แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไปหากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่างๆ ขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด ดังเห็นได้ที่อารยประเทศหลายประเทศกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงอยู่ในเวลานี้...(ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 18 กรกฎาคม 2517)

...nn มีคำถามว่าทำไมรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล จึงตั้งคณะรัฐมนตรีล่าช้าจนผิดสังเกต ทั้ง ๆ ที่อนุทินรับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ 7 กันยายนแล้ว คำตอบเรื่องนี้คือเพราะต้องพิถีพิถันอย่างมากในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อให้รับตำแหน่งรัฐมนตรี เนื่องจากหากผลีผลามนำเสนอชื่อขึ้นไปแบบรวกๆ สั่วๆ รับรองว่าอนุทินจะต้องเจอปัญหาเดียวกับที่เศรษฐา ทวีสิน เจอมาแล้วเรื่องตั้งทนายความถุงขนมสองล้านให้รับตำแหน่งรัฐมนตรี

...nn อย่าลืมว่าอนุทินจะต้องเจอศึกหนักชนิดหนักมากมายมหาศาลโดยลูกเล่นและกลอุบายการเมืองจากพรรคเพื่อไทย เพราะเพื่อไทยต้องเตะสกัดให้อนุทินไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่นสะดวกโยธินในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วที่พอจะทราบกันก็คือคนบางคนที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีก็มีทั้งรอยตำหนิและมีแผลเน่าเฟะอยู่พอประมาณ เอาเป็นว่าเมื่อเปิดชื่อเปิดหน้ารัฐมนตรีชุดใหม่ออกมาแล้วรับรองว่าต้องมีเสียงยี้ดังใส่รัฐมนตรีบางคนอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนรัฐมนตรีบางคนก็ดูเสมือนว่าภาพดีเกินจริง เพราะสร้างภาพเก่ง โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่อยู่ในกระทรวงด้านเศรษฐกิจ เอาเป็นว่าอดใจรอดูสักนิด แล้วจะได้เห็นการเปิดโปงกระชากหน้ากากรัฐมนตรีจอมสร้างภาพบางราย โดยเฉพาะพวกที่อ้างว่าพลิกฟื้นทำกำไรให้บางบริษัท แต่เมื่อเจาะลึกลงไปแล้ว ก็จะพบว่าไม่เคยทำกำไรให้กับบริษัทที่ถูกอ้างเลย แต่ที่หนักหนาสาหัสกว่าคือบางรายถูกให้ออกจากงานเดิม เพราะใช้งบฯ ของบริษัทจนเละเทะเลอะเทอะ โดยไม่ได้สร้างผลกำไรให้แม้แต่น้อย แต่อย่างว่าแหละนะ คนบางคนสร้างภาพเก่ง เพราะมีของล่อใจให้สื่อฯ (ตะกละ และขายตัว) ยอมเขียนข่าวเชียร์สร้างภาพให้ดูดีเกินจริง เอาเป็นว่ารอดูฝีมือก็แล้วกันว่าจะดีเหมือนภาพที่จงใจใช้ให้นักข่าวบางสำนักเต้าข่าวให้หรือไม่

...nn หลายต่อหลายคนที่ติดตามเรื่องราวของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย แต่ปัจจุบันคือนักโทษเด็ดขาดคดีอาญาของไทย ต้องรู้ดีว่าทักษิณและฮุนเซน ผู้มีอำนาจรัฐตัวจริงของกัมพูชา มีความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างลึกซึ้ง แต่เป็นความสัมพันธ์แบบรัก-ชัง ผสมปนเปกัน

...nn ความสัมพันธ์แรกเริ่มเป็นแบบชิงชัง เนื่องจากฮุนเซนเข้าใจว่าทักษิณมีส่วนร่วมโค่นล้มตนเองลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อทักษิณสร้างบรรยากาศให้ฮุนเซนเข้าใจว่าเขาไม่ได้คิดโค่นฮุนเซน จึงทำให้ฮุนเซนยอมให้ทักษิณเข้าไปลงทุนทำธุรกิจด้านโทรคมนาคมในกัมพูชาแบบผูกขาด ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองคนร่วมกันแบ่งปันผลประโยชน์มหาศาลได้ลงตัว

...nn แล้วจนกระทั่งเมื่อวันที่ทักษิณแปรสภาพเป็นนักโทษหนีคดีอาญาจากไทย ทักษิณได้ไปอาศัยใบบุญของฮุนเซนในการเคลื่อนไหวปลุกระดมคนเสื้อแดงในเขตไทย โดยผ่านการสื่อสารทางไกลหลากรูปแบบ โดยในวันที่ทักษิณมีสภาพนักโทษหนีคดีอาญาจากไทย ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองก็ดูแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จนเห็นได้ว่าเมื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีคดีอาญาจากไทย ก็ยังเข้าไปพึ่งบารมีของฮุนเซน รวมถึงยังมีคนเสื้อแดงอีกมากมายที่เป็นสาวกทักษิณก็หนีคดีจากไทยไปพึ่งใบบุญของฮุนเซน

...nn แต่แล้วความสัมพันธ์ระหว่างฮุนเซนกับทักษิณต้องขาดสะบั้นลง เมื่อฮุนเซนจงใจนำคลิปสนทนาของตนเองกับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดของทักษิณ ออกเผยแพร่ให้โลกรับรู้ คำถามคืออะไรทำให้ฮุนเซนตัดสัมพันธ์กับทักษิณ แล้วทำไมจึงตัดสัมพันธ์ในระหว่างที่แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี คำถามที่ถามกันมากมายก็คือฮุนเซนโกรธแค้นทักษิณอย่างหนักจนถึงขนาดไม่สามารถพูดคุยหาทางออกร่วมกันได้เลยหรือ แต่หลายคนที่ติดตามเรื่องราวระหว่างทักษิณกับฮุนเซนวิเคราะห์ว่าฮุนเซนคงหมดความอดทนกับทักษิณ เนื่องจากรอทักษิณตอบสนองความต้องการของฮุนเซนมานานแล้ว รอมาตั้งแต่สมัยยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ แล้วก็รอมาจนถึงสมัยเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีในสังกัดของทักษิณ จนกระทั่งถึงแพทองธารได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ความต้องการของฮุนเซนที่คาดว่าจะได้รับจากทักษิณก็ยังไม่บังเกิดเป็นความจริง

...nn หลายคนคงจำได้ดีว่าเมื่อทักษิณแสร้งทำเป็นป่วยหนักจนใกล้ตาย จนนำไปสู่การพาตัวทักษิณไปสร้างภาพต่อด้วยการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจเป็นเวลานาน 6 เดือนเต็ม ครั้นเมื่อทักษิณสร้างภาพว่าออกจากโรงพยาบาลแล้วไปอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ก็ปรากฏว่าฮุนเซนรีบบินมาเยี่ยมเป็นคนแรก ซึ่งหลายคนที่ติดตามเรื่องนี้บอกว่านั่นคือฮุนเซนบินตรงมาเพื่อทวงสัญญา แต่แม้ฮุนเซนจะลงทุนบินมาทวงสัญญากับทักษิณด้วยตัวเอง แต่ฮุนเซนก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ เมื่อรอมานานแสนนาน รอมาจนถึงวันที่ฮุนเซนเห็นว่าทักษิณกลับมามีอำนาจรัฐในไทยเหมือนเดิมแล้ว แต่ทักษิณก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของฮุนเซนได้ สุดท้ายก็จึงใช้ไม้ตายคือจงใจเปิดคลิปสนทนาระหว่างตนเองกับแพทองธาร ซึ่งเปรียบเสมือนใช้ดาบของฮุนเซนฟันคอทั้งทักษิณและแพทองธารให้ขาดสะบั้นทางการเมืองไปพร้อมๆ กัน

...nn เมื่อแพทองธารกระเด็นตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไทย ก็พบว่าฮุนเซนแสดงออกซึ่งความสะใจโดยกล่าวว่าเขาคือผู้ที่บอกเป็นคนแรกว่านายกรัฐมนตรีไทยจะต้องถูกเปลี่ยนภายในสามเดือน แล้วก็เป็นจริงอย่างที่ฮุนเซนบอก แต่เมื่อทักษิณถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่าต้องกลับไปชดใช้ความผิดในคุกเป็นเวลา 1 ปีเต็ม กลับไม่ปรากฏว่าฮุนเซนส่งข้อความแสดงความสะใจเพื่อเหยียบย่ำซ้ำเติมทักษิณ แต่กลับพบว่าฮุนเซนให้ข่าวผ่าน social media ว่าทั้งทักษิณ และยิ่งลักษณ์ไม่มีทรัพย์สินใดๆ ในกัมพูชา และไม่เป็นความจริงที่มีข่าวว่าฮุนเซนจะยึดทรัพย์ของคนทั้งสองในกัมพูชา แต่ที่สุดประหลาดคือฮุนเซนรับรองความบริสุทธิ์ของทักษิณ โดยเขียนข้อความที่แปลเป็นไทยได้ว่า แม้ตนเองจะเคยมีปัญหากับทักษิณมาก่อนก็ตาม แต่ตนเองต้องรับผิดชอบในการรักษาความซื่อสัตย์และศักดิ์ศรีของทักษิณ แล้วยังเขียนด้วยว่าทั้งทักษิณและยิ่งลักษณ์ไม่เคยมีทรัพย์สินและรายได้ใดๆ ในกัมพูชา แต่ที่คอการเมืองอ่านแล้วตลกจนขำตกเก้าอี้คือ ฮุนเซนอ้างว่าตนเองและทักษิณไม่เคยพูดจาหารือกันเรื่องธุรกิจใดๆ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวและคนในครอบครัว แล้วที่ตลกร้ายยิ่งกว่าคือ ฮุนเซนเขียนว่าหากข่าวนี้มีต้นกำเนิดมาจากกัมพูชา ก็ขอให้ยุติการเผยแพร่เรื่องนี้ทันที เพราะกัมพูชาต้องรักษาศักดิ์ศรีของตนเอง และต้องหลีกเลี่ยงการสร้างเรื่องเท็จและเผยแพร่เรื่องเท็จ แต่หากข่าวนี้ออกมาจากฝั่งไทย ก็เป็นเรื่องฝ่ายไทยต้องดำเนินการเอง

...nn โอย! ต้องบอกว่าฮุนเซนนั้นสุดยอด เพราะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวจริงๆ มีคำถามว่าทำไมฮุนเซนต้องลงทุนรับรองความซื่อสัตย์ของทักษิณ ทั้งๆ ที่รับรองให้ตายก็ไม่มีใครเชื่อ แต่ที่มากกว่านั้นคือ คอการเมืองจับได้ว่าฮุนเซนลงทุนเขียนเรื่องนี้เพราะต้องการประกาศให้โลกรู้ว่าตนเองไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ร่วมกับทักษิณ แต่มันน่าตลกตรงที่ฮุนเซนทำเสมือนกินปูนแล้วร้อนท้อง หลังจากมีข่าวว่ามีทองคำจำนวนมหาศาลมูลค่าการค้าขายเกือบ 7 หมื่นล้านบาท โดยเป็นทองคำจากไทยไหลทะลักเข้าไปในกัมพูชาในช่วงเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น เรื่องนี้หลายคนบอกตรงกันว่าฮุนเซนลงทุนเขียนเรื่องนี้เพื่อบอกว่าตนเองเป็นผู้ขาวสะอาดแต่ก็ต้องยอมเขียนว่าทักษิณก็ขาวสะอาดไม่แพ้กับตนเอง นี่แหละหนานิทานลวงโลกโดยฮุนเซน แล้วก็ต้องบอกว่าการที่ฮุนเซนอ้างว่าขอให้คนกัมพูชาที่สร้างข่าวลือนี้จงยุติการให้ข่าวลือต่อไป ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าไม่มีใครในกัมพูชาสามารถสร้างข่าวลือได้อย่างแน่นอน เพราะฮุนเซนควบคุมทั้งข่าวกระแสหลักและควบคุมการใช้อินเตอร์เนตในกัมพูชาได้อย่างเบ็ดเสร็จ ดังนั้น หากข่าวนี้คือข่าวลือจากกัมพูชา ก็ตอบได้ทันทีว่าคนปล่อยข่าวคือฮุนเซนและคนที่ใกล้ชิดกับฮุนเซนเท่านั้น อย่าลืมว่าคนทุกคนในกัมพูชาอยู่ในความควบคุมของฮุนเซนทั้งสิ้น ส่วนข่าวที่ว่าคน Gen Z ในกัมพูชาจะลุกขึ้นมาโค่นล้มฮุนเซนนั้น ตอบได้ชัดๆ ว่า ยากมาก เพราะแค่คนกัมพูชาเคลื่อนไหวแล้วสร้างความระคายเคืองให้ฮุนเซนเพียงเล็กน้อย ก็ไม่ต้องหวังว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขอีกต่อไป เพราะไม่ตายทันทีก็ต้องติดคุกไปจนตาย

...nn อันที่จริงยังมีเรื่องพิสดารบานเบอะของฮุนเซนมาเล่าให้ฟังอีกมากมาย เล่าได้เป็นเดือนเป็นปีก็ไม่หมดไม่สิ้น วันหน้าจะมาเล่าให้ฟังอีก เพราะหากเล่าต่อไปก็หมดพื้นที่หน้ากระดาษ จนไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นๆ

...nn ปิดท้ายด้วยข่าวตั้งแต่วันจันทร์ แต่ก็ยังถูกกล่าวถึงจนบัดนี้ คือหญิงอ้อ พจมาน ดามาพงศ์ นายหญิงแห่งจันทร์ส่องหล้าไปเยี่ยมนักโทษชายทักษิณที่เรือนจำกลางคลองเปรม แล้วอิ๊งค์ลูกสาวคนเล็กของทักษิณให้ข่าวว่านี่เป็นครั้งแรกที่แม่กับพ่อมาเจอกันหลังจากพ่อหนีคดีไปต่างประเทศตั้ง 17 ปี พออิ๊งค์บอกแบบนี้หลายคนก็ถึงกับฮาจนปัสสาวะเล็ด เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าการหย่าระหว่างทักษิณกับพจมานนั้นมันคือการหย่าเชิงนิตินัยเท่านั้น ส่วนพฤตินัยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เหตุที่ต้องหย่าเชิงนิตินัยก็เพื่อป้องกันทรัพย์สินมหาศาลไม่ให้ถูกลากไปเกี่ยวข้องในเชิงบุคคลสองคนที่เป็นสามีภรรยาตามกฎหมาย ขอบอกว่าการหย่ากันโดยนิตินัยถูกใช้มากมายในบรรดานักการเมืองและนักธุรกิจไทยจำพวกที่มีข้อน่าสงสัยในส่วนของทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล แต่ก็มีนักการเมืองบางรายที่ไม่ยอมหย่ากับเมียเก่า แต่คงทะเบียนสมรสไว้ แต่ทว่าตนเองไปสมสู่กับคนอื่น (บางรายก็กับหญิง บางรายก็กับชาย) ที่ไม่ใช่หญิงที่จดทะเบียนสมรส...nn

ธรรมกร