โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะดวลคมกับ แจ๊ค กรีลิช
เกมการต่อกรซึ่งถือเป็น “เกมใหญ่” ประจำ ค.ศ.นี้ ก็ว่าได้ นั่นคือการโคจรมาปะทะกันระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กับ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้
2 จาก 3 ฤดูกาลหลังสุด ทั้งสองทีมคือ “คู่ชิงชัย” ในการไล่ล่าแชมป์ นั่นก็คือ ซีซั่น 2018-19 และ 2019-20 ที่เป็นที่จดจำของแฟนบอล
ซีซั่น 2018-19 ลิเวอร์พูล ที่โหยหาแชมป์ลีกมายาวนานยกระดับตัวเองขึ้นมาก่อนจะทำคะแนนได้ถึง 97 แต้ม ก็ยังอุตส่าห์มือเปล่า เมื่อถูก “เรือใบเลี่ยมทอง” ในยุคสมัยเงินจากตะวันออกกลางทรงอิทธิพล ปาดหน้าถึงฝั่งไปเพียงแค่ 1 แต้มเท่านั้น
เกมต้องลุ้นกันถึงหยดสุดท้าย แม้ว่า หงส์จะหักเขี้ยวหมาป่า แต่สุดท้าย แมนฯซิตี้ ที่ไม่พลาดเลยวิ่งเข้าเส้นชัยไปด้วยการชนะได้ 14 นัดติดต่อกัน เป็นแชมป์ที่แดนใต้ของไบรท์ตัน
จากนั้นซีซั่น 2019-20 ลิเวอร์พูล ไม่เปิดโอกาสให้เกมในสนามเป็นแบบนั้นอีก เมื่อชนะได้ถึง 27 เกม จาก 28 เกมแรกของฤดูกาล และไม่แพ้ใคร ถึงจะติดเรื่องโควิด-19 จนแฟนบอลบางคนที่แสดงความใจคดแบบจริงจัง ถึงขั้นอยากให้ “ยกเลิกการแข่งขัน” ไปเลย
โชคดีที่สปิริตยังมีในคนหมู่มาก ฟุตบอลกลับมาเตะกันใหม่ และ ลิเวอร์พูล ทิ้งขาดลอยเป็นแชมป์เหนือ ซิตี้ ถึงแม้ว่าจะต้องรอเวลาระหว่างซีซั่นนานสุด แต่ก็ถือว่าเป็นการได้แชมป์เร็วที่สุดในการเตะจำนวนแมทช์อีกด้วย
กระทั่งซีซั่นก่อน ลิเวอร์พูล มีเหตุตกหลุมดำอำพรางจากอาการบาดเจ็บของนักบอลคนแล้วคนเล่า จนหมดลุ้นแชมป์ตั้งแต่เดือนมกราคม ขณะที่ แมนฯซิตี้ ที่ออกสตาร์ทได้ต้วมเตี้ยมอย่างที่สุด กลับพลิกสถานการณ์กลับมาในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ได้ยาวเหยียดด้วยชัยชนะรวด 15 เกม จนเก็บฉาก
ปีนี้ ซิตี้ ก็ออกสตาร์ทด้วยการยางแตกตั้งแต่ยกแรก ก่อนจะยกระดับกลับมา และแสดงความน่าเกรงขามเมื่อบุกไปชนะ เชลซี 1-0 และเสียไปแค่ประตูเดียวเท่านั้นตั้งแต่เกมนัดเปิดสนาม
สิ่งหนึ่งก็คือ ซิตี้ มีปัญหาตรง “กองหน้าตัวเป้า” ที่เอาเข้าจริงแล้ว มันจะต้องมี เพื่อเสริมการเล่นของ แจ๊ค กรีลิช ที่ซื้อมาได้ถูกตาต้องตัว แต่จอมเปิดป้อนอย่างเขาต้องการคนที่เข้าไปชาร์จในจังหวะได้เสีย
เจอร์เก้น คล็อปป์ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับศึกใหญ่ก่อนเบรกทีมชาติ
ซึ่งเกมของ ซิตี้ ไม่มีนักบอลตรงนี้ ดังนั้นประตูที่ทำได้ส่วนใหญ่จะมาจากทางลึก และเมื่อถูกบีบให้ออกข้างพวกเขาจะมีปัญหาแบบที่เราเห็นในหลายๆ เกม
กาเบรียล เฮซุส ที่ออกไปเล่นด้านขวา เพื่อวิ่งตัดเข้าในมาชาร์จ มันอาจจะได้ผลบางขณะ แต่การยืนระยะไม่ได้แน่นอนอีกทั้ง ฟิล โฟเด้น, เควิน เดอ บรอยน์ กระทั่ง เฟร์ราน ตอร์เรส ไม่ถนัดในการยืนตัวเป้า
โฟเด้น ถนัดในการเล่นจากด้านในฝั่งซ้าย หรือตัวริมฝั่งขวา
เดอ บรอยน์ คือแม่ทัพ เขาจะออกบอลทางขวาเป็นธรรมชาติสุดๆ และการสอดขึ้นมาเคาะบอลสั้นสามเหลี่ยมตรงมุมเขตโทษทั้งสองฝั่งคือ ทรงประสิทธิภาพสุดๆ
ตอร์เรส ที่ดีที่สุดนั่นคือ กองหน้าด้านขวาตรงนั้นที่เดียวจริงๆ
ฟากฝั่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ของ “หงส์แดง” เวลานี้อาจจะไม่ต้องคิดมากเท่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อันเนื่องมาจาก นักบอลกลายเป็นมีให้เลือกจำกัดอีกครั้งในแดนกลาง เนื่องจากทยอยเจ็บทั้งหนักและเบาไป ทำให้จากเดิมมีตัวเลือก 7 คน+ ตอนนี้หายไปแน่ๆ แล้วถึง 3 ราย
น่าสนใจตรงที่ เคอร์ติส โจนส์ เหมือนจะขยับขึ้นมาได้ทันในระดับเดียวกับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เล่นเอาไว้ จากผลงานที่ได้เล่น 2 เกมหลังสุด
อย่างน้อยก็คือ กล้าเล่น กล้าไป และกล้ายิงมากกว่าเดิม
เอลเลียตต์ มีโอกาส 3 เกมเล่นได้เถิดเทิงอย่างมาก สร้างโอกาสให้เพื่อนในการเล่นไลน์นอก และไปปิดไลน์คู่แข่ง ทำให้แนวรุกด้านขวาของ ลิเวอร์พูล ดีขึ้นมาแบบน่าสนใจ ส่วน โจนส์ เป็นไปอีกแบบ นั่นคือการเข้ามาช่วงเล่นบอลตรงกลางได้แน่นอนขึ้น
การตัดบอลของ โจนส์ ได้จากการเข้าไปบีบในแนวลึก หลังจากที่เขาทำไม่ค่อยได้เลยก่อนหน้านี้ และการเปิดบอลจากเดิมคือ “เฮนโด้สไตล์” คือเกิน 5 หลาข้าไม่กล้าเปิด ก็เปลี่ยนไป ลูกทแยงมุมลูกเปิดหน้ากว้างเริ่มมา
ใช่ครับ เล่นมิดฟิลด์ทุกอย่างแหกได้ยกเว้นปอด
ปีก่อน แมนฯซิตี้ บุกชนะถึงแอนฟิลด์ 4-1
ที่เหลือนั้น ก็ต้องวัดกันไปตามหน้างาน เพราะแผนที่วางมาจากบ้านเหมือนกันคือ 4-3-3 ถือว่าสูสีกันสุดๆ ซึ่งในตอนนี้ประตูเท่ากัน, กองหลังเหลี่ยมไปทางซิตี้, กองกลางสูสี ส่วนกองหน้าลิเวอร์พูล คมกว่า
ส่วนปรีวิวการดวลแข้งหมดทุกคู่ 4 เกม คืนวันนี้มีดังต่อไปนี้สำหรับพรีเมียร์ลีก
22.30 น. ลิเวอร์พูล-แมนฯซิตี้ : เกมอภิมหาซูเปอร์บิ๊กแมทช์ของสองทีมที่ช่วงหลังเป็นคู่ต่อกรไล่ล่าแชมป์ลงเล่นเป็นคู่ดึกสุดในเวลา 22.30 น. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะเปิดแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล เป็นทีมเดียวในลีกที่ยังไม่แพ้ใครจากการลงเล่น 6 เกม ชนะ 4 เสมอ 2 นัดล่าสุดลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกบุกไปถล่มเอาชนะ เอฟซี ปอร์โต้ 5-1 แต่เกมนี้เจอข่าวร้ายเมื่อไม่มี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่มีอาการบาดเจ็บเช่นเดียวกับสองแดนกลางที่เดี้ยงอยู่แล้วอย่าง ธีอาโก้ อัลคันทาร่า และฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ทำให้ เจมส์ มิลเนอร์ จะรับบทแบ๊กขวาจำเป็นตำแหน่งอื่นๆ เชื่อว่าน่าจะไม่ปรับอะไรเล่นในระบบ 4-3-3 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คุมแดนกลางร่วมกับ ฟาบินโญ่ และเคอร์ติส โจนส์ ส่วนสามประสานในเกมรุกใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า และซาดิโอ มาเน่
ทีมเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นัดล่าสุดเสียความมั่นใจออกไปเยือนแพ้ให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 0-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา อิลคาย กุนโดกัน อยู่ในลิสต์แข้งที่มีอาการบาดเจ็บ แต่ที่เหลือ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า มีตัวเลือกในการจัดทัพเพียบ ขาดไปเพียงหัวหอกตัวจบสกอร์ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ เกมนี้อาจจะขยับเอา เควิน เดอ บรอยน์ ขึ้นไปเล่นฟอล์สไนน์ ขนาบข้างไปด้วย กาเบรี่ยล เฮซุส และแจ็ค กรีลิช ส่วนแดนกลางใช้ โรดรี้ เป็นตัวตัดเกม โดยมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา และฟิล โฟเด้น ทำหน้าที่ลำเลียงบอลป้อนแนวรุก
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด แมนฯซิตี้ ทำได้ดีกว่าเอาชนะได้ 2 เสมอ 2 และลิเวอร์พูล ชนะ 1 ฤดูกาลที่แล้ว เกมแรก “หงส์แดง” บุกเสมอที่ เอติฮัต 1-1 ก่อนจะกลับมาเล่นในแอนฟิลด์ โดน ซิตี้ จัดหนักถล่ม 4-1
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลิสซอน เบ็คเกอร์, เจมส์ มิลเนอร์, โฌเอล มาติ๊ป, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, เคอร์ติส โจนส์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า และซาดิโอ มาเน่
แมนฯซิตี้ (4-3-3): เอแดร์ซอน, ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, อายเมริค ลาปอร์ก, ชูเอา กานเซโล่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, โรดรี้,ฟิล โฟเด้น, กาเบรี่ยล เฮซุส, เควิน เดอ บรอยน์ และแจ็ค กรีลิช
สกอร์ที่คาด : ลิเวอร์พูล 2-1 แมนฯซิตี้
20.00 น. คริสตัล พาเลซ - เลสเตอร์ ซิตี้
เจ้าถิ่น “ปราสาทเรือนแก้ว” คริสตัล พาเลซ ลงเล่นไปแล้ว6 เกม ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 2 มี 6 แต้ม นัดล่าสุดเสมอกับ ไบรท์ตันมา 1-1 เกมนี้ยังไม่มี เอเบเรซี่ เอเซ่ ปีกดาวรุ่งที่บาดเจ็บพักยาวที่เหลือตำแหน่งอื่น ๆ ไม่มีอะไรให้ ปาทริค วิเอร่า ต้องกังวลใจยึดระบบการเล่น 4-3-3 มีแนวโน้มว่า ลูก้า มิลิโวเยวิช จะเบียด ชีค คูยาเต้ ลงตัวจริงคุมเกมแดนกลางร่วมกับ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และเจมส์ แม็คอาร์เธอร์ สามประสานในเกมรุกใช้ จอร์แดน อายิว, อ็อดซอนด์ เอดูอาร์ และวีลฟรีด ซาฮา
เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค จะได้กลับมาคัดท้ายอีกครั้ง หลังจากพลาดเมื่อปีก่อนไปครึ่งซีซั่น
ทีมเยือน “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ ผลงานไม่ดีเลย 6 เกม ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 3 แถมเกมล่าสุดในศึกยูโรป้า ลีก ก็ออกไปพ่ายให้กับ ลีเกีย วอร์ซอร์ มา 1-0 เวสลีย์ โฟฟาน่า และเจมส์ จัสติน คือสองแข้งที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บข่าวดีคือการได้ จอนนี่ อีแวนส์ ฟิตสมบูรณ์พร้อมลงคุมแนวรับ มาเยือนในระบบ 4-2-3-1 วีลฟรีดเอ็นดิดี้ คุมจังหวะเกมร่วมกับ ยูรี ตีเลมานส์ แนวรุกให้โอกาส อเดโมล่าลุคแมน ลงประสานงานกับ เจมส์ แมดดิสัน และฮาร์วีย์ บาร์นส์ โดยมีเจมี่ วาร์ดี้ ยืนหน้าเป้า
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด เลสเตอร์ ซิตี้ ทำได้ดีกว่าเอาชนะได้ 3 เสมอ 1 และคริสตัล พาเลซ ชนะ 1
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม คริสตัล พาเลซ (4-3-3) : บิเซนเต้ กวยต้า, โจเอล วอร์ด, โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น, มาร์ค เกฮี, ไทริค มิทเชลล์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, ลูก้า มิลิโวเยวิช, เจมส์ แม็คอาร์เธอร์, จอร์แดน อายิว, อ็อดซอนด์ เอดูอาร์ และวีลฟรีด ซาฮา
เลสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, ริคคาร์โด้ เปเรยร่า, จอนนี่ อีแวนส์, คักลาร์ โซยุนคู, ไรอัน เบอร์ทรานด์,วีลฟรีด เอ็นดิดี้, ยูรี ตีเลมานส์, อเดโมล่า ลุคแมน, เจมส์ แมดดิสัน,ฮาร์วีย์ บาร์นส์ และเจมี่ วาร์ดี้
สกอร์ที่คาด : คริสตัล พาเลซ 1-1 เลสเตอร์ ซิตี้
20.00 น. เวสต์แฮม - เบรนท์ฟอร์ด
เจ้าบ้าน “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ผลงานใช้ได้6 เกมที่ผ่านมาชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 1 ในยูโรป้า ลีก ก็ยอดเยี่ยมเอาชนะ ราปิด เวียนนา มาได้ 2-0 เกมนี้ไม่มี ไรอัน เฟรเดอริคส์ ที่บาดเจ็บ ส่วน วลาดิเมียร์ คูฟาล ต้องเช็คความฟิต หากเล่นไม่ได้ เบน จอห์นสัน จะเสียบแทน กุนซือ เดวิด มอยส์ เตรียมกลับมาใช้ตัวหลักที่พักเอาไว้เมื่อกลางสัปดาห์เล่นในระบบเดิม 4-2-3-1โทมัส ซูเช็ค ยืนคู่ เดแคลน ไรซ์ ในแดนกลาง เกมรุกจี๊ดทุกตัวนำโดย จาร์ร็อด โบเว่น, ปาโบล ฟอร์นาล์ส, ซาอิด เบนราห์ม่า และมิคาอิล อันโตนิโอ
ทางฝั่งผู้มาเยือน “ผึ้งน้อย” เบรนท์ฟอร์ด ทีมน้องใหม่ที่ดูมีทรงมากที่สุด เกมที่แล้วเปิดบ้านเสมอกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมันส์ 3-3 นัดนี้กุนซือ โธมัส แฟร้งค์ ยังหมดสิทธิ์ใช้งานจอช ดาซิลวา และแมดส์ เบ็ค โซเรนเซ่น ที่มีอาการบาดเจ็บเช่นเดียวกับ อีธาน พินน็อค แนวรับตัวหลัก ทำให้ ซานก้า จะได้ลงเล่นแทน ที่เหลือเป็นขุมกำลังชุดเดิมมาในระบบ 3-4-3 นำโดยเซร์กี้ กานอส, คริสเตียน นอร์การ์ด, วิตาลี่ ยาเนลท์ และริโก้เฮนรี่ ที่จะยืนเป็นแผงกลาง ส่วนสามแนวรุกฝากความหวังไว้ที่ไบรอัน เอ็มเบอูโม่, อีวาน โทนีย์ และโยอัน วิสซ่า
สถิติการพบกันทั้งสองทีมไม่เจอกันมาเกือบ 30 ปี หรือครั้งสุดท้ายคือปี 1993 ในดิวิชั่น 1 ถ้าวัดจากสถิติทุกรายการที่ดวลกันทั้งหมด 48 ครั้ง เวสต์แฮม ดูดีกว่าชนะ 22 เสมอ 11 และเบรนท์ฟอร์ด ชนะ 15
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม เวสต์แฮม (4-2-3-1) : ลูคัส ฟาเบียนสกี้, เบน จอห์นสัน, เคิร์ท ซูม่า, อังเจโล่ อ็อกบอนน่า,แอรอนส์ แครส์เวลล์, โทมัส ซูเซ็ค, เดแคลน ไรซ์, จาร์ร็อด โบเว่น,ปาโบล ฟอร์นาล์ส, ซาอิด เบนราห์ม่า และมิคาอิล อันโตนิโอ
เบรนท์ฟอร์ด (3-4-3) : เดวิด ราย่า, คริสโตเฟอร์ เอเยอร์,พอนตุส ยานส์สัน, ซานก้า, เซร์กี้ กานอส, คริสเตียน นอร์การ์ด, วิตาลี่ ยาเนลท์, ริโก้ เฮนรี่, ไบรอัน เอ็มเบอูโม่, อีวาน โทนีย์ และโยอัน วิสซ่า
สกอร์ที่คาด : เวสต์แฮม 3-2 เบรนท์ฟอร์ด
20.00 น. สเปอร์ส - แอสตัน วิลล่า : “ไก่เดือยทอง”ท็อตแน่น ฮ็อทสเปอร์ ภายใต้การคุมทีมของ นูโน่ เอสปิริโต้ซานโต ออกสตาร์ทเหมือนจะดีชนะ 3 เกมรวด แต่ทว่า 3 เกมหลังสุดในลีกไม่ชนะใครแพ้เรียบ และเพิ่งเรียกความมั่นใจในเกมยูฟ่าคอนเฟอเรนซ์ ถล่ม มูร่า จากสโลวีเนีย มา 5-1 เกมนี้ไม่มี สตีเว่น เบิร์กไวจ์น แนวรุกดัทช์ที่บาดเจ็บ คาดว่าบรรดานักเตะที่ได้พักจะคืนตัวจริงทั้งหมด โอลิเวอร์ สคิปป์ เล่นกับปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์กในแดนกลาง ส่วนเกมรุกใช้ ลูคัส มูร่า ประสานงานกับ เดเล่ อัลลี, ซอน ฮึง มิน และแฮร์รี่ เคน
ทีมเยือน “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า ได้พักมาเต็มๆ เพราะไม่มีเกมกลางสัปดาห์ลงเล่น นัดที่แล้วบุกเฉือนเอาชนะ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 1-0 เกมนี้ยังไม่มี มาห์มูด เทรเซเกต์ ที่มีอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ เลออน ไบลีย์ที่เดี้ยงเพิ่มไปอีกราย ทำให้ช่วงหลัง ดีน สมิธ มักจะปรับระบบมาเล่น 3-5-2 ด้วยการเพิ่มแนวรับอย่าง คอร์ตนีย์ เฮ้าส์ ลงเล่นร่วมกับ เอซรี่ คอนซ่า และไทโรน มิงค์ส ส่วนแดนกลางมี จอห์นแม็คกินน์, จาค็อบ แรมซีย์ และดั๊กลาส ลุยซ์ โดยมี แดนนี่ อิงค์ส และโอลลี่ วัตกิ้นส์ เป็นคู่หัวหอก
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ สเปอร์ส เหนือกว่าพอสมควรชนะได้ 4 และ วิลล่า ชนะ 1
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม สเปอร์ส (4-2-3-1) : ฮูโก้ญอริส, เอแมร์ซอน รอยัล, คริสเตียน โรเมโร่, เอริค ดายเออร์,เซร์คิโอ้ เรกีลอน, โอลิเวอร์ สคิปป์, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบี๊ยร์ค,ลูคัส มูร่า, เดเล่ อัลลี, ซอน ฮึง มิน และแฮร์รี่ เคน
แอสตัน วิลล่า (3-5-2) : เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ, เอซรี่ คอนซ่า,คอร์ตนีย์ เฮ้าส์, ไทโรน มิงค์ส, แมตตี้ แคช, จอห์น แม็คกินน์, จาค็อบ แรมซีย์, ดั๊กลาส ลุยซ์, แม็ตต์ ทาร์เก็ตต์, แดนนี่ อิงค์ส และโอลลี่ วัตกิ้นส์
สกอร์ที่คาด : สเปอร์ส 2-2 แอสตัน วิลล่า
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี