แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn การรู้จักประมาณตน ได้แก่การรู้จักและยอมรับว่าตนเองมีภูมิปัญญาและความสามารถในด้านไหน เพียงใด และควรจะทำงานด้านไหน อย่างไร การรู้จักประมาณตนนี้จะทำให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ได้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้รู้จักขวนขวายศึกษาหาความรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองให้ยิ่งสูงขึ้น...(ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 18 กรกฎาคม 2541)

...nn มาตรา 144 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หรือที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญปราบโกงแผลงฤทธิ์เดชแล้วกับ สส. ที่จงใจ โยกย้ายถ่ายเทเงินงบประมาณแผ่นดินไปใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว โดย พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน คือนักการเมืองคนแรกที่ถูกดาบของมาตรา 144 ฟันจนขาดสองท่อน โดยต้องพ้นจากการเป็นสส. แล้วยังถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี เพราะฉะนั้นพิเชษฐ์จึงต้องหลุดกระเด็นตกจากเก้าอี้รองประธานสภา คนที่ 1 ไปโดยปริยาย ถามว่ากรณีทำให้พรรคเพื่อไทยหน้าแหกหรือไม่ ตอบว่าแหกแบบชนิดที่ว่าแหกแตกกระจาย แต่ทว่าพรรคเพื่อไทยเสียอย่าง ไม่ว่าจะหน้าแหก หน้าแตกหนักสักแค่ไหน ก็ไม่มีวันสำนึกสำเหนียก เพราะทนทานด้านหนาจนผิดมนุษย์มนาสามัญ

...nn สส.ไทยจำนวนไม่น้อยโกง ฉ้อฉล ปล้นเงินงบประมาณแผ่นดินด้วยกลอุบายสารพัดสารพัน โดยเฉพาะการโยกงบประมาณฯ ไปเข้าพกเข้าห่อของตนเอง โดยอ้างว่านำงบฯ ไปใช้จ่ายเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนเอง ซึ่งนั่นคือการทุจริตโกงกินอย่างหน้าด้านๆ โดย สส. หน้าด้านหน้าทนที่จงใจโกงเงินงบประมาณแผ่นดิน

...nn ลองคิดดูแล้วกัน แม้มีมาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2560 แล้วก็ตาม แต่ สส. จำพวกใจกล้าหน้าด้านยังจงใจทุจริตเงินงบประมาณฯ ต่อไป แม้ สส. บางคนที่จงใจทำผิดมาตรานี้ยังด้านทนอ้างว่าตนเองไม่ใช่ผู้แปรญัตติดึงงบฯ ไปลงในพื้นที่เขตหาเสียงของตน แต่เมื่อดูจากผลสุดท้ายว่างบฯ ไหลไปอยู่ที่ไหน ก็พบว่างบฯ ไปกระจุกตัวอยู่ในเขตหาเสียงของ สส. รายนั้น ดังนั้น จึงเป็นหลักฐานชัดเจนว่า นี่คือการจงใจทุจริตดึงเงินงบประมาณฯ ไปใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่อ้างว่าจะนำงบฯ ไปแก้ปัญหาให้ชาวบ้านในเขตเลือกตั้ง ซึ่งต้องย้ำว่า มันคือการจงใจโยกงบฯ เข้ากระเป๋าของ สส. โดยตรง

...nn ขอให้ดูข้อความในวรรคสามของมาตรา 144 แล้วจะรู้ซึ้งว่า ตั้งใจตราขึ้นมาเพื่อปราบ สส. และรัฐมนตรีขี้โกงโดยแท้จริง ดังระบุว่า 1 เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ สส. หรือ สว. โดยให้สิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย แล้วยังต้องชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ย โดยมีอายุความ 20 ปี นับจากวันที่นำเงินงบประมาณฯ ไปใช้ ยกเว้นพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้อยู่ในที่ประชุมในขณะที่มีมติ 2 คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้กระทำการ หรืออนุมัติให้กระทำการ หรือรู้ว่ามีการกระทำดังกล่าวแต่มิได้ยับยั้ง จึงต้องถูกเรียกให้ชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยจากการนำเงินงบประมาณฯ ไปใช้ในโครงการต่างๆ คืนด้วย โดยกำหนดอายุความไว้ 20 ปี นับแต่วันที่จัดสรรเงินงบประมาณนั้น เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้อยู่ในที่ประชุมในขณะที่มีมติ

...nn สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ยังไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะยังมีความเป็นไปได้ที่ฮุนเซน และ ฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา ผู้จงใจกระทำผิดกฎหมายอาชญากรสงคราม อาจจะสั่งทหารของตนระดมยิงจรวดเข้ามาในเขตแดนไทยอีกดังนั้น ขออย่าได้เชื่อว่าการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่ตกลงกันที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 จะให้ผลดีโดยแท้จริง เพราะเท่าที่มีรายงานจากทหารของไทยคือทางฝั่งกัมพูชายังระดมกำลังทหารเพิ่มแล้วส่งไปบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทยตลอดเวลา แล้วยังเสริมกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงรถถังเข้าประชิดชายแดนตลอด ดังนั้น ขอให้ประชาชนที่อพยพหนีอาวุธสงครามของกัมพูชาอย่าเพิ่งรีบกลับเข้าบ้านพักในระยะนี้เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

...nn ส่วนคำถามที่ยังถามกันจนถึงทุกวันนี้คือทำไมรัฐบาลไทยจึงเร่งร้อนยอมรับการตกลงหยุดยิงกับกัมพูชา ทั้งๆ ที่กัมพูชาไม่จริงใจหยุดยิง แต่ที่มากกว่านั้นคือ ทำไมภูมิธรรมเวชยชัย ผู้ทำหน้าที่รักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงไม่นำข้อเสนอแนะของทหารไทยไปแจ้งกับฝ่ายกัมพูชาในวันเจรจาหยุดยิง มีเสียงตำหนิภูมิธรรมว่าเร่งรัดทำเรื่องนี้เพราะได้รับใบสั่งจากรัฐบาลไทยแต่มีหัวใจเป็นขี้ข้าของฮุนเซน ใช่หรือไม่ การเร่งรัดตัดสินใจโดยภูมิธรรม ส่งผลให้ทหารไทยเสียรูปกระบวนในการรักษาปราสาทตาควาย ทั้งๆ ที่ปราสาทนั้นตั้งอยู่ในการดูแลของทหารไทยมาก่อนแล้ว

...nn การชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่เพิ่งจบไปเมื่อคืนวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งจัดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีสิ่งที่น่าจะทำให้รัฐบาลชุดนี้เกิดอาการปวดกระเส่าขึ้นมาโดยพลันก็คือคำพูดจากปากของนกเขา นิติธร ล้ำเหลือ ที่ประกาศว่า ยึดทำเนียบ ยึดทำเนียบ ยึดทำเนียบ ขอย้ำว่าการประกาศเช่นนี้ทำให้ผู้ชุมนุมฮึกเหิมมาก เพราะทุกคนต่างตะโกนก้องพร้อมกันว่ายึดทำเนียบ ยึดทำเนียบ ยึดทำเนียบ ส่วนจะเป็นจริงตามคำปลุกเร้าหรือไม่ อดใจรอดูกันต่อไป แต่เท่าที่ได้ยินได้ฟังมาจากหลังเวทีการชุมนุมครั้งนี้คือ ต่อให้ แพทองธาร ชินวัตร กระเด็นตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะปากพาจน จงใจขายชาติ โดยพล่ามว่า uncle จะเอาอะไรบอกอิ๊งค์มาเลย และทหาร แม่ทัพภาคสองมันคนละพวกกับเรานะคะ uncle

...nn เมื่อแพทองธารกระเด็นไปแล้ว ต่อให้ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยดันให้ ชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหุ่นกระบอกต่อจากแพทองธาร การชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลที่อยู่ใต้คำบงการของทักษิณก็ไม่มีวันยุติลง เพราะแกนนำการชุมนุมมองตรงกันว่า ตราบใดที่ทักษิณยังมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลหุ่นเชิด ตราบนั้นก็ไม่มีวันที่ทักษิณจะหยุดพฤติกรรมปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน เพราะฉะนั้น หากทำเนียบรัฐบาลยังเป็นที่ทำมาหากินของรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณ ก็จำเป็นต้องยึดรัฐบาลให้ได้...nn

ธรรมกร