วันพฤหัสบดี ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn ประเทศไทย บรรพบุรุษของเราสละชีวิตมาเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินมาด้วยเลือดเนื้อ ด้วยชีวิต แต่เสียดายตอนนี้ท่านนายกฯ เขาไม่ให้เรียนประวัติศาสตร์แล้วนะ ฉันก็ไม่เข้าใจ เพราะตอนที่ฉันเรียนอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ไม่มีประวัติศาสตร์อะไรเท่าไร แต่เราก็ต้องเรียนประวัติศาสตร์ของสวิตฯ แต่เมืองไทยนี่บรรพบุรุษเลือดทาแผ่นดิน กว่าจะมาถึงที่ให้พวกเราอยู่ นั่งอยู่กันสบาย มีประเทศชาติเรากลับไม่ให้เรียนประวัติศาสตร์ ไม่รู้ว่าใครมาจากไหน เป็นความคิดที่แปลกประหลาด... (ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดา พระราชวังดุสิต 11 สิงหาคม 2551)
...nn เป็นที่คาดหวังได้ว่าความขัดแย้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กินเวลามาหลายเดือน น่าจะได้ข้อยุติลงบ้างเมื่อทหารไทยและกัมพูชาตกลงร่วมกันที่จะถอนกำลังรบออกจากแนวชายแดนที่ตั้งเผชิญหน้ากันอยู่ โดยจะเริ่มถอนกำลังรบช่วงแรกในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 โดยฝ่ายกัมพูชาจะเคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง รุ่น BM-21 ก่อนเป็นลำดับแรก ตามมาด้วยการเคลื่อนย้ายปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร ในช่วงที่สองเริ่มต้นวันที่ 22 พฤศจิกายน (ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์จากต้นเดือนพฤศจิกายน) แล้วตามด้วยระยะที่ 3 เริ่มต้นวันที่ 13 ธันวาคม คือเคลื่อนย้ายยานเกราะ รถถัง (ภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์จากต้นเดือนพฤศจิกายน) โดยข้อสรุปนี้ได้จากการประชุมฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 นำโดยพลตรีกัมปนาท วาพันสุ เสนาธิการกองทัพภาคที่สองของไทย ซึ่งเป็นเลขานุการ RBCฝ่ายไทย กับพลจัตวานิด ณารง รองเสนาธิการ ภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา
...nn การกำหนดวันเวลาการถอนอาวุธสงครามออกจากชายแดนของทั้งสองฝ่าย ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของการนำไปสู่ความสงบของทั้งสองประเทศ เพื่อให้ได้กลับมามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในอนาคตอันใกล้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคงหวังว่าฮุนเซน กับฮุน มาเนต แห่งกัมพูชาจะยุติการเดินเกมไม่ซื่อตรงกับฝ่ายไทย เหตุที่ต้องกล่าวเช่นนี้เพราะว่าที่ผ่านมานั้น ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาไม่ราบรื่นก็เพราะฝ่ายฮุนเซนเป็นผู้ริเริ่มทุกครั้ง แต่ก็ต้องโทษฝ่ายไทยด้วยที่มีนักการเมือง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และพ่อค้าจำนวนหนึ่งที่เข้าไปร่วมทำธุรกิจผิดกฎหมายในดินแดนกัมพูชา