การปิดดีลของ ติโม แวร์เนอร์ กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ด้วยราคา 54 ล้านปอนด์ หลายคนมองว่า พลิกล็อกอย่างที่สุด เพราะจริงๆ ควรจะจอดป้ายที่แอนฟิลด์
อย่างไรก็ดี ดีลนี้ไม่ได้เป็นการ“ไฮแจ๊ค” แต่อย่างใด
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี ตกเป็นข่าวต่อเนื่องกับ แวร์เนอร์ มาตลอด โดยผู้สื่อข่าวที่อังกฤษใช้ความเป็น “เยอรมนี” ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นตัวโยงข่าว ว่าโทรคุยกันบ้าง ติดต่อกันทางโน่นนั่นนี่
ลงท้ายกลายเป็นการตีข่าวแก้เก้อว่า อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ปราการหลังเชลซี เป็น “สตรอง เฟรนด์ชิพ” หรือเพื่อนแสนสนิท ที่เข้ามาใช้ความเป็น “เยอรมนี” ในเรื่องนี้แทน!!!
ลิเวอร์พูล ได้ทำการปฏิเสธ การซื้อตัวครั้งนี้ว่า ไม่เคยไปข้องแวะและเกี่ยวข้องอะไรเลย
ที่ผ่านมา เห็นว่าเป็นสายมโนโอเคกันทั้งนั้น!!!
แฟนบอลบางส่วน ที่ถล่มด่าสโมสรว่า ไม่ยอมทุ่มเงินซื้อ
เป็นไปได้ที่แฟนบอลเหล่านั้นคงลืมไปว่า ลิเวอร์พูล ยังไม่ได้ขายใครออกไปเลย จะซื้อใครได้ยังไง เพราะนี่คือสูตรสำเร็จของยุค เฟนเวย์ กรุ๊ป และบริหารบัญชีร่วมกับแท็กติกของ คล็อปป์
หลายๆ เคสเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับการที่ ลิเวอร์พูล บริหารงานด้วยการขายนักบอลแล้วซื้อคนอื่นมาแทนภาพใหญ่สุดก็คือ ขาย เฟลิปเป้ คูตินโญ่ แล้วได้ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค กับ อลิสซอนเบ๊คเกอร์ เดินเข้าสู่ทีม
ถ้าเป็นซีซั่นปกติเตะกันไปเรียบร้อย เชื่อว่า คล็อปป์ สามารถนำบัญชีไปเสนอกับ บอร์ดเฟนเวย์ เพื่อหักล้างนำไปสู่การซื้อนักบอลใหม่
นักบอลอย่าง แฮร์รี่ วิลสัน กับ มาร์โก้ กรูยิช กลับคืนทีมมาหลังจากหมดสัญญายืมตัว และพร้อมขายให้ได้มาน่าจะรวมๆ กัน กว่า 40 ล้านปอนด์ บวกกับบรรดาเยาวชนอีกสัก 2-3 คน พร้อมกับลดระดับการจ่ายเงินให้กับ อดัม ลัลลาน่า 110,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และ เดยัน ลอฟเรน 100,000 ปอนด์ต่อวีค
อาจจะรวบรวมเงินไปซื้อ ติโม แวร์เนอร์ก็เป็นได้
ตอนนี้ถามว่า จำเป็นหรือไม่นั้น เรื่องอื่นตัดไปก่อน เรื่องหัวใจสำคัญที่สุดต่างหาก
ทีมกำลังเดินหน้าสู่การไล่ล่าแชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศอยู่ใกล้แค่เอื้อมอีกแค่ 6 คะแนนเท่านั้น ซึ่งหัวหอกหัวหมู่ทะลวงฟันนำทัพหน้าคือ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์และซาดิโอ มาเน่
คงไม่มีใครกล้าไปสงสัยฝีไม้ลายมือของพวกเขาเหล่านี้
เอาเข้าจริง หากไปเซ็น แวร์เนอร์เข้ามาในตอนนี้แล้ว ผมมองว่า จะเป็นการบั่นทอนความรู้สึก และทำให้ทั้ง3 คน “SMF” เสียสมาธิไปแบบไม่สมควร
อย่างที่บอกไปว่า ถ้าเป็นซีซั่นปกติ ถ้าทีมได้แชมป์ไปแล้ว การซื้อ แวร์เนอร์ ในเวลานี้เป็นเรื่องที่ไม่แปลก และเป็นเรื่องที่อาจจะถูกต้องด้วยซ้ำไป หลังจากปีก่อนถ้าซื้อใครมาก็ต้องนั่งสำรอง
แต่ซีซั่นนี้ซื้อมาเพื่อท้าทายตำแหน่งตัวจริง
สรุปเรื่องหลักก็คือ จังหวะและเวลาที่มันไม่เหมาะสม และในเรื่องของค่าเหนื่อย, ค่าฉีกสัญญาเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากในชั่วโมงนี้ในยามที่ยังเป็นโควิด-19 ระบาดอยู่ และระบบการเล่น 4-3-3 ถ้ามันดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน มิใช่เหรอ.....
ส่วนเรื่องรองก็คือ การการันตีตัวจริง โลกใบนี้ยังไงก็ต้องแข่งขันกันอยู่ดี จุดนี้ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ แวร์เนอร์ พลิกไป เชลซีแต่อย่างใด
เชลซี ในยุคที่ไม่ได้อู้ฟู่เหมือนเมื่อก่อน ใช้วิธีผ่องถ่ายนักบอลที่ซื้อมากองจนล้นออกไปจากทีม ได้เงินมาจาก 7 นักเตะ ที่ขายไป 5 และปล่อยยืมได้เงินอีก 2 รวมสินทรัพย์ 43.5 ล้านปอนด์ เพิ่มอีกนิดหน่อยก็ปิดดีลนี้ได้สำเร็จ
ทีนี้น่าสนใจว่า เชลซี ที่เด่นดังมาตลอดในระบบ 4-3-3 กับ 3-4-3 จะตอบโจทย์กับทีมรุกชุดใหม่ได้ดีขนาดไหน
น่าสนใจก็คือ แวร์เนอร์ มาอยู่เชลซี จะเล่นตรงไหน???
เป็นคำถามที่ดูจะตลก เพราะ แวร์เนอร์ ทุกคนรู้ว่าเล่นกองหน้า แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่า กองหน้าแบบ แวร์เนอร์ ควรจะเล่นยังไงกันแน่?!?!?!?
แวร์เนอร์ เคยล้มเหลวในการยืนกองหน้าคนเดียวต่อหน้าธารกำนัล ในศึกฟุตบอลโลก 2018 และที่ผ่านมาเขาเล่นในระบบกองหน้าคู่มาโดยตลอดกับ อาร์เบ ไลป์ซิก
วิธีการเล่น และไลน์การวิ่งของ แวร์เนอร์ เขาไม่ใช่กองหน้าประเภท “ปักหอก” แบบที่ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา เคยทำเอาไว้ หากนึกถึงวิธีคือสไตล์ของ นิโกลาส์ อเนลก้า มากกว่า
แวร์เนอร์ ชอบเล่นทางกว้าง ชอบขยับเคลื่อนไหวตามจังหวะ ชอบเล่นกับไลน์ ไม่ชอบเล่นกับกองหลังแบบตรงๆ และเป็นกองหน้าที่ไม่ใช่“สายปะทะ”
นี่คือวิธีที่เล่นของ แวร์เนอร์ ที่จะมาทำงานกับ แฟรงค์ แลมพาร์ดจูเนียร์ ทีม หากไม่มีอะไรพลิกล็อกไปจากนี้อีกตลบ
ทำให้การมาเล่นนอกถิ่นหนนี้น่าสนใจในเรื่องของ “ตัวเขาเอง” หลังจากที่ทุกคนในโลกมองในเรื่องของ “ที่ที่เขาจะไปอยู่” มากกว่าตัวนักบอล
การเดินทางครั้งใหม่ของ แวร์เนอร์สำคัญมากๆ บนวัยกำลังจะเข้าสู่เบญจเพสพอดิบพอดี
หัวหอกเยอรมนี มีไม่เยอะนักที่มาเล่นในพรีเมียร์ลีก โด่งดังใช้ได้เลยก็คือ เจอร์เก้น คลินส์มันน์ ในช่วงเริ่มต้นฟื้นฟูบอลอังกฤษยุคใหม่ รวมถึงอูเว่ รอสเลอร์ ที่ใช้ได้เลยกับ แมนเชสเตอร์ซิตี้ แต่ที่ล้มเหลวก็เคยมีอย่าง คาร์ลไฮนซ์รีดเล่
ดีหน่อยตรงที่ค่าตัวไม่ได้แพงเวอร์ ทำให้จุดนี้ไม่ต้องแบกเยอะ และในยุคปัจจุบัน โรมัน อบราโมวิช ก็ไม่ได้ทำงานแบบบ้าคลั่งความสำเร็จเหมือนเมื่อก่อน
ถือเป็นจังหวะที่ดีของ แวร์เนอร์ ในการเริ่มตั้งต้นใหม่ของชีวิต
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี