การเดินทางของโลกฟุตบอลยังคงไม่มีถอยหลัง

เหมือนกับตีตั๋วมาเที่ยวเดียว และในสัปดาห์นี้เรากำลังจะได้เห็นการแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรโลก ที่แปลกและแตกต่างออกไปแบบสุดขั้ว

ในรุ่นก่อนที่ผมจะดูฟุตบอล ศึกชิงแชมป์ทีมโลกไม่เป็นที่สนใจ ไม่มีใครอยากไปแข่ง ทีมแชมป์ปฏิเสธการเล่นแบบเหย้าเยือน ทำให้ทีมรองแชมป์ได้ไปเล่นแทน กระทั่งญี่ปุ่นมาโอบอุ้มไปจัด

ผมโตขึ้นมาในรุ่นนั่นแหล่ะ ในชื่อของ “โตโยต้าคัพ”ยุค 80-90

มาถึงปัจจุบันการแข่งขันเติบโตมากขึ้น จาก 2 ทีมขึ้นมาเป็น 7 ทีม และปีนี้ 32 ทีม ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ที่หนักขึ้น 

สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ยืนยันถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันของศึก สโมสรโลก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ปี 2025 โดยจะเปลี่ยนเป็นแข่งกันทุกๆ 4 ปี และจะมีทีมจากทั่วโลกที่ได้สิทธิ์ลงแข่งขันครั้งละ 32 ทีม ซึ่งปีแรกนี้ แข่งขันระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน ไปจนถึง 13 กรกฎาคม 2025

แข่งขันทั้งหมด 12 สนาม รวม 11 เมือง ประกอบด้วย ฟิลาเดลเฟีย, วอชิงตัน, ซีแอตเติ้ล, พาซาเดน่า, ซินซินเนติ, ชาร์ล็อตต์, ไมอามี่, แอตแลนต้า, ฟลอริด้า, แนชวิลล์, อีสต์ รูเธอร์ฟอร์ด และออร์แลนโด้ 2 สนาม 

ยุโรป 12 ทีม ประกอบด้วย เชลซี (อังกฤษ), เรอัล มาดริด (สเปน), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ), บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี), ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส), อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี), ปอร์โต้ (โปรตุเกส), เบนฟิก้า (โปรตุเกส),โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี, ยูเวนตุส (อิตาลี), แอตเลติโก้ มาดริด (สเปน), เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก (ออสเตรีย)

อเมริกาใต้ 6 ทีม : พัลไมรัส (บราซิล), ฟลาเมงโก้ (บราซิล), ฟลูมิเนนเซ่ (บราซิล), โบตาโฟโก้ (บราซิล), ริเวอร์เพลต (อาร์เจนจินา),โบค่า จูเนียร์ส (อาร์เจนตินา)

เอเชีย 4 ทีม : อัล-ฮิลาล (ซาอุฯ), อุราวะ เร้ดส์ (ญี่ปุ่น), อัล ไอน์ (ยูเออี), อูลซาน ฮุนได (เกาหลีใต้)

แอฟริกา 4 ทีม : อัล อาห์ลี (อียิปต์), วีดัด คาซาบลังก้า (โมร็อกโก), เอสเปเรนซ์  สปอร์ติฟ เดอ ตูนิส (ตูนิเซีย), มาเมโลดี ซันดาวน์ส (แอฟริกาใต้)

คอนคาเคฟ 4 ทีม : มอนเตอร์เรย์ (เม็กซิโก), ซีแอตเทิ่ล ซาวน์เดอร์ส (สหรัฐฯ), คลับ เลออน (เม็กซิโก), ปาชูก้า (เม็กซิโก)

โอเชียเนีย 1 ทีม : โอ๊คแลนด์ ซิตี้ (นิวซีแลนด์)

เจ้าภาพ 1 ทีม : อินเตอร์ ไมอามี (สหรัฐอเมริกา)

ทุกเรื่องมีคำถามที่รอคำตอบอยู่เสมอ โดยเฉพาะ 2 ทีมขวัญใจมหาชนอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำไมถึงไม่ได้แข่งขัน

เรื่องนี้ “ฟีฟ่า” ได้เปิดเผยวิธีการคัดเลือกทีมที่เข้าแข่งอย่างชัดเจนเป็นเวลาหลายเดือน แต่ในยุคปัจจุบันมนุษย์ก็เป็นอย่างที่เห็น

ไม่ค่อยหยุดอ่าน แล้วก็ไถไปแต่ฟีด แบบนี้คุณจะจำอะไรกันได้บ้าง...........ดังนั้นหยุดอ่านก่อนสักนิด จะได้ไม่ต้องคอมเมนท์ถามไปเรื่อยเปื่อย????

รายการนี้แม้ดำริของ “ฟีฟ่า” จะช่วยเกื้อหนุนและอยากที่จะดูแลกึ่งเอาใจ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า เป็นหนึ่งในเหตุผลในการ “คุมกำเนิด” ฟุตบอลยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก

แม้จะได้สิทธิ์ยุโรป 12 ทีม แต่ต้อง “กระจายไปให้มากที่สุด” ดังนั้นต่อให้วัดค่าสัมประสิทธิ์ ก็จำเป็นต้อง “จำกัด” ทีมผ่านเข้ามาเล่นชาติละไม่เกิน 2 สโมสร

ดังนั้น ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด จึงหมดสิทธิ์ไปแข่ง แม้ว่าจะมีคะแนนสัมประสิทธิ์อยู่ในอันดับต้น ๆ ของทวีปก็ตาม

เกณฑ์หลักก็คือ ทีมที่ครองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จำนวน 4 ทีมในช่วง 4 ฤดูกาลหลังสุด เริ่มจากปี 2020-21 และทีมที่มีค่าสัมประสิทธิ์ตามการนับคะแนนของ ยูฟ่า 8 อันดับแรก ในช่วงระยะเวลา 4 ซีซั่นที่ผ่านมา หากทับซ้อนประเทศที่เข้าร่วมแล้ว ก็จะเลื่อนอันดับขึ้นมา

ดังนั้นเข้ากฎก็คือ 2 ทีมจากอังกฤษ คือ เชลซี แชมป์ปี 2021 และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ปี 2023

ที่สำคัญทั้งสองทีมนั้น อาจได้รับเงินรางวัลสูงถึง 97 ล้านปอนด์จากการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลกในปีนี้

เงินรางวัลรวมที่แบ่งกันระหว่างทีมทั้ง 32 ทีมตามปัจจัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นอยู่ที่ 775 ล้านปอนด์ โดย 407 ล้านปอนด์จะแบ่งให้กับสโมสรที่เข้าร่วมทั้งหมด และ 368 ล้านปอนด์ ก็ไปล่าเอาเองตามผลงานที่ทำได้

เมื่อเปรียบเทียบกับเงินรางวัลในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล2023-24 จากยอดสุดคือแชมป์นั่นคือ 175.9 ล้านปอนด์ เป็นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปจนถึงต่ำสุดคือ 109.7 ล้านปอนด์สำหรับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับสุดท้าย

เงินรางวัลที่ได้รับจากการเข้าร่วมจะจัดอันดับตามเกณฑ์ด้านกีฬา และในเชิงพาณิชย์ ดังนั้น “ฟีฟ่า”ระบุไว้แล้วถึงเรื่องที่ทุกทีมทราบดีซึ่งหมายความว่า “สโมสรจากยุโรป” จะได้รับเงินรางวัลจากการเข้าร่วมมากกว่าทีมจากทวีปอื่น

ทีมยุโรปจะรับเงิน 29.6 ล้านปอนด์จากการเข้าร่วม และจะได้รับรางวัลสูงสุดราวๆ 97 ล้านปอนด์ หากชนะเกมรอบแบ่งกลุ่มทั้งหมดทุกนัด และคว้าแชมป์การแข่งขันได้

การชนะในรอบแบ่งกลุ่มจะทำให้ทีมได้รับเงินรางวัล 1.5 ล้านปอนด์ โดยแบ่งเป็น 5.8 ล้านปอนด์สำหรับรอบ 16 ทีมสุดท้าย,  10.2 ล้านปอนด์สำหรับรอบก่อนรองชนะเลิศ, 16.3 ล้านปอนด์สำหรับรอบรองชนะเลิศ และ 31 ล้านปอนด์สำหรับชัยชนะในรอบชิงชนะเลิศ

ส่งผลให้อาจมีการคว้าเงินรางวัลสูงสุดที่เคยมีมาในฟุตบอลสโมสรในรูปแบบการเล่น 7 เกม

จิอันนี่ อินฟานติโน ประธานฟีฟ่ากล่าวว่า รูปแบบการจัดจำหน่ายของการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลกสะท้อนให้เห็นถึงจุดสูงสุดของฟุตบอลสโมสร ทีมจากแต่ละสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติทั้ง 6 แห่งจะเข้าร่วมการแข่งขัน ได้แก่ เอเชีย (AFC), แอฟริกา (Caf), อเมริกาเหนือและอเมริกากลาง (Concacaf), อเมริกาใต้ (Conmebol), โอเชียเนีย (OFC) และยุโรป (Uefa)

แม้จะมีเสียงคัดค้านและต่อต้านมากมาย แต่การแข่งขันครั้งนี้กำลังจะกลายเป็นประวัติศาสตร์

ไม่ว่าทีมที่คุณชอบหรือเชียร์จะเข้าแข่งหรือไม่ก็ตาม

บี แหลมสิงห์

สรุปผลจับสลากแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 มีดังนี้

กลุ่มเอ : พัลไมรัส (บราซิล), ปอร์โต (โปรตุเกส), อัล อาห์ลี (อียิปต์), อินเตอร์ ไมอามี (สหรัฐอเมริกา)

กลุ่มบี : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส), แอตเลติโก มาดริด (สเปน), โบตาโฟโก (บราซิล), ซีแอตเทิล ซาวน์เดอร์ส (สหรัฐอเมริกา)

กลุ่มซี : บาเยิร์น มิวนิก (เยอรมนี), โอ๊คแลนด์ ซิตี้ เอฟซี (นิวซีแลนด์), โบคา จูเนียร์ส (อาร์เจนตินา), เบนฟิกา (โปรตุเกส) 

กลุ่มดี : ฟลาเมงโก (บราซิล), เอสเปเรนซ์  สปอร์ติฟ เดอ ตูนิส (ตูนิเซีย), เชลซี (อังกฤษ), คลับ เลออน (เม็กซิโก)

กลุ่มอี : ริเวอร์ เพลท (อาร์เจนตินา), อุราวะ เรด ไดมอนด์ส (ญี่ปุ่น), มอนเตร์เรย์ (เม็กซิโก), อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) 

กลุ่ม เอฟ : ฟลูมิเนนเซ (บราซิล), โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี), อุลซาน เอชดี (เกาหลีใต้), มาเมโลดี ซันดาวน์ส เอฟซี (แอฟริกาใต้)

กลุ่ม จี : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ), วีดัด คาซาบลังก้า(โมร็อกโก), อัล ไอน์ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์), ยูเวนตุส (อิตาลี) 

กลุ่มเอช : เรอัล มาดริด (สเปน), อัล ฮิลาล (ซาอุดีอาระเบีย), ปาชูกา (เม็กซิโก), เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก (ออสเตรีย)