เหตุการณ์ชายแดน“ไทย-เขมร”ผ่านมาครึ่งเดือนกว่า ซึ่งสองพ่อลูกเขมร“ตระกูลฮุน” ที่“ตระกูลชินวัตร”ของฝั่งไทยนับถือเป็นเพื่อนและเหมือนญาติสนิท ได้ทำให้กลายเป็นปัญหา“ข้อพิพาทเรื่องดินแดน” และไล่“ข่ม”ไทยมาตลอด เพิ่งจะแก้ปัญหาได้ถูกทางก็ ณ เวลานี้เอง
โดยการตั้ง“ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา” หรือตัวย่อว่า “ศบ.ทก.” อันเป็นผลมาจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนเมื่อวานนี้ ซึ่งศูนย์นี้จะมี“บิ๊กเล็ก-พล.อ.ณัฐพลนาคพาณิชย์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม วัย 64 ปี เป็นผู้กำกับดูแล
เรียกว่าวางงานได้ถูกตัวถูกคน เนื่องจาก “บิ๊กเล็ก” หรือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐนายกรัฐมนตรี นั้น ไม่เพียงแต่เป็น“ทหารเก่า”ที่เก่งในเรื่อง“บุ๋น”เท่านั้น เมื่อครั้งเกิดวิกฤตโควิดในปี 2563 ก็ยังถือว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญและเป็น“มือ”ที่ไว้วางใจได้ของพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ประเทศผ่านวิกฤตครั้งนั้น ที่ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อนกันทั้งโลกมาได้ด้วยดี
ในช่วงเกิดวิกฤตโควิด, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ซึ่งนั่งเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯสมช.) ได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นกรรมการ“ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” หรือ“ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19”(ศปก.ศบค.) รวมทั้งยังรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ควบคู่กันไปด้วย
วิกฤต“โควิด-19”ครั้งนั้น จะเรียกว่าเป็น“มหาวิกฤต”จากโรคระบาดของโลกในรอบ100 ปี ก็ไม่ผิดนัก ประเทศไทยได้รับการยกย่องจากชาตินานาอารยประเทศ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถบริหารจัดการ และรับมือกับการระบาดใหญ่ของ“โควิด-19”ได้มีอย่างประสิทธิภาพ อีกทั้งยังได้นำรูปแบบการบริหารจัดการของประเทศไทย ไปพัฒนาต่อยอดเป็นมาตรฐานสากล เพื่อใช้สำหรับบริหารสถานการณ์โลกระบาดทั่วโลก
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 20(ตท.20) ละนักเรียนโรงเรียนนายร้อย จปร.รุ่น 31 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.และอดีตรองเลขาธิการพระราชวัง ซึ่งเติบโตคู่กันมาในกองทัพบก ก่อนจะเกษียณราชการในตำแหน่ง เลขาฯ สมช.ปี 2564 เคยดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก เสนาธิการทหารบก,และรองผู้บัญชาการทหารบก ก่อนจะย้ายข้ามฟากมาเป็นเลขาฯ สมช.ในปี 2563
ในเส้นทางทางการเมืองนั้น พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในปี 2564 สมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และนั่งเก้าอี้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาล“แพทองธาร ชินวัตร”เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 จากโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มีนายพีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรค
จะอย่างไรก็ตาม การแต่งตั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นผู้บัญชาการหรือผู้อำนวยการศูนย์“ศบ.ทก.”ในครั้งนี้ ยังเท่ากับเป็นบทพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดว่า พรรคเพื่อไทยนั้นมีแต่ราคาคุย ทำงานไม่เป็น ไม่เพียงแต่
“แพทองโพย”ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ที่ไร้สติปัญญาและขาดความรู้ความสามารถ, รองนายกรัฐมนตรีที่คุมความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ชื่อ“ภูมิธรรม เวชยชัย”ก็อ่อนหัด เก่งแค่สนองงานรับใช้“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นนายใหญ่ ในการทำหน้าที่เป็นแค่พี่เลี้ยงให้แก่“แพทองโพย”คุณหนูนายน้อยเท่านั้น จึงต้องมีการตั้ง“พล.อ.ณัฐพลนาคพาณิชย์” ให้เป็น“แม่ทัพใหญ่”บัญชาการรบในครั้งนี้
ดังจะเห็นได้ว่า จากการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนเมื่อวานนี้ เรื่องเร่งด่วนเรื่องแรกที่จะทำ ก็คือ“การข่าว”ซึ่งในทางยุทธวิธีของทหารนั้น ถือว่า“การข่าว”เป็นหัวใจสำคัญในการทำการรบ และก็ทำให้ไทยต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับ“สองพ่อลูกตระกูลฮุน”ของเขมรมาตลอด ก็เพราะการชิงได้เปรียบจากการทำ“สงครามข่าวสาร”อย่างต่อเนื่องทุกวัน
โดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เปิดเผยว่า จะมีการแต่งตั้ง พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ รองโฆษกกองทัพไทย เป็นโฆษกของ“ศบ.ทก.” เพื่อทำหน้าที่แถลงข่าวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เนื่องจาก พล.ร.ต.สุรสันต์ มีความสามารถทั้งในการใช้ภาษาอังกฤษ และมีความเข้าใจทางด้านมิติความมั่นคง
ทั้งนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ กล่าวว่า “ในโลกโซเชียลมีประเด็นทุกวันให้เราต้องชี้แจงในประเด็นต่างๆ ให้ประชาชนเข้าใจ ไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศ แต่สมเด็จ ฮุนเซน ก็โพสต์ทุกวัน ดังนั้นเราต้องชี้แจงทุกวัน และจะเริ่มแถลงข่าวตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายนวันนี้ รวมถึงจะมีการประชุมทุกวันในเวลา 09.30 น.”
นอกจากนั้น การที่รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย แต่งตั้ง“พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์”ขึ้นมาคุมศูนย์เฉพาะกิจแห่งนี้ ซึ่งเปรียบเสมือน“แม่ทัพใหญ่”ของ“ศบ.ทก.” ในการบัญชาการรบกับเขมร“สองพ่อลูกตระกูลฮุน”นั้น ยังเท่ากับเป็นการเลี่ยงปัญหา เพื่อไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ส่วนตัวของ“ทักษิณ ชินวัตร” กับ“ฮุนเซน”อีกด้วย
เพราะหากว่า ในการแก้ไขปัญหาที่จะต้องใช้ความเด็ดขาดเป็น“ไม้แข็ง”กำราบเขมรไม่ให้เกิดพยศนับจากนี้ไป โดยการบัญชาการรบของ“พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” ซึ่งต้องไม่เป็นที่พอใจ และเกิดผลในทางที่ไม่เป็นคุณกับเขมรอย่างแน่นอนนั้น “ทักษิณ ชินวัตร”ก็ยังสามารถออกตัวกับเพื่อนรักชั่วร้ายที่ชื่อ“ฮุนเซน”ได้ ว่าไม่เกี่ยวกับตน แต่“ฮุน เซน”จะเชื่อหรือไม่อย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง
แต่อย่างน้อยเวลานี้ ก็ได้เห็นกันแล้วว่า “ฮุนเซน”สันดาน“งูเห่า” ได้เริ่มออกมาแฉเหมือนทวงบุญคุณกับ“คนเสื้อแดง” ที่เป็นทาสบริวารของ“ทักษิณ ชินวัตร” และเคยไปพึ่งใบบุญ“ฮุนเซน”อาศัยซุกหัวในเขมร ซึ่งวันหนึ่งหากเข้าตาจน แม้แต่“ทักษิณชินวัตร”ก็เถอะ ไม่น่าจะมีข้อยกเว้นสำหรับ“ฮุน เซน”ด้วยเช่นกัน
“ทักษิณ ชินวัตร”เอง ก็คงหนาวๆร้อนๆ เกรงว่าเพื่อนรัก“จะหักเหลี่ยม” งัด“ความลับ”ที่มีอะไรกับ“ฮุนเซน”และถูกเก็บงำไว้ ออกมาแฉให้โลกได้รับรู้ก็เป็นได้
สรุปก็คือ “ทักษิณ ชินวัตร”กับ “ฮุนเซน”นั้น “ศีลเสมอกัน” ซึ่งภาษาในทางการเมืองว่า“ไม่มีมิตรแท้และศัรตูที่ถาวร”
คือ ประโยชน์ของตนย่อมมาก่อนเหนือสิ่งอื่นใด !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี