ระยะหลังนี้สื่อตะวันตกปั่นกระแสข่าวด้อยค่าโจมตีจีน และเชียร์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ลืมหูลืมตาว่า เขามีความพยายามทำให้เกิดสันติภาพไทย-กัมพูชา แถมยังกล่าวหาว่า จีนส่งอาวุธให้กัมพูชาฆ่าทหารและพลเรือนไทย
สถานทูตจีนปฏิเสธข่าว หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ที่กล่าวหาว่า จีนส่งอาวุธให้กัมพูชาระหว่างทำสงครามชายแดนกับไทย และ รัฐมนตรีต่างประเทศนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้วทำความเข้าใจ และกระชับความสัมพันธ์กับทูตจีนประจำประเทศไทยไม่ทันข้ามวัน ก็มีการปั่นกระแสข่าวใหม่ออกมาว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ตั้งเงื่อนไข มาร่วมอาเซียนซัมมิตในประเทศมาเลเซียต่อเมื่อเจ้าภาพจัดให้ ปธน.ทรัมป์ เป็นประธานลงนามในพิธีตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา
นับเป็นเรื่องประหลาดใจที่รัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาใดๆ ยังไม่ได้ตกลงหยุดยิงถาวร ยังตกลงเรื่องถอนกำลังออกจากชายแดนทั้งสองฝ่ายไม่ได้ เรื่องเก็บทุ่นระเบิดที่ทหารเขมรวางไว้ยังไม่ได้ปฏิบัติเป็นรูปธรรม ตลอดถึงเรื่องเขมรรุกล้ำดินแดนไทยที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้
กล่าวโดยรวมความขัดแย้งไทย-กัมพูชายังมีความตึงเครียดสูง น่าประหลาดใจที่สหรัฐอเมริกากับมาเลเซีย กระโดดข้ามขั้นตอนไปถึงลงนามสันติภาพโดยมี ปธน.ทรัมป์ เป็นประธานได้อย่างไร?
Politico เว็บไซต์การเมืองชื่อดังในสหรัฐอเมริกา รายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยินดีมาร่วมอาเซียนซัมมิต หรือ ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในประเทศมาเลเซียปลายเดือนตุลาคมนี้ “เขาได้แสดงบทบาทสำคัญในความพยายามนำสันติภาพมาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
แหล่งข่าวระดับบริหารในทำเนียบขาวสามคน เปิดเผยเรื่องนี้ โดยไม่ระบุนามเนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว แหล่งข่าวกล่าวว่า ทำเนียบข่าวมีเงื่อนไขว่า ปธน.ทรัมป์ ไปร่วมประชุมวันที่ 26-28 ตุลาคม ตามข้อตกลงของรัฐบาลมาเลเซีย ที่จัดการให้ ปธน.ทรัมป์เป็นประธานในพิธีลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา นอกรอบซัมมิต
Politico และสำนักข่าวอื่นๆ รายงานตรงกัน ว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียน 2025 ไปรับปากทำเนียบขาวล่วงหน้า โดยที่รัฐบาลไทยไม่ได้รับรู้เลย นั่นหมายความว่านายอันวาร์ เอาชื่อประเทศไทยไปขายเพื่อให้ ปธน.ทรัมป์ ผู้กระหายอยากได้รางวัลโนเบลจนตัวสั่น ได้เอาไปอ้างว่าเขาสามารถทำให้ไทย-กัมพูชา ลงนามสันติภาพกันได้ และเหตุที่นายอันวาร์ เอาชื่อประเทศไทยไปขายเพราะเขากำลังจนท่า
นายอันวาร์ คุยโม้ไว้ก่อนหน้าว่า อาเซียนซัมมิตที่เขาเป็นเจ้าภาพ จะมีผู้นำระดับโลกเช่นประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ปธน.วลาดีมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ปธน.ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา มาร่วมประชุมพร้อมกันถ้วนหน้า ปธน.สี และ ปธน.ปูติน ยังไม่รับปากจะมาหรือไม่ และมีทีท่าว่าทั้ง ปธน.สี และ ประธานาธิบดีปูติน จะไม่ไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน 2025 แต่จะส่งผู้แทนไปร่วมประชุม
ในเวลาเดียวกัน ชาวมาเลเซียชุมนุมประท้วงขับไล่ ประธานาธิบดี ทรัมป์ มากขึ้นทุกวัน โดยกล่าวหาว่าสหรัฐอเมริกาเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ที่สุดให้อิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์การประท้วงรายวันทำให้ทรัมป์ลังเลใจ นี่คงเป็นเหตุให้นายอันวาร์นำชื่อประเทศไทยไปขายให้ทรัมป์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานตรงกันว่า อีเว้นท์ที่อันวาร์จัดให้ จะทำให้ ปธน.ทรัมป์ โดดเด่น และทรัมป์อ้างได้ว่าเขามีบทบาทสำคัญในการยุติการนองเลือดในสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา5 วัน จากความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ในเวลาเดียวกันเขาได้เสริมสร้างภาพลักษณ์นานาชาติให้เห็นว่า ทรัมป์ ในฐานะผู้นำแห่งสันติภาพ
Politico รายงานว่า ทำเนียบขาวกำหนดด้วยว่า เจ้าภาพจัดซัมมิต ต้องไม่รวมเจ้าหน้าที่จีนเข้าในพิธีลงนามสันติภาพ และกีดกันจีนออกไปเพื่อให้แน่ใจว่าสปอตไลท์ส่องมาที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ คนเดียว นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ทำเนียบข่าวยังพูดว่า จีนไม่ได้ทำอะไรเรื่องความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
ทำเนียบขาวปฏิเสธข่าว ทรัมป์ ตั้งเงื่อนไขพอเป็นพิธีว่า ปธน. ทรัมป์ไปร่วมซัมมิตไม่ใช่เพราะได้เป็นประธานในการลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา และกล่าวว่า “ประธานาธิบดีมีบทบาทสำคัญในการเจรจาให้เกิดสันติภาพ แต่ไม่ได้วางเงื่อนไขว่า ต้องเป็นประธานในการลงนามสันติภาพระหว่างซัมมิต” เจ้าหน้าที่ระดับสูงกล่าว และเสริมว่า.. “ประธานาธิบดีทรัมป์ เจรจาสันติภาพโดยตรง จีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย”
Politico รายงานด้วยว่า “การเจรจาสันติภาพที่กำลังดำเนินอยู่ รัฐบาลมาเลเซียเองอยู่ในฐานะลำบากใจมาก” เขากล่าว
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ อ้างคำพูดนายอันวาร์ว่า ทรัมป์ รับปากจะมาร่วมประชุมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม หากทรัมป์ตกลงตามคำขอ นายอันวาร์มีความเสี่ยงสูงมาก ที่ถูกมองว่าเขาอ้อนวอนประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นที่รังเกียจของคนมาเลเซียในขณะนี้
จากรายงานของสื่อต่างประเทศในประเด็นที่ มาเลเซียอ้อนวอนให้ ทรัมป์ มาเป็นประธานการลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา แสดงให้เห็นว่า นายอันวาร์ และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชากำลังเข้าตาจน เนื่องจากว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐเพิ่งเผยแพร่รายงานการค้ามนุษย์ (Trafficking In Person=TIP) 2025 เมื่อวันที่ 29 กันยายน โดยกำหนดให้ “กัมพูชาเป็นรัฐสนับสนุนการค้ามนุษย์” ซึ่งเป็นความร้ายแรงสูงสุด หรือ ธงแดงที่สหรัฐต้องแซงก์ชั่นทางการค้า และการทูต
เนื่องจาก TIP ระบุว่า “เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลกัมพูชา สร้างความมั่งคั่งมีรายได้มหาศาลจากการอนุญาตให้แก๊งสแกมเมอร์ ใช้อาคารหรือสถานที่ราชการ บังคับใช้เหยื่อค้ามนุษย์ที่ล่อลวงมาให้ก่ออาชญากรรม” อาชญากรรมที่ว่า คือการหลอกลวงฉ้อโกงทางไซเบอร์ ที่คนไทยเรียกว่าคอลเซ็นเตอร์
รายงานของ TIP อาจทำให้ทรัมป์ ไม่สะดวกใจ สนับสนุนรัฐบาล ฮุน มาเนตผู้เสนอให้ทรัมป์ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่ทรัมป์อ้างว่า การสงบศึกไทย-กัมพูชา เป็นหนึ่งในเจ็ดสงครามที่เขาสามารถทำให้สงบได้ ตั้งแต่เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองเมื่อเดือนมกราคม 2025
หากพิจารณาจากความเป็นจริง ทรัมป์ ไม่สามารถทำให้สงครามสงบได้แม้แต่สมรภูมิเดียว ไม่ว่าจะเป็นสงครามในยูเครน หรือสงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่ ทรัมป์ประกาศระหว่างหาเสียงว่า ต้องหยุดยิงภายใน 24 ชั่วโมงที่เขารับตำแหน่งประธานาธิบดี
ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาก็เช่นกัน ตั้งแต่ลงนามหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไข ตามคำขู่ของทรัมป์ เมื่อ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมาถึงวันนี้ความขัดแย้งยังคงดำรงอยู่ และมีทีท่าว่าสงครามรอบสองจะระเบิดขึ้นได้ในไม่ช้าไม่นาน ข้อตกลงสันติภาพที่สื่อต่างประเทศปั่นกระแสดูเหมือนว่าในความเป็นจริงริบหรี่เต็มที
สันติภาพไทย-กัมพูชา ริบหรี่พอๆ กับความหวังที่ ปธน.ทรัมป์ จะได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ดังนั้น ที่นายอันวาร์เอาชื่อประเทศไทยไปขาย และยอมตัดจีนออกไปจากสมการความขัดแย้งไทย-กัมพูชา จึงเหมือนกับนายอันวาร์แก้ผ้าให้เห็นว่า ที่ ดร.มหาเธร์จับขังคุกทำถูกแล้ว
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี