พรรคการเมืองในนครสารขัณฑ์นั้น นอกจากเกือบทุกพรรคจะเป็นบริษัทการเมืองที่มี “เจ้าของบริษัทตัวจริง” ที่เป็น “นายทุนพรรคตัวแท้” แล้ว

เจ้าของพรรคหรือนายทุนพรรคยังเป็น “ผู้นำจิตวิญญาณในทางการเมือง” ของสาวกหรือพนักงานของบริษัทอีกต่างหาก แถมเกือบทุกบริษัท จะต้องมี “ซีอีโอ” หรือ “ผู้นำพรรค” ที่มาจากตระกูลเดียวอย่างถาวร

เห็นได้ชัดที่สุด น่าจะเป็น “พรรคเสื้อแดง” ของ “ตระกูลโยคีศานติศีล” ซึ่งเป็น “บริษัทแบบกงสีมีทายาทสืบทอดอำนาจ” อย่างยาวนาน และจะยาวไกลต่อไปถ้าไม่เจ๊งจนปิดบริษัทเสียก่อน

หลังจากซีอีโอบริษัทผ่านมากว่า 2 ทศวรรษ ต่างแต่รุ่นพ่อ รุ่นอาเขย รุ่นอาในตระกูล รุ่นนอมินีที่ไว้วางใจ และบางนอมินีที่ “หักดิบเจ้าของบริษัท”เช่น ซีอีโอที่ชื่อ “เตียวหุย ผู้ขยันชิมไปบ่นไป” เป็นต้น

จนถึง ผู้นำบริษัทคนล่าสุด ได้แก่ลูกเลิฟร่างเตี้ยของท่านโยคีเป็น “มาดามเฟียส”ที่ถูก “อังเคิลตาเหล่” แห่งขอมดำดิน ถีบตกสวรรค์ด้วย “คลิปมรณะ” จนทำให้ “เกิดปัญหาบิ๊ก บิ๊ก และเบิ้มเบิ้มในตระกูลโยคีศานติศีล” ทันที

“ปัญหาใหญ่ดังกล่าวคือ จะเฟ้นหาทายาทจากตระกูลโยคีศานติศีลคนใดมารับหน้าที่เป็นผู้นำบริษัทการเมืองพรรคสีแดงคนต่อไป?”

“หากหาไม่ได้” รับรองได้ “บริษัท สีแดงแรงพลัง” ต้องพบกับรายการ “เอวังดับชีพ”

ครั้นจะหา “นอมินี” มารับไม้บริหารบริษัท “โยคีศานติศีล” ท่านทศกัณฐ์ผู้เคยถูกนอมินีที่ชื่อ “เตียวหุยกินไปบ่นไป” ทำการ “หักดิบ” มาแล้ว ก็ไม่กล้าไว้วางใจนอมินีคนใดอีกต่อไป

ขณะที่ทุกคนในตระกูลโยคีศานติศีล ต่างยังคิดไม่ออกว่า จะหาทายาทคนใดมาดูแลและกู้สถานะของบริษัทสีแดงแรงพลังที่กำลังถูกปัญหาทางการเมืองถล่มรอบด้าน

จู่ จู่ ก็มีข่าวดัง นายหญิงสมองไวศรีภรรยาของนายใหญ่ก็เกิด “ฟ้าแลบในสมองอย่างฉับพลัน” จะต้อง “นำเขยใหญ่” ของตระกูลนี้ ขึ้นมาเป็นทายาท

ข่าวนี้ “จะเป็นจริงหรือไม่?” หรือเป็นแค่ “โยนหินถามทาง”เห็นทีชาวสารขัณฑ์ทั้งที่เป็น “กองเชียร์” และที่เป็น “กองแช่ง” ของ “ท่านโยคีศานติศีล” จะต้องติดตามด้วยใจระทึก

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม