ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม อันสืบเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องความเป็นธรรมและผลประโยชน์ที่ควรจะได้ในสิทธิที่ควรมีนั้น นำมาซึ่งความแตกแยก ไม่สมานสามัคคีและนำไปสู่ความรุนแรงได้ทุกเมื่อ
นักปกครองหรือผู้นำที่ต้องการให้ตนเองมีอำนาจเด็ดขาดและรวบอำนาจไว้ที่ตน เพื่อดำเนินการทุกอย่างตามใจชอบนั้น การปกครองแบบนี้เป็นความรุนแรงอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่นำมาซึ่งแรงกดดัน และการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงตามมาได้เสมอ มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วในหลายประเทศ แม้กระทั่งในประเทศของเราเอง
ความประพฤติและการปกครองของผู้ปกครองหรือผู้นำจึงมีความสำคัญยิ่งในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากผู้ปกครองหรือผู้นำมีอิทธิพลต่อความเป็นไปของสังคม ในอันที่จะเกิดหรือสร้างความรุนแรง แม้กระทั่งการสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าผู้ปกครองหรือผู้นำที่มีสติและปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมประจำตนในการกำกับจิตใจในการทำงาน
บ้านเมืองของเราขณะนี้ยังตกอยู่ในสภาพของความขัดแย้ง ทั้งระหว่างผู้คนทั่วไปที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และความขัดแย้งกับฝ่ายบริหารปกครองบ้านเมืองที่ยังทำอะไรในลักษณะของการใช้แต่อำนาจให้ปฏิบัติตาม ความสมัครสมานสามัคคีซึ่งกันและกันจางหายไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะระหว่างประชาชนส่วนใหญ่กับผู้บริหารปกครองบ้านเมืองขณะนี้
ความสามัคคีปรองดองเกิดขึ้นไม่ได้ด้วยปากที่สั่ง หรือการพูดจาโอ้อวดอิทธิฤทธิ์ แสดงอำนาจบาตรใหญ่คับบ้านคับเมือง ข่มขู่คุกคามหรือเพ้อเจ้อ เต้นแร้งเต้นกา เพ้อเจ้อเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้คนเชื่อ เป็นต้น แต่ความสามัคคีปรองดองจะเกิดขึ้นได้ต้องรู้จักวิธีเยียวยา
การเยียวยามีวิธีการหลายอย่าง ที่สำคัญคือ
1.วิธีเพาะปลูกความสามัคคี ด้วยการรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ให้ความเป็นธรรมสม่ำเสมอกัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ปกป้องแต่พวกตน
2.วิธีเยียวยารอยร้าว ด้วยการรู้จักประโยชน์เขาประโยชน์เรา และประโยชน์ส่วนรวม อย่าถือเอาแต่สั่งให้ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ตลอดเวลา
3.รู้จักระงับไกล่เกลี่ย ใครผิดใครถูกต้องรู้จักแยกแยะ อย่าได้เหมารวม โดