เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ข่าวใหญ่ที่ประชาชนให้ความสนใจ เรื่องที่ศาลอาญามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีหมายเลขดำที่ ๑๗๔๘/๒๕๕๙ ที่มีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้มีอำนาจกระทำการแทน เป็นจำเลยที่ ๑ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นจำเลยที่ ๒ นางสาวมณฑา ธีระเดช เป็นจำเลยที่ ๓ และนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือนางชนาภา บุญโต เป็นจำเลยที่ ๔ ข้อหาร่วมกันปลอมแปลงตัดทอนแก้ไขเอกสารเพื่อให้บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากการเกินหรือจ่ายน้อยกว่าความจริงซึ่งราคาค่าโฆษณา โดยทุจริต โดยองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย(อสมท)ได้รับความเสียหายมูลค่าประมาณ ๑๓๘ ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อประมาณปี ๒๕๔๙ เวลาผ่านสิบปี
ศาลอาญาให้เหตุผลว่า การฟ้องคดีดังกล่าวเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีที่เคยฟ้องบริษัท ไร่ส้ม จำกัด และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กับพวก คือจำเลยชุดเดียวกันกับที่เคยพิพากษาไว้ เมื่อวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ คดีหมายเลขดำที่ ๓๑๓/๒๕๕๘ ที่ลงโทษจำคุกไปแล้ว ดังนั้นเมื่อการทำครั้งเดียวกัน กล่าวคือการปลอมเอกสารเพื่อให้ได้เงินไป จึงมีเจตนาเดียวกันในการกระทำความผิด จึงทำให้เป็นการฟ้องซ้ำ ต้องจำหน่ายคดีไป ไม่รับไว้พิจารณา ความไม่เข้าใจความสับสนของผู้คนคือ ศาลยกฟ้องเรื่องไร่ส้มของสรยุทธแล้ว
วันนี้ต้องถาม พนักงานอัยการเจ้าของสำนวน คดีไร่ส้มของสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในหลายคำถามหลายประเด็นสงสัยว่า
(๑)ทำไมคุณไม่ฟ้องเรื่องการปลอมเอกสารต่างๆเพื่อให้ได้มาซึ่งเวลาโฆษณา ที่ไม่เป็นความจริงและได้ไปซึ่งทรัพย์สินเงินทองพร้อมกันไปกับคดีแรก ซึ่งจะเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ซึ่งศาลจะลงโทษบทหนักที่สุด หรือมีเหตุผลว่า ไม่ใช่กรรมเดียวก็สามารถบรรยายมาในฟ้องให้ชัดเจนได้
(๒)เอกสารต่างๆเหล่านี้ ไม่ได้ถูกส่งเพื่อนำสืบเป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดคดีฉ้อโกงเงินรายได้ของ อสมท ในคดีแรกหรือ
(๓)เป้าประสงค์ที่ไม่ดำเนินการตามข้อ (๑) และ (๒) ท่านมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร ท่านจึงมาแยกแยะฟ้องเป็นคดีภายหลังต่างหาก เพื่อให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีไป ให้เกิดเป็นข่าวคราวใหญ่โตขึ้นมาว่า เรื่องไร่ส้ม สรยุทธไม่มีความผิดแล้ว
จะด้วยเหตุใดก็ตาม ล้วนแต่เป็นความสงสัยไม่เข้าใจว่า ท่านคือทนายความแผ่นดินต้องผ่านกระบวนการดำเนินคดีอาญาในฐานะผู้ควบคุมกฎเอาคนกระทำความผิดมาฟ้องร้องลงโทษกว่าจะได้มาทำคดีสำคัญ ประสบการณ์ ภูมิความรู้จึงต้องไม่ธรรมดา เหตุใดจึงเป็นปลาตายน้ำตื้นๆอย่างนี้ น่าจะต้องจับตามอง หรือสืบหาข้อเท็จจริงให้กระจ่าง เพราะปัจจุบันสำนักงานอัยการสูงสุด สังกัดขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี มีอะไรแปลกปรากฏเรื่อง เช่น พนักงานอัยการระดับสูงเคยโพสต์ลงเฟซบุ๊คส่วนตัว กล่าวหาต่อว่าพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีที่บริหารงาน พูดจามีลักษณะแบบอันธพาล ก็กระทำมาแล้ว ไม่ทราบว่าต้นสังกัดยังให้รับผิดชอบงานคดีอะไรอยู่อีกหรือไม่ ได้สอบสวนไหมว่า การที่พนักงานอัยการกระทำการอย่างนี้ แม้ท่านมีดุลพินิจในการสั่งฟ้องคดีและสั่งไม่ฟ้องคดีโดยอิสระ ก็หาทำให้ท่านกระทำหรือสั่งการอย่างมีข้อสงสัยในสายตาของสาธารณชนได้
ความสงสัยเหล่านี้ ในประเทศไทย ผู้ที่รับราชการ มีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่เคยมีความรู้สึกสำนึกในหน้าที่ที่จะชี้แจงให้ประชาชนทราบและหายสงสัยกันเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี