ช่วงนี้ รัฐมนตรีในรัฐบาลรัฏฐาธิปัตย์ คสช. พูดถึงการลงทุนสร้างดาวเทียมใหม่ เพื่อใช้งานราชการแผ่นดินกันบ่อย
สัปดาห์ที่แล้ว... อาจารย์ยักษ์ “วิวัฒน์ ศัลยกำธร” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีไอเดียว่า กระทรวงเกษตรฯควรจะมีดาวเทียมเพื่อการเกษตรเป็นของตนเอง ลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท จะส่งผลให้การติดตามดูพื้นที่ทางการเกษตรแม่นยำ ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนระยะยาวเพื่อเกษตรกรทั้งประเทศ แล้วแย้มว่า กระทรวง มีแผนจะนำเรื่องการซื้อดาวเทียมเกษตรเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเร็ว ๆ นี้
ล่าสุด... นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็พูดถึงการสร้างดาวเทียมอีก โดยเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบแนวทางให้ประเทศไทยมีการสร้างดาวเทียมของประเทศไทย
กระทรวงวิทย์ มีแผนจะสร้างดาวเทียมเพื่อการสำรวจ และดาวเทียมเพื่อการวิจัย 2 ดวงใหม่
ระบุว่า จะเป็นการพัฒนาและสร้างโดยหน่วยงานในกระทรวง ภายใต้เทคโนโลยีของประเทศ
คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
รัฐมนตรีสุวิทย์บอกว่า ดาวเทียมใหม่ของประเทศ 2 ดวงนั้น จะส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศ ทั้งการเกษตร การศึกษา พร้อมกับเชื่อมโยงการทำงานกับกระทรวงต่างๆ
บอกว่า สามารถของบค้างท่อจากรัฐบาลมาใช้ในการนี้ได้
จากความเห็นของรัฐมนตรีทั้งสองท่าน เท่าที่สดับตรับฟังดู กล่าวโดยสรุป ก็คงจะมีดาวเทียมใหม่ 2 ดวง
เพื่อการเกษตรหนึ่งดวง เพื่อการศึกษาวิจัยอีกหนึ่งดวง
1. เทคโนโลยีดาวเทียม เป็นเรื่องสำคัญ และใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางในโลกยุคนี้
แล้วที่ผ่านมา ประเทศไทยก็มีดาวเทียมมาแล้วหลายดวง
รัฐให้สัมปทานเอกชน โดยมีเงื่อนไขข้อผูกพันว่าจะต้องให้รัฐใช้งานได้ แถมยังมีข้อตกลงว่า จะต้องมีดาวเทียมสำรองจากดาวเทียมหลักด้วย
แต่น่าเจ็บใจว่า มาถึงยุคที่นักธุรกิจสัมปทานดาวเทียมขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า ได้ทำให้ผลประโยชน์ดาวเทียมอันพึงได้ของแผ่นดินสูญหาย เสียหาย และถูกโกงไปอย่างน่าเสียดาย
2. ปัจจุบัน ปมปัญหาเกี่ยวกับกิจการดาวเทียม ยังคาราคาซังอยู่
ปัญหาเกี่ยวกับดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ที่เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดียึดทรัพย์ทักษิณชี้ชัดว่า เป็นดาวเทียมนอกสัญญาสัมปทาน เกิดขึ้นด้วยการใช้อำนาจรัฐยุคทักษิณเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจส่วนตัวของทักษิณโดยมิชอบ
คำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ชี้ชัดว่า ดาวเทียมไอพีสตาร์ คือ ดาวเทียมหลักดวงใหม่!
ไม่ใช่ดาวเทียมสำรองของไทยคม 3 !
โดยไอพีสตาร์เป็นโครงการใหม่ที่อยู่นอกกรอบสัญญาสัมปทาน “ดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ” เดิม
ดาวเทียมดวงนี้ มีเทคโนโลยีแตกต่างจากดาวเทียมไทยคม 3 อย่างสิ้นเชิง
แถมยังใช้แสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจในต่างประเทศเป็นหลัก ไม่สามารถอ้างว่าเป็นดาวเทียมสำรองของไทยคม 3 ซึ่งเป็นดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ
เมื่อเป็นดาวเทียมคนละประเภท อยู่นอกกรอบสัญญาสัมปทานดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศที่บริษัทของทักษิณได้สัมปทานมาในยุครัฐบาล รสช. ปี 2534 ดังนั้น ก่อนจะประกอบกิจการ ภาครัฐย่อมจะต้องเปิดให้มีการประมูลแข่งขันตามกฎหมาย เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนเสนอโครงการใหม่อย่างเสรีและเป็นธรรม ทั้งในด้านการบริหารงาน และอัตราการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่รัฐ
แต่ในยุครัฐบาลทักษิณ เมื่อเข้ามามีอำนาจรัฐ หลบเลี่ยงกฎหมาย ถือหุ้นบริษัทสัมปทานดาวเทียมอยู่ด้วย ได้อาศัยอำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจดาวเทียมแก่บริษัทชินฯ ของตนเอง อย่างอุกอาจ ทำให้เกิดความเสียหายแก่แผ่นดินมูลค่าหลายหมื่นล้าน
มีผลทำให้รัฐขาดดาวเทียมสำรองของไทยคม 3 ไปหนึ่งดวง
ช่วยให้บริษัทของทักษิณในขณะนั้น ได้ยิงดาวเทียม “ไอพีสตาร์” ได้สัมปทานดาวเทียมสื่อสารระหว่างประเทศไปทำมาหากินโดยไม่ต้องมีการประมูล
ยิ่งกว่านั้น การไต่สวนพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ พบพฤติกรรมการกระทำอย่างอุกอาจ ทั้งใช้วิธีกระทำการลัดขั้นตอนในการปฏิบัติราชการเกี่ยวกับดาวเทียมยุคทักษิณ ในลักษณะที่รวบรัดและรีบเร่ง ผิดปกติวิสัย
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รัฐมนตรีคมนาคมขณะนั้น ถึงกับอนุมัติคุณสมบัติดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นดาวเทียมสำรองไปก่อน แล้วจึงมีการจัดทำหนังสือเวียนให้คณะกรรมการรับรองรายงานการประชุมภายหลัง
ประการสำคัญ จากการที่ไม่มีดาวเทียมสำรองของไทยคม 3 แต่หลบเลี่ยงไปประกอบกิจการไอพีสตาร์มาตั้งแต่ยุคโน้น จนถึงวันนี้ ไม่ปรากฏว่าจะได้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ชดเชยผลประโยชน์แก่แผ่นดิน และแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามสัญญาอย่างไร
3. มาถึงยุคนี้ ยุครัฐบาล คสช. มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ควรต้องสะสางปัญหาหมักหมม เด็ดขาด ปกป้องผลประโยชน์ของแผ่นดิน
เมื่อกล่าวถึงความสำคัญของดาวเทียม ความจำเป็นว่ารัฐจะต้องมีดาวเทียมดวงใหม่ เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน ก็สมควรจะต้องติดตามดาวเทียมดวงเก่า ดาวเทียมที่รัฐไทยควรจะมี แล้วถูกโกงไป
ถูกโกงไปในยุคนายกรัฐมนตรีที่อ้างว่าเป็น “อัศวินดาวเทียม”
คสช. ควรทวงคืนผลประโยชน์กลับมาให้เกิดความเป็นธรรมแก่แผ่นดินโดยเร็ว
อำนาจในมือ หากกล้าใช้สะสางเพื่อประโยชน์ส่วนรวม จะได้รับการชื่นชมไปชั่วลูกชั่วหลาน
หากลงมือสะสางปัญหาหมักหมมในกิจการดาวเทียมอย่างเด็ดขาด จริงจัง ไม่ลูบหน้าปะจมูก รัฐบาลอาจจะได้ดาวเทียมดวงใหม่มาใช้งาน โดยไม่ต้องเสียเงินแผ่นดินเพิ่มเลยด้วยซ้ำ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี