*10 พฤศจิกายน 2566
นาวาโท สุทธิโรจน์ ประพันธ์พัฒ อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย หรือ "โค้ชหน่อย" ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคม แทนที่ นายไกรสีห์ กรรณสูตร ซึ่งหมดวาระ ที่ห้องประชุมชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย
สโมสรสมาชิก เข้าร่วมประชุม 90 จาก 97 สโมสร ผู้สมัครโหวตเสียงรับรองผู้สมัครนายกฯ 2 คน รอบแรก นาวาโท สุทธิโรจน์ ประพันธ์พัฒ รับรอง 72 เสียง และ พล.อ.อ.พิชัย เขม้นจันทร์ 18 เสียง แต่น้อยกว่า 1 ใน 5 ทำให้ พล.อ.อ.พิชิย ไม่ผ่านการรับรอง
โหวตเสียงรอบ 2 รับรอง นาวาโท สุทธิโรจน์ รับเสียงสนับสนุน 72 จาก 90 เสียง ได้เป็นนายกสมาคมคนใหม่
จากนั้นมีการร้องเรียนไปยัง สหพันธ์เปตองนานาชาติ Fédération Internationale de Pétanque et Jeu Provençal (F.I.P.J.P) ว่า มีหลักฐานการปลอมแปลงเอกสารของจำนวนสโมสรสมาชิกเกินครึ่งในการเข้าใช้สิทธิ์การเลือกตั้งนายกสมาคม อีกทั้งยังฟ้องร้องต่อ สหพันธ์เปตองโลก หรือ The World Petanque and Bowls Federation (WPBF)
*31 มกราคม 2568
มีจดหมายประทับตราของ สหพันธ์เปตองนานาชาติ Fédération Internationale de Pétanque et Jeu Provençal (F.I.P.J.P) ส่งมายังประเทศไทย ลงวันที่ 30 ต.ค.2567 ว่า คณะกรรมการจริยธรรมของ สหพันธ์เปตองและโบว์ลโลก (WPBF) ห้ามไม่ให้ประเทศไทย เข้าร่วมกิจกรรมระหว่างประเทศ
เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ขัดต่อจริยธรรมทางกีฬา จรรยาบรรณของ IOC และ WPBF
"เราจะใช้มาตรา 62 กฎหมายของเรา ซึ่งห้ามบุคคลและองค์กรต่างๆ ทำงานร่วมกับองค์กรหรือบุคคลที่ถูกระงับ เราได้ใช้มาตรการค่ำบาตรนี้แล้ว รวมถึงสหพันธ์กีฬาเอเชีย ซึ่งนำโดยเข้าหน้าที่ที่ละเมิดกฏของ F.I.P.J.P และกับตัวแทนระดับชาติในหลายโอกาสด้วย" ลงชื่อโดย โคล้ด อาเซมา ประธานสหพันธ์เปตองนานาชาติ
ยังผลให้สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย โดนแบนจากสหพันธ์เปตองนานาชาติ จนกว่าสมาคมจะมีการเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมฯ ตามที่สหพันธ์มีคำสั่งถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.)
*4 กุมภาพันธํ์ 2568
นาวาโท สุทธิโรจน์ ประพันธ์พัฒ ได้ออกมาชี้แจงว่า เป็นเพียงกลุ่มคนในขั้วอำนาจเก่าที่เสียผลประโยชน์จากการที่ตนได้รับเสียงไว้วางใจจากสโมสรสมาชิกให้เป็นนายกสมาคมกีฬาเปตอง ซึ่งก็มีอยู่ 5 คนด้วยกันที่กำลังทำทุกวิถีทาง ที่จะบีบบังคับให้ตนออกจากตำแหน่ง
ซึ่งตนมองว่ามันเป็นเรื่องที่บานปลายจนนักกีฬาเราเสียสิทธิ์การไปป้องกันแชมป์โลก นำความเสื่อมเสียมาสู่ประเทศไทยแบบนี้ตนรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง จึงได้ทำการปรึกษากับทีมกฏหมาย และได้ทำเรื่องฟ้องบุคคลจำนวนดังกล่าวแล้ว
25 เมษายน 2668
การประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และ กีฬาอาเซียน พาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เริ่มมีการหวั่นใจว่า อาจจะมีปัญหาในการจัดการแข่งขัน โดยมีผลกระทืบต่อนักกีฬาไทยชุดนี้อีกด้วย ที่ตั้งความหวังเอาไว้ 5 เหรียญทองจากการชิง 11 เหรียญ
5 พฤษภาคม 2568
นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ซีอีโอ สำนักงานซีเกมส์ ระบุว่า จากการประชุมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องและการหารือกับผู้แทนของสหพันธ์ฯ ได้ข้อสรุปว่า จะมีการตั้งกรรมการกลาง 7 คน ในการเข้ามาบริหารงานของสมาคมฯ ซึ่งมีคนกลางที่สหพันธ์ฯกำหนดมา 2 คน หลังจากได้รายชื่อกรรมการกลางจะให้สหพันธ์เปตองนานาชาติรับรองโดยตรง
เวลานั้น ไทยส่งนักเปตองไปแข่งขันศึกชิงแชมป์เอเชีย, เวิลด์เกมส์, ซีเกมส์ได้ โดยไม่มีผลกระทบอะไรจากเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่กระทบกับทุกชาติที่จะส่งนักกีฬามาแข่งซีเกมส์
*6 มิถุนายน 2568
โอลิมปิคไทย ได้เสนอชื่อคีย์แมนกีฬาไทย รวม 10 คน ไปยัง กกท. เพื่อแต่งตั้งให้เป็น “คณะกรรมการกลาง” ขึ้นมาแก้ปัญหา พร้อมทั้งส่งหนังสือไปยังสหพันธ์เปตองโลก และทางประธานเปตองโลก ได้รับทราบ
กกท. ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เนื่องจากทางสมาคมกีฬาเปตองฯ กำลังเรื่องอุทธรณ์ไปยังสหพันธ์เปตองโลก ซึ่งในระหว่างรอผลการยื่นอุทธรณ์ ทางสมาคมฯ ได้มอบสิทธิขาดการบริหารจัดการให้กับทาง กกท. เป็นผู้จัดการแทนสมาคมฯ และร่วมดูแลนักกีฬาเปตองทีมชาติไทย ทั้งหมด
ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้นักกีฬาได้รับผลกระทบจากการถูกลงโทษแบนในครั้งนี้
*19 มิถุนายน 2568
นายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา เพื่อพิจารณากรณีนี้
โดย กมธ.ท่องเที่ยวและกีฬา วุฒิสภากำชับ กกท.เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย ให้ได้ข้อยุติโดยเร็วที่สุด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนักกีฬาและศักดิ์ศรีของประเทศชาติ
*4 กันยายน 2568
พล.อ.มังกร โกสินทรเสนีย์ ประธานคณะกรรมการกลางฯ ชี้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ กกท. ยังคงยึดถือสมาคมกีฬาเปตองฯ เป็นหลักอยู่ โดยอ้างว่าเป็นสมาคมฯที่ได้รับการรับรองถูกต้องตามกฎหมาย แต่ขณะนี้สมาคมฯ โดนสหพันธ์เปตองโลกแบนไปแล้ว อยากฝาก กกท. ได้รับทราบ และช่วยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณ เรื่องการเตรียมนักกีฬา
“ปัญหาที่เกิดขึ้น มันส่งผลกระทบไปยังนักกีฬา เรื่องของการเบิกเบี้ยเลี้ยง ต่างๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ กกท. อ้างว่าต้องทำผ่าน สมาคมฯ แต่จริงๆ สมาคมฯ หมดสภาพไปแล้ว แม้แต่ที่เฉิงตู ในศึกเวิลด์เกมส์ คณะกรรมการกลาง ก็เป็นคนส่งนักกีฬาแข่งขัน แต่ กกท. ดันโอนเงินเบี้ยเลี้ยงไปที่สมาคมฯ ซึ่งหมดสภาพไปแล้ว มันก็ไม่ถึงนักกีฬา”
*5 กันยายน 2568
เฟซบุคเพจของสมาคมกีฬาเปตองฯ ได้เขียนข้อความขึ้นว่า สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยฯ ได้จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้นักกีฬาเรียบร้อย และได้สำรองเงินของสมาคมฯจ่ายให้นักกีฬาไปก่อนด้วย ทั้งๆ ที่ สมาคมฯ ยังไม่ได้รับเงินจาก กกท.ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี ขณะนี้สมาคมฯ กำลังดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว
พร้อมติดแฮชแทคว่า # การให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ มีโทษตามกฏหมาย
*15 กันยายน 2568
ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ระบุว่างมีปัญหาที่เบี้ยเลี้ยงนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และงบประมาณต่างๆที่เกี่ยวข้อง กกท.ยังไม่ระงับการปฎิบัติหน้าที่ของสมาคมกีฬาเปตองฯชุดที่ถูกแบน
นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ซีอีโอ สำนักงานซีเกมส์กล่าวว่า อยากจะให้ กกท.ยึดหลักความถูกต้อง และมองเห็นปัญหาของสมาคมกีฬาเปตองฯ ให้ลึกซึ้งกว่านี้ พร้อมยอมรับในคำสั่งของสหพันธ์เปตองโลกที่ได้ทำหนังสือยอมรับให้คณะกรรมการกลางที่มีพล.อ.มังกร โกสินทรเสนีย์ ประธานคณะกรรมการกลางฯ เข้ามาดำเนินการจัดส่งนักกีฬาลงแข่งซีเกมส์
*16 กันยายน 2568
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวถึงเรื่องเบี้ยเลี้ยงของนักกีฬา ว่า กกท.ต้องยึดตามกฎหมาย คือโอนเงินให้สมาคมฯ เป็นผู้จัดการเหมือนสมาคมกีฬาอื่นๆ ไม่สามารถโอนตรงให้นักกีฬาได้
Wอย่างไรก็ตามหากตัวนักกีฬาไม่ได้รับเงินหรือเงินไม่ถึงนักกีฬา ก็สามารถมาร้องกับการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ ซึ่ง กกท. ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบแน่นอน แต่จนถึงตอนนี้ก็งไม่มีนักกีฬาคนไหนเข้ามาร้องเรียนแต่อย่างใด”
*17 กันยายน 2568
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้พบกับ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ที่ อาคารรัฐสภา หลังจากร่วมประชุมกับกรรมาธิการฝ่ายกีฬาที่อาคารรัฐสภา ชั้น 4 ห้อง 407 โดย ผู้ว่า กกท.ระบุว่า นักกีฬาบางส่วนได้รับเงินแล้ว แต่ยังมีอีก 5-6 คน ที่ยังมีปัญหา ซึ่งจากนี้จะต้องให้คณะกรรมการกลางเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจเพื่อให้นักกีฬาได้รับเงินครบถ้วน
*22 กันยายน 2568
โคล้ด อาเซมา ประธานสหพันธ์เปตองนานาชาติ ได้ส่งจดหมายถึงคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ สั่งแบนไม่ให้จัดการแข่งขันเปตอง ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33
หากชาติใด ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ จะถูกห้ามเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ เป็นระยะเวลา 2 ปี จนถึงซีเกมส์ครั้งหน้า ที่มาเลเซีย ในปี 2027 ซึ่งรวมถึงการแข่งขัน World Games, เอเชียนเกมส์ และ Asian Master Games เป็นต้น
#บีแหลมสิงห์ เรียบเรียง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี