นับเป็นข่าวฉาวสะเทือนวงการผ้าเหลืองครั้งใหญ่จากกรณีการจับกุมดำเนินคดีกับอดีตเจ้าคุณแย้ม หรือ พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม และเจ้าคณะภาค 14 กระทำการทุจริตยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารของวัดโอนเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัว เพื่อนำไปเล่นพนันบาคาร่าออนไลน์ กว่า 300 ล้านบาท หลังส่งสายลับเข้าแฝงตัวในวัดมานานกว่า 8 เดือน
อดีตเจ้าคุณแย้ม ไหวตัวชิงเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนถูกศาลอนุมัติหมายจับในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ หรือจัดการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบัง หรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” กรรมสนองทันตาจากพระห่มเหลืองอยู่วัด มีคนกราบไหว้ กลายเป็นผู้ต้องหาอยู่คุก
นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังขยายผลตามไปจับกุมผู้ต้องหาร่วมขบวนการเครือข่ายของอดีตเจ้าคุณแย้มอีกหลายราย ทั้งสาวคนสนิท นายหน้าเว็บพนันที่ยังมีคดีติดตัว ซึ่งเข้าไปพัวพันกันมาตั้งแต่ปี 2564 และอดีตพระคนสนิท ทำหน้าที่นำเงินไปฝากตู้รับฝากเงินอัตโนมัติตามที่ต่างๆ เพื่อโอนต่อไปยังบัญชีธนาคารของนายหน้าสาวคนสนิท ฝากเล่นพนันออนไลน์
คดีดังกล่าวถือว่า สร้างความอัปยศในประวัติศาสตร์วงการสงฆ์ เนื่องจากผู้กระทำความผิดเป็นถึงพระชั้นผู้ใหญ่ระดับชั้นธรรม และยังเป็นเจ้าอาวาสวัดพระอารามหลวง สร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2394 ซึ่งมิเพียงเป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เท่านั้นยังมีพระพุทธรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิง ตามตำนานเล่าว่าลอยน้ำมา เป็นที่เคารพสักการะยิ่งของพุทธศาสนิกชน และเป็นหมุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ไปกราบไหว้ขอพรอย่างสม่ำเสมอ
ถึงแม้อดีตเจ้าคุณแย้ม ยอมลาสิกขาด้วยตัวเองและถูกคำสั่งคณะปกครองสงฆ์ ปลดพ้นจากทุกตำแหน่งไปแล้ว ส่วนการเอาผิดคดีทางอาญาก็ต้องดำเนินต่อไป แต่ความด่างพร้อยที่อดีตพระชั้นผู้ใหญ่รายนี้ทิ้งเอาไว้แก่คณะสงฆ์ไทย กลับเสียหายใหญ่หลวงยิ่งนัก ถึงขนาดมีผู้กล่าวเปรียบเทียบว่า เป็นภิกษุมหาโจรปล้นเงินทำบุญไปได้ตั้ง 300 ล้านบาท คุณธรรมต่ำกว่าชาวบ้าน อับอายไปถึงนรกอเวจีเลยทีเดียว
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ว่า ได้สั่งการให้ พศ. ประสานตรวจสอบทรัพย์สินของวัดว่ามีมากน้อยแค่ไหน จำหน่ายจ่ายโอนไปชอบหรือไม่ชอบอย่างไร รวมทั้งจะพูดคุยกับ พศ. และมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อหารือในเรื่องกฎระเบียบ โดยเฉพาะเรื่องการใช้จ่ายบัญชีวัดว่า มีช่องว่างอะไร และจะต้องมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมบ้างเพื่อให้เกิดความรัดกุม
แนวทางจัดระเบียบพระสงฆ์ลักษณะนี้ เคยถูกพูดถึงหลายครั้งหลายหน แต่สุดท้ายก็เงียบหายไปเหมือนไฟไหม้ฟาง เกิดความตื่นตัวแค่ช่วงระยะเป็นข่าว แล้วก็เข้าอีหรอบเดิม พระเณรพวกนอกรีตยังมีทั้งเรื่องประพฤติผิดศีลธรรม ละเลยพระธรรมวินัย หมกมุ่นในกามคุณ เห็นแก่ลาภยศสรรเสริญ หรือแม้กระทั่งเบียดเบียนผู้อื่นเป็นอาจิณ โดยไม่แคร์สายตาชาวบ้านว่าจะมองอย่างไง ลำพังหวังพึ่งคณะปกครองสงฆ์ก็เข้าไปจัดการอะไรได้ไม่มากนัก
กรณีอดีตเจ้าคุณแย้ม น่าจะถึงเวลาแล้วที่คณะปกครองสงฆ์ และฝ่ายฆราวาสที่เกี่ยวข้อง ควรจะต้องดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ รวมทั้งสังคายนากฎระเบียบต่างๆ อย่างจริงจังเพื่อให้ทันยุคทันสมัย พระต้องตรวจสอบบัญชีได้ สร้างกลไกทางสังคมช่วยกันสอดส่องดูแลพฤติกรรมพระและวัด ให้อยู่กรอบจริยวัตรที่ดีงาม เพราะวงจรผลประโยชน์ธุรกิจที่มีอยู่ตามวัดต่างๆ นั้น มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น กลไกที่มีอยู่ปัจจุบันตามไม่ทันแล้ว
ขณะเดียวกัน การจะบอกว่า พระสงฆ์บางรูปเป็นต้นเหตุแห่งความเสื่อมศรัทธานั้น ก็นับเป็นข้อเท็จจริงประการหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็คือ อุบาสกอุบาสิกาบางกลุ่มเองนั่นแหละที่มีศรัทธาอย่างขาดสติ มุ่งเน้นประเคนปัจจัยจนเกินความจำเป็น ส่งเสริมจนพระเณรยึดติดในวัตถุนิยม มุ่งเน้นสร้างและบูชาวัตถุ มากกว่าการปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราพุทธบริษัททั้ง ๔ จะต้องสำนึกในความมีส่วนร่วมที่จะช่วยกันบำรุงรักษาพระพุทธศาสนาอย่าให้เสื่อมสูญไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี