หนังสงครามเรื่องสุดมัน ที่ “ค่ายหนังสารขัณฑ์พิกเจอร์” สร้างขึ้นมาคือวีรกรรมทหารไทยสามารถขับไล่ทหารขอมดำดินที่บุกรุกดินแดนสยาม พ้นไปได้อย่างเบ็ดเสร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยตั้งชื่อหนังเรื่องดังกล่าวเป็น“หักปีกอีแร้ง”

เหตุที่ “สารขัณฑ์พิกเจอร์” ไม่ตั้งชื่อหนังเป็น “หักปีกอินทรี” ให้ดู “หวือหวา” แต่กลับตั้งชื่ออย่าง“หน่อมแน้ม” เป็น “หักปีกอีแร้ง” เพราะ“ฮุนเซน” เป็นได้แค่ “พญาแร้ง” หรือ “เหยี่ยว” เท่านั้น จะยิ่งใหญ่เป็น“พญาอินทรี” ไม่ได้

แม้ “ฮุนเซน” จะเป็นได้แค่ “อีแร้ง” แต่ก็เป็นอีแร้งระดับ “บิ๊ก บิ๊ก” อย่าง “อีแร้งไก่งวงในรัฐแอริโซนา” ที่เป็น “อีแร้งจมูกไวได้กลิ่นเหยื่อสุดไกลกว่า 100ไมล์” เหมือนอีแร้งในหนังเรื่อง “Mackenna’s Gold” ที่ฮอลลีวู้ดสร้างในปี ค.ศ.1969 มีพระเอกชื่อ Omar Sharif ดารายอดดังสัญชาติอียิปต์ แสดงนำ

“โดยอีแร้งไก่งวงชื่อฮุนเซน ได้กลิ่นเงินจากธุรกิจสีเทาของสแกมเมอร์ในกัมพูชา และได้กลิ่นน้ำมันใต้ทะเลเกาะกูดของสยามที่ท่านเหลี่ยมณ คลองเปรม ผู้มีศีลเสมอเดียวกับฮุนเซน สัญญาว่าจะแบ่งปันผลประโยชน์กัน50 ต่อ 50” ที่อีแร้งอยากได้จนตัวสั่น

“อีแร้งเฒ่าได้เงินจากเหยื่อสแกมเมอร์ตกปีละกว่า 6 แสนล้านบาท และยังอยากได้น้ำมันใต้เกาะกูดจนน้ำลายหก”

“แต่แล้วอีแร้งเฒ่าก็ถูกทหารสยาม “ทุบชามข้าว” จนกริ้วโกรธถึงขั้นควันออกหู ไฟพรูออกทางปาก จึงก่อสงครามกับทหารไทยขึ้นมาอย่างดุดัน”

“สงครามขย่มสารขัณฑ์ยกแรก เมื่อ 24 – 28 กรกฎาคม 2568 การพันตูระหว่างกัมพูชากับสยาม ยังไม่ทันรู้ผลแพ้หรือชนะ ก็ถูกผู้ใหญ่ทรัมป์ปากจู๋ออกมาเหยียบเบรกเท้า ดึงเบรกมือ และตบเกียร์ต่ำแบบฟ้าแลบฟ้าผ่า จนการรบยุติลงอย่างฉับพลัน ราวีกันไม่ครบยก”

“สงครามขย่มสารขัณฑ์ยกสอง เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 จนถึงวันนี้ (23 ธันวาคม) การรบไม่ยุติ แม้ทหารไทยจะยึดดินแดนที่กัมพูชารุกล้ำกลับมาได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แม้แต่แนวรบสุดหิน คือเนิน 350 ที่เป็นภูมรณะ ทหารไทยก็ยึดมาได้อย่างสุดกล้าหาญ แต่การทวงกลับอย่างมุ่งมั่นของกัมพูชาก็ยังไม่ถดถอย”

ดังนั้น หนังสงคราม เรื่อง “หักปีกอีแร้ง” ที่เข้าโรงฉายในวันนี้ จึงเป็นแค่ “จบภาคแรก” เท่านั้น

อนาคต หนังเรื่อง “หักปีกอีแร้ง ภาคสอง” หรือ “ภาคสามและภาคสี่”จะถูก “สารขัณฑ์พิกเจอร์” สร้างขึ้นมาใหม่หรือไม่? คอหนังสงครามชาวไทยยังต้องติดตามต่อไปว่า “บทบาทสุดกร่างของอีแร้งเฒ่า ยังจะมีฤทธิ์เดชแค่ไหน?”

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม