่อประกอบการขอStudent Visa แล้วเมื่อคนเลวเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในประเทศไทย พวกมันก็ทำร้ายทำลายประเทศไทยให้พังพินาศ 

นอกจากนั้น ประเทศไทยยังอุดมไปด้วยหลักสูตรไร้สติสิ้นปัญญาของเหล่าสิ่งมีชีวิตสองขา จำพวกตะกายหาความเป็นอภิสิทธิ์ชน โดยหลักสูตรสามานย์จำพวกที่ว่านั้นมีชื่อประมาณว่าหลักสูตรผู้บริหารชั้นสูงจากภาครัฐและเอกชน แต่อันที่จริงคือหลักสูตรสร้างความสัมพันธ์แบบเลวทราม ชนิดช่วยกันโกงบ้านกินเมือง ดังจะพบได้ว่ามีหลักสูตรสามานย์ทั้งในส่วนของกองทัพต่างๆ และยังพบในหน่วยงานด้านยุติธรรม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง และหน่วยงานจากตลาดหลักทรัพย์ และอื่นๆ อีกมากมาย แม้กระทั้งในวัดต่างๆ ที่อาศัยการบวชพระเป็นเครื่องบังหน้า

หลักสูตรต่างๆ ที่ว่านั้นคือตัวการที่ทำให้คนที่เข้าไปรวมตัวกันเพื่อสร้างเครือข่ายของกลุ่มผู้มีอิทธิพล แล้วร่วมกันหากินในรูปแบบต่างๆ ทั้งสุจริตและทุจริต แต่ที่สำคัญคือพบว่าบางกลุ่มรวมตัวกันเพื่อฉ้อฉลปล้นทรัพยากรของประเทศ

แต่ก็ยังนับว่าดีที่สังคมไทยยังหลงเหลือคนดีอยู่บ้าง โดยคนดีที่ว่านั้นทำหนังสือคัดค้านถึงประธานศาลฎีกาเพื่อขอให้ยกเลิกโครงการอบรม (ลวงโลก) ที่อ้างชื่อกระบวนการยุติธรรมระดับสูง และขอให้ไม่ส่งผู้พิพากษาไปเข้าอบรมหลักสูตรอภิสิทธิ์ชน อาทิ วปอ. (หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร) ปปร. (หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง และตลท. (หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงสถาบันวิทยาการตลาดทุน) และหลักสูตรอภิสิทธิ์ชนอื่นๆ ด้วย

เราจะพบว่าสิ่งมีชีวิตสองขาบางจำพวกตะเกียกตะกาย กระเสือกกระสน ทุรนทุรายเข้าไปมั่วสุมในหลักสูตรอภิสิทธิ์ชนต่างๆ นานา โดยบางรายบ้าหนักถึงกับนำชื่อหลักสูตรอภิสิทธิ์ชนทุกชนิดที่ตนเองเข้าไปมั่วสุมไปพิมพ์ประจานตัวเองไว้บนนามบัตร หรือไม่ก็ประจานไว้บนบัญชีของตนเองใน social media 

ตราบเท่าที่สังคมไทยยังคงบ้าบอกับหลักสูตรอภิสิทธิ์ชนก็ไม่ต้องหวังว่าสังคมไทยจะเจริญก้าวหน้าอย่างแท้จริง แล้วก็ไม่ต้องหวังว่าสังคมไทยจะหลุดพ้นคำครหาว่า คุกไทยมีไว้ขังคนจนกับหมา เพราะถ้าหากคนจนกับหมายังไม่สามารถเข้าไปมั่วสุมในหลักสูตรอภิสิทธิ์ชนได้ ก็จะต้องติดคุกต่อไป ส่วนพวกอภิสิทธิ์ชนที่ทำผิดสาหัสสักเพียงใดก็ไม่ต้องติดคุก เพราะมันคืออภิสิทธิ์ชน