ขอย้ำว่าเรื่องเลวร้ายจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐของไทยไม่เข้าไปร่วมกระทำผิดกับฝ่ายกัมพูชา และต้องย้ำว่าสาเหตุที่กัมพูชากล้าเล่นงานไทยก่อน ก็เพราะมีมหาอำนาจบางประเทศให้การสนับสนุนกัมพูชา โดยเฉพาะให้การสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง หากกัมพูชาไม่ได้รับการหนุนหลังจากชาติมหาอำนาจบางชาติแล้ว รับรองว่ากัมพูชาไม่มีวันกล้าโจมตีไทยก่อนเป็นอันขาด ดังนั้น หากจะขุดรากถอนโคนของปัญหานี้ให้หมดสิ้น รัฐบาลไทยก็ต้องกล้าเปิดฉากคุยกับมหาอำนาจที่ช่วยเหลือกัมพูชา ให้ยุติการสนับสนุนกัมพูชาโดยทันที
...nn หากจะถามว่าแล้วในเมื่อไทยเป็นประเทศเล็กกว่า ไทยจะมีอำนาจอะไรไปบอกให้มหาอำนาจที่ตีบทสองหน้า ยุติการส่งอาวุธสงครามให้กัมพูชา ก็ขอบอกว่าไทยต้องไปดึงเอาชาติมหาอำนาจที่เป็นคู่แข่ง และเป็นคู่กรณีกับมหาอำนาจที่เล่นสองหน้า เข้ามาเป็นตัวคานอำนาจ แล้วต้องทบทวนความสัมพันธ์กับชาติมหาอำนาจที่เล่นสองหน้าโดยทันที ขอบอกว่าหมดยุคแล้วกับการหลงลมปากของชาติมหาอำนาจที่ไม่จริงใจกับไทย เพราะปากก็บอกว่าสนับสนุนไทย เข้าข้างไทย แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วก็พบว่าส่งอาวุธสงครามให้กัมพูชา ทั้งๆ ที่รู้ว่ากัมพูชาใช้อาวุธสงครามที่ได้มาเพื่อโจมตีไทย
...nn พูดมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจถามว่าธรรมกรหมายถึงจีนปักกิ่ง ใช่ไหม ก็ต้องตอบว่า จะใช่หรือไม่ใช่ มันก็อยู่ที่พฤติกรรมของจีนปักกิ่ง เรื่องแบบนี้ต่อให้จีนปักกิ่งพูดปากหวานหยดย้อยสักเพียงใด แต่ต้องย้ำว่าไม่สามารถปกปิดการกระทำที่แท้จริงได้ ดังนั้น หากจะให้ถามแบบตรงๆ คือ กัมพูชาได้อาวุธสงครามมาจากไหน หากไม่ใช่จากจีน
...nn หากย้อนไปดูตั้งแต่ปี 2010-2024 พบว่าจีนส่งมอบอาวุธสงครามให้กัมพูชาเป็นระยะๆ ดังปรากฏต่อไปนี้ 2011 เฮลิคอปเตอร์ Z-9 จำนวน 12 ลำ ปี 2012 เครื่องบินลำเลียง MA-60 จำนวน 2 ลำ ปี 2018-2019 รถเกราะ ZFB-05 TIGER 4x4 จำนวน 20 คัน ปี 2020 จรวดนำวิถีต่อสู้อากาศยานแบบ QW-3 ต่อมาในปี 2021 จีนและกัมพูชาทำข้อตกลงจัดหาปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร แบบ SH-1 และจรวดหลายลำกล้องขนาด 300 มิลลิเมตร แบบ PLH-03 และจรวดหลายลำกล้องขนาด 122 มิลลิเมตร TYPE-90B ปี 2022 ระบบต่อสู้อากาศยานระยะปานกลางแบบ KS-1C พร้อมเรดาร์ตรวจจับอากาศยานข้าศึก และยังพบว่าในช่วง 2010-2024 จีนให้อาวุธต่างๆ กับกัมพูชา อาทิ ปืนเล็กสั้น CQ-A ปืนเล็กยาว CQ-B เครื่องยิงลูกระเบิด LQ-2 และยังมีรถรถแบบ 4x4 รถบรรทุกปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 37 มิลลิเมตร รวมถึงยุทโธปกรณ์อื่นๆ อีกมากมายหลายชนิด
...nn และยังมีข้อมูลจากนิวยอร์กไทม์ ของสหรัฐฯ ฉบับวันที่ 29 กันยายน 2568 รายงานว่าจีนส่งอาวุธสงครามให้กัมพูชา โดยหารายละเอียดได้จากบทความชื่อ How Chinese Weapons Transformed a War Between Two Neighbors โดยมีเนื้อหาระบุชัดว่า ในขณะที่เกิดความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น จีนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับกัมพูชา
...nnแน่นอนว่าจีนต้องปฏิเสธข่าวนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหากไม่ปฏิเสธก็เท่ากับยอมรับโดยดุษณีว่าจีนหนุนหลังกัมพูชาให้รุกรานไทย แต่จีนอ้างว่าอาวุธที่ส่งให้จีนนั้นส่งมอบให้ก่อนเกิดเหตุความไม่สงบที่ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ที่น่าสังเกตคือจีนอ้างว่าต้องการเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้เกิดความสงบสุขระหว่างไทยกับกัมพูชา
...nn นักรัฐศาสตร์ที่ติดตามเรื่องอานุภาพการรบของกัมพูชาจากสถาบันโลวี แห่งออสเตรเลีย คือ อับดุลเราะห์มานจาค็อบ บอกว่าอันที่จริงนั้น ไทยและกัมพูชาต่างก็มีอาวุธสงครามจากจีนเช่นกัน เพราะทั้งคู่ซื้ออาวุธสงครามจากจีน ดังนั้น จึงไม่คิดว่าจีนหนุนหลังกัมพูชา แต่เป็นเพราะจีนเป็นผู้ค้าอาวุธสงคราม ดังนั้นก็จึงขายให้ทั้งไทยและกัมพูชา ทั้งนี้ จาค็อบ บอกด้วยว่า อันที่จริงกัมพูชามีจรวด PHL-03 เป็นอาวุธระบบยิงได้พร้อมกันหลายลำกล้อง แต่น่าสังเกตว่ากัมพูชาไม่ใช้อาวุธที่ว่านั้น คงเป็นเพราะจีนขอร้องไม่ให้กัมพูชาใช้ เพราะหากใช้แล้วจะทำให้สงครามบานปลาย หากจะถามว่าแล้วจำเป็นที่กัมพูชาต้องเชื่อฟังจีนหรือ ตอบได้เลยว่า ใช่ กัมพูชาต้องฟังคำพูดของจีนอย่างแน่นอน
...nn ธรรมกร ขอเล่าเหตุผลที่นำเสนอเรื่องอาวุธจีนที่กัมพูชามีไว้ใช้ โดยเล่ามาเสียยืดยาว ก็เพราะว่าต้องการจะบอกคนอ่านว่า เรื่องนี้เราคงไม่สามารถประณามจีนได้เต็มปาก เพราะเขาก็คือพ่อค้าขายอาวุธ และเขาก็ต้องการมีอิทธิพลเหนือทั้งไทยและกัมพูชา ดังนั้น หากใครซื้ออาวุธจากเขา เขาก็ต้องขายให้ เพราะเขาได้เงิน ส่วนที่ต้องตั้งคำถามคือ แล้วอาวุธที่ให้กัมพูชาโดยไม่ได้ขายเล่า หมายความว่าอย่างไร เรื่องนี้มีปมประเด็นสำคัญอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับกัมพูชา และจีนกับไทย หากใครมีความสัมพันธ์ต่อกันแน่นแฟ้นกว่า ก็หมายถึงจะได้รับการสนับสนุนมากกว่า เพราะฉะนั้น ต้องถามกลับว่า ไทยยังมั่นใจว่าจีนมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับไทยมากกว่ากับกัมพูชาจริงๆ หรือ
...nn หากจะพูดกันตรงๆ แล้ว ก็น่าจะเชื่อว่าจีนให้ความสำคัญกับกัมพูชามากกว่าไทย เพราะจีนเห็นว่ากัมพูชาเคยสนับสนุนจีนอย่างมากในกรณีข้อพิพาททะเลจีนใต้ จะพบได้ว่ากัมพูชาออกมาคัดค้านไม่ให้ ASEAN ใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อจีนในฐานะผู้ก่อเหตุไม่สงบในทะเลจีนใต้ ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้จีนจึงหนุนหลังกัมพูชามากกว่าไทย เพราะจีนเห็นว่าไทยไม่ได้สนับสนุนจีนเหมือนที่กัมพูชาสนับสนุน แล้วก็ยิ่งเห็นชัดว่ากัมพูชาได้รับการลงทุนจากจีนมากที่สุด โดยพบว่าในปี 2022 จีนลงทุนในกัมพูชามากถึง 90.5 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) และจากการที่ ฮุน มาเนต เดินทางไปเยือนจีนเมื่อปี 2566 ทำให้เกิดการตกลงการค้าทวิภาคีอย่างชัดเจน โดยบรรลุข้อตกลงการลงทุนจากจีนจำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท และช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าจีนกับกัมพูชาประมาณ 4.53 หมื่นล้านบาท แล้วที่สำคัญคือสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ไปเยือนกรุงพนมเปญ เมื่อเดือนเมษายน 2568 แต่สี จิ้นผิง ไม่เยือนไทย ทั้งๆ ที่เป็นปีที่ความสัมพันธ์ไทย-จีนครบ 50 ปี เรื่องเหล่านี้สามารถตอบได้ดีว่าจีนให้ความสำคัญกับไทยหรือกัมพูชามากกว่ากัน
...nn คำถามคมๆ ชัดๆ แต่ทว่านายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนคือ ตกลงแล้วรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้มีใครเกี่ยวข้องกับแก๊ง scammers ที่หากินลวงโลกโดยมีฐานที่ตั้งอยู่ในกัมพูชาหรือไม่ และมีรัฐมนตรีคนไหนเกี่ยวข้องกับ ยิม เลียก, เฉิน จื้อ, เบน สมิธ และลี ยงพัด หรือ พัด สุภาภา บ้างหรือไม่ แต่ที่น่าสนใจยิ่งคือ เวลานักข่าวถามเรื่องนี้กับ อนุทิน ทำไม อนุทิน จึงดูเสมือนเกิดอาการอารมณ์เสีย แล้วบอกให้นักข่าวเลิกถามเรื่องนี้ ถามจริงๆ อนุทินจำเหตุที่ทำให้ เศรษฐา ทวีสิน กระเด็นตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ หากจำได้ ขอให้โปรดระมัดระวังตัวไว้ด้วย เพราะประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอย...nn
...nn ตบท้ายวันนี้ มีกระแสข่าวแพร่สะพัดหนาหูว่า "แม้ว" ซึ่งยังไม่สิ้นฤทธิ์สิ้นเดชแม้ตัวจะเข้าไปอยู่ในคุก ได้แสดงอิทธิฤทธิ์บีบให้ "บิ๊กแบงค์ชาติ" ให้เลิกแทรกแซงเงินบาทจนทำให้เงินบาทแข็งโป๊กขึ้นมา จนเศรษฐกิจของชาติตอนนี้ปั่นป่วนไปหมด
ธรรมกร

แนวหน้าวิเคราะห์ : แหล่งแร่’แรร์เอิร์ธ’-สหรัฐสนใจ อยู่ในโซนไหนของประเทศไทย
กรมอุตุฯเตือน‘13 จังหวัด’ฝนตกหนัก ‘กทม.’ฟ้าคะนอง40% ของพื้นที่
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงก่อตั้ง ‘พิพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ’ แหล่งความรู้ที่ยั่งยืนผ่านเครื่องแต่งกายในราชสำนัก
หงส์ร่วงบอลถ้วย!พ่ายพาเลซคารัง-เช็คผลทุกคู่
พร้อมกันหรือยัง!!! เปิดภาพพยากรณ์อากาศ 12-13 พ.ย. อุณหภูมิเย็นลงอีกครั้ง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี