พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เคยถูกแซวว่า “เป็นคนตลก”จึงมีคำพูดติดปากผู้คนในโซเชียลพูดกันเล่นๆว่า “นายกฯเป็นคนตลก” ซึ่งเป็นความหมายในเชิงบวก หมายถึงคนที่มีอารมณ์ขัน ซึ่งมักจะแสดงออกผ่านการให้สัมภาษณ์ การพูดในโอกาสต่างๆ คำว่า“นายกฯเป็นคนตลก” จึงไม่ใช่ความหมายในเชิงลบ แต่เป็นการบ่งบอกบุคลิกภาพอีกด้านหนึ่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ในขณะที่ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน คือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่ได้มีภาพจำว่า “เป็นคนตลก”แบบพลเอกประยุทธ์ แต่ยิ่งนานวันกลับยิ่งถูกมอง “ตัวตลก” มากขึ้นเรื่อยๆ
ตั้งแต่เรื่องเล็กๆอย่างการแต่งตัว ที่ไม่ถูกกาลเทศะ ที่ถูกวิจารณ์บ่อยครั้ง รวมถึงกิริยามารยาท ที่ไม่เหมาะสมในหลายๆ โอกาส ซึ่งเรื่องแบบนี้ กองเชียร์พรรคเพื่อไทยอาจจะออกมา
ปกป้องว่า ไม่ควรเอาเรื่องหยุมหยิมเล็กๆ น้อยๆมาเป็นประเด็นโจมตีผู้นำประเทศ แต่ลืมนึกไปว่าน.ส.แพทองธาร วันนี้ไม่ใช่แค่ลูกของนายทักษิณ ไม่ใช่“ผู้หญิงคนหนึ่ง” ที่มีเสรีภาพจะแต่งตัวอย่างไรก็ได้ จะแสดงออกอย่างไรก็ได้
แต่เป็นผู้นำประเทศ ซึ่งแบกหน้าตาของคนทั้งประเทศเอาไว้ การปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับกาลเทศะ หรือ แบบแผนสากลที่ผู้นำประเทศพึงปฏิบัติย่อมเป็นเรื่องจำเป็น เพราะผู้นำคือหน้าตาของประเทศ
และสำหรับ น.ส.แพทองธาร ไม่ได้แค่เรื่องแต่งกาย หรือการวางตัวเท่านั้น ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก จนถึงขั้นล้อเลียน จนกลายเป็น“ตัวตลก” ซึ่งมีความหมายในเชิงลบ
การแสดงความคิดเห็น ในเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารงานบ้านเมือง ก็หนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน หลายครั้งที่การออกมาพูด หรือให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี ได้แสดงออกถึงความไม่รู้จริง หรือไม่เข้าใจในเรื่องที่พูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องค่าเงิน
ยิ่งในสถานการณ์ ที่ประเทศกำลังมีประเด็นที่เกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบัน ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า น.ส.แพทองธาร ไม่เหมาะสมกับความเป็นผู้นำเลยแม้แต่น้อย
การตัดสินใจอย่างทันท่วงทีและเหมาะสมในการชี้แจง ตอบโต้ สถานการณ์ เธอสอบตกอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับผู้นำกัมพูชาประเทศคู่กรณีของไทย ก็ถือว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นายกรัฐมนตรีของเรานั้น ตอบคำถามอะไรก็กว้างๆ เบาหวิว ไร้น้ำหนัก เหมือนคนไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังพูด ขณะที่นายกรัฐมนตรีของประเทศเพื่อนบ้านคู่กรณีของเรา สื่อออกมามีเป้าหมายชัดเจนตามที่เขาต้องการ
โชคดีที่เรามีฝ่ายความมั่นคง มีกองทัพที่มีประสบการณ์ และมีความรู้ความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ และได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนทั้งประเทศ และพยายามกดดันฝ่ายการเมืองที่นายกรัฐมนตรีผู้ไม่ประสีประสาเป็นผู้นำอยู่ ให้ดำเนินการในสิ่งที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่อย่างนั้นแล้วเราอาจจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำได้
แต่ที่ตอกย้ำให้เห็นชัดเจนที่สุด ก็คือภาพการต่อปากต่อคำกับนักข่าว ที่ทำหน้าที่ของตัวเองด้วยการถามในสิ่งที่ประชาชนอยากรู้ แต่เป็นคำถามที่นายกรัฐมนตรีอาจจะไม่อยากตอบ แล้วมีการแสดงออกผ่านคำพูด สีหน้า ท่าทาง แววตา ที่บ่งบอกว่าลืมตัว คุมอารมณ์ไม่อยู่ จนกลายเป็นไวรัลทั่ว
สิ่งเหล่านี้มากพอที่จะสรุปว่า นายกรัฐมนตรี ของประเทศไทยคนนี้ ไม่มีทั้งความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ วุฒิภาวะ และความเป็นผู้นำ มากพอที่จะมาทำงานในตำแหน่งนี้เลยแม้แต่น้อย
ทำได้แค่เพียงเป็นลำโพง ที่คอยถ่ายทอดความคิด ความต้องการของผู้เป็นบิดาของตัวเอง ผ่านตำแหน่งผู้นำประเทศเท่านั้นเอง ยิ่งอยู่ก็ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ มากขึ้นทุกทีมองไปข้างหน้าหาอนาคตของประเทศชาติไม่เจอเลยจริงๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี