สถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเวลานี้..มีเรื่องร้อนๆ..3 เรื่องที่เกี่ยวพันกับอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร..ซึ่งชวนให้ต้องติดตาม
นั่นก็คือ..เรื่องแรก-ปัญหาชายแดน“ไทย-เขมร”ที่จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม“ไทย-กัมพูชา” (JBC) ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้..ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา,..เรื่องที่สอง-มติแพทย์สภาที่ถูกวีโต้จากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน..รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข..ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา..ที่จะมีการประชุมในวันที่ 12 มิถุนายนพรุ่งนี้..และเรื่องที่สาม-การไต่สวนนัดแรกคดี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14”..ที่โรงพยาบาลตำรวจ..ของ“ทักษิณ ชินวัตร”..ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง..นัดไต่สวนครั้งแรกในวันที่ 13 มิถุนายนมะรืนนี้
ทั้ง 3 เรื่องนี้..มีผลต่อชะตากรรมของชาติบ้านเมือง..ภายใต้การบริหาราชการแผ่นดินที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ..และ“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นผู้ชักใย
เรื่องร้อนๆ..เรื่องแรก..ก็คือ..เรื่องชายแดน“ไทย-เขมร”..ที่เป็นปัญหาทับซ้อนของ“ตระกูลชินวัตร”ของไทย..กับ“ตระกูลฮุน”ของเขมร..ซึ่งแม้จะคลี่คลายลงไประดับหนึ่ง..แต่ก็ยังเป็น“ทุ่นระเบิด”ที่พร้อมจะระเบิดขึ้นมาอีกเมื่อใดก็ได้..โดยจับสัญญาณจากการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนเมื่อวานนี้..ของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงกลาโหม..ที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหมตัวจริง..และเป็น“คีย์แมน”ที่มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งในการเจรจากับเขมร..โดยกล่าวว่า“สถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อย..เพราะทั้งสองฝ่ายได้ปรับกำลัง ไม่ได้เผชิญหน้ากัน”
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม..พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์..ซึ่งเคยนั่งเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯสมช.)..สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา..ยังกล่าวด้วยว่า.. มาตรการควบคุม“เปิด-ปิด”ด่านตามแนวชายแดน“ไทย-เขมร”..ทางฝ่ายกองทัพยังคงไว้อยู่..และหลังจากนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)..จะมาเปิดเผยอีกครั้งหนึ่งว่า..จะดำเนินการอย่างไรต่อไป..รวมถึงมาตรการตัดน้ำ-ตัดไฟ..และตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต..ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ด้วย
อย่างไรก็ดี..เรื่องปัญหาเขมรนี้..ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตา..และจะมีผลสะเทือนโดยตรงต่อ“ทักษิณ ชินวัตร”..กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มี“แพทองโพย”เป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”..จากการขยับของ“สนธิ ลิ้มทองกุล”..อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)..ที่ประสานมือกับ“จตุพร พรมหมพันธุ์”อดีตประธาน นปช. รวมทั้งประสานพลังกับ..คปท. ศปปส. และกองทัพธรรม..ที่ได้ไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนวานนี้ เพื่อให้รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรี..ทำหน้าที่“ปกป้อง..รักษาอธิปไตย และความมั่นคงของชาติ”..กรณี“เขมรรุกล้ำไทยตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา”
“สนธิ ลิ้มทองกุล”..ที่เคยลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยของ“ทักษิณ ชินวัตร”..และรัฐบาลหุ่นเชิดของ“ทักษิณ”..คือรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์..ต้องพ้นจากอำนาจมาแล้ว..กล่าวว่า “ผมได้ประกาศไปแล้วว่า..เรื่องอะไรพอจะรับกันได้..นั่นคืออดทนกันได้..แต่ถ้าเรื่องอธิปไตยของชาติถือว่ายอมกันไม่ได้..ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็ต้องแตกหักกัน..ผมเชื่อว่าประเทศไทย..คนไทยทั่วประเทศจะเข้ามาร่วมกับผมและพวกเรา..ในเรื่องของการปกป้องอธิปไตยของชาติ..เพราะว่าเรามีคนไทยใจเขมร..ผมไม่สนใจว่าทักษิณ-ชั้น 14..จะตายโหงตายห่าอย่างไร..เพราะรู้ว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ..แต่ผมสนใจคนที่ทรยศต่อชาติบ้านเมืองที่อยู่ในประเทศไทย..ที่แอบส่งเสริมให้กัมพูชายึดพื้นที่ของไทย”
อดีตแกนนำพันธมิตรฯ นามว่า“สนธิ ลิ้มทองกุล”ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ..ประกาศกลางทำเนียบรัฐบาลจากการยื่นหนังสือครั้งนี้..ที่มี..นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์, นายวีระ สมความคิด, นายนิติธร ล้ำเหลือ, นายพิชิต ไชยมงคล, เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์, นายใจเพชร กล้าจน, นายคมสัน โพธิ์คง และนายประพันธ์ คูณมี เป็นต้น ร่วมเป็นตัวแทนด้วย ว่า
“หากถามว่า..ผมจะมีการลงถนนอีกหรือไม่นั้น..หากจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย..และขับไล่รัฐบาลชั่วช้า..ถ้าจะลงถนนผมก็ไม่ขัดข้อง..อายุ 78 ปีแล้ว..ขอลงครั้งสุดท้ายก่อนตายผมก็ยินดี..และเชื่อว่าพี่น้องประชาชนก็ร่วมกับผมแน่นอน..เพราะฉะนั้น..จึงฝากถึง นางสาวแพทองธาร..และนายภูมิธรรม..ว่าประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย”
การยื่นหนังสือของ“สนธิ ลิ้มทองกุล”และคณะ..ผ่านนายสมคิด เชื้อคง..รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง..ถึง“แพทองโพย”ครั้งนี้..ได้เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีที่มี“แพทองโพย”เป็นผู้นำ..ดำเนินมาตรการตอบโต้เขมร..รวมทั้งหมด 6 ข้อโดยสรุปดังนี้
1.รัฐบาลต้องประกาศย้ำไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก..และไม่ยอมรับการเสนอเรื่องของประเทศกัมพูชา..ที่จะนำคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก..หรือองค์กรอื่นใด..หรือชาติใดๆ...เพราะข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า..ประเทศกัมพูชารุกล้ำดินแดนและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย..และต้องแก้ไขปัญหาด้วยกลไกของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา (JBC)เท่านั้น..และต้องไม่ยอมรับการเจรจาด้วยองค์กรอื่นใดและประเทศใดๆ..ที่จะเข้าเป็นตัวกลางโดยเด็ดขาด..และหากไม่สามารถหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นธรรมได้..รัฐบาลต้องยิมยอมให้กองทัพไทยแก้ปัญหา..ด้วยมาตรการการใช้กำลังทหาร
2.รัฐบาลต้องประท้วงตอบโต้เป็นหนังสืออย่างเป็นทางการว่า..ดินแดนที่ประเทศกัมพูชากล่าวอ้างจะนำเข้าสู่ศาลโลก..คือ..บริเวณปราสาทตาเมือนธม..ปราสาทตาเมือนโต๊ด..ปราสาทตาควาย..สามเหลี่ยมมรกต..และศาลาตรีมุข..ที่ถูกกัมพูชาเผาไป..เป็นดินแดนในอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยตามแนวสันปันน้ำตามธรรมชาติ..ตามอนุสัญญาฉบับปี 1904 และฉบับปี ค.ศ.1907 ฯลฯ
3.สั่งการและมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกบันทึกข้อตกลง MOU 2543..เพื่อยกเลิกแผนที่ทางบก..มาตราส่วน 1 : 200,000..ที่จัดทำขึ้นโดยฝรั่งเศสฝ่ายเดียว..ใน MOU 2543 ข้อ 1 (ค) ซึ่งเป็นแผนที่ที่ไม่ยึดตามแนวเขตสันปันน้ำตามธรรมชาติที่แท้จริง..ที่มีความคลาดเคลื่อนได้ถึง 200 เมตร..และสร้างปัญหาและทำให้ประเทศกัมพูชาใช้เป็นข้ออ้าง..ในการรุกล้ำอาณาเขตและอธิปไตยตลอดเวลา 25 ปีที่ผ่านมา ฯลฯ
4.สั่งการและมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศ..ยกเลิกบันทึกข้อตกลง MOU 2544..เพื่อเป็นการปฏิเสธเส้นไหล่ทวีปที่ประเทศกัมพูชาลากเองประชิดเกาะกูด..ละเมิดรุกล้ำทะเลอาณาเขตและทะเลภายในของราชอาณาจักรไทย..และให้ใช้กลไกการเจรจาของคณะกรรมาธิการร่วมด้านเทคนิคทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา (JTC)..กลับไปใช้หลักการกติกาสากลระหว่างประเทศทางทะเล..อันได้แก่..อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล..ค.ศ.1958..และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล..ค.ศ.1958 (UNCLOS 1982)..รวมทั้งพระบรมราชโองการประกาศเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย..เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2516..โดยให้ยึดหลัก‘เส้นมัธยะ’..แห่งมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล..ค.ศ.1958 ฯลฯ
5.สั่งการและมีมติเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับราชอาณาจักรไทย..จนกว่าจะบรรลุผลตามมาตรการที่ 1..ที่ 2..และที่ 3..ตามที่กล่าวอ้างมาข้างต้น..และผนวกความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย..โดยให้มีการปิดด่านต่อเนื่อง..จนกว่ารัฐบาลกัมพูชาจะแก้ปัญหาบ่อนกาสิโน..แก๊งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี..การตัดไม้ทำลายป่า..การค้าไม้เถื่อน..โรงเลื่อยเถื่อน..มีการล่าสัตว์ป่า..ค้าสัตว์ป่า..ค้าเนื้อสัตว์ป่า..ค้าอาวุธ..ฟอกเงิน..และธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ..และหากการปิดด่านยังไม่บรรลุผล..รัฐบาลต้องยกระดับมาตรการ อาทิ..ยกเลิกการส่งออกซึ่งสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน..งดการส่งออกพลังงานในทุกรูปแบบ..ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ตทุกรูปแบบบ ฯลฯ
6.หากสถานการณ์เลวร้ายลงอันเนื่องจากมาตรการไม่เพียงพอ..และประเทศกัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาระหว่างกัน..หรือการเจรจา JBC ในวันที่ 14 มิถุนายน 2568..หรือในวันที่กำหนดอื่นๆ ไม่ได้ผล..หรือไม่บรรลุความตกลงได้..ให้คณะรัฐมนตรีมีมติสั่งการและมอบหมาย..ให้กองทัพไทยสามารถประกาศกฎอัยการศึก..เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน..อันมาจากความเกี่ยวพันทางเครือญาติที่ใกล้ชิด..ของผู้นำทางการเมืองของไทยและกัมพูชา..ที่จะนำมาซึ่งการสมยอมผลประโยชน์ส่วนตนซึ่งกันและกัน..โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติ
และที่สำคัญ..เนื้อหาของหนังสือเรียกร้องฉบับนี้ยังได้ระบุในตอนท้ายด้วยว่า..หากรัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีที่มี“แพทองโพย”เป็นผู้นำยังนิ่งเฉยและไม่ดำเนินการ..ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป..ฐานปฏิเสธและละเลยการทำหน้าที่ในการรักษาและปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย..ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 4 หน้าที่ของชนชาวไทย..และหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ..ซึ่งถ้าหากมีการสูญเสียอธิปไตยของชาติไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด..ถือว่าเป็นผู้ประพฤติตน“ขายชาติ”..เท่ากับกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร..ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119..ต้องระวางโทษประหารชีวิต..หรือจำคุกตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะไปถึงจุดนั้น..หรือถึงวันที่ 14 มิถุนายนที่จะมีการประชุม JBC ที่กรุงพนมเปญ..ก็ยังมีเรื่อง“มติแพทยสภา”..ที่จะมีการประชุมในวันที่ 12 มิถุนายนพรุ่งนี้..และเรื่องการไต่สวนคดี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14”..ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้จะเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายเกี่ยวกับ“อำนาจในการครอบงำรัฐบาล”ที่มีอยู่ของ“ทักษิณ ชินวัตร”.. หาก“ทักษิณ”ต้องเข้าคุก..ก็เป็นอันว่าทุกอย่าง“จบ”
เมื่อ“หัว”ไม่มีแล้ว..หางก็ย่อมส่ายไม่ได้..อันเท่ากับว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยและ“แพทองโพย”..ไม่ต่างจากเรือที่ไร้หางเสือ..และก็คงต้องอับปางในที่สุด !
เอวัง ! ก็มีด้วยประการฉะนี้ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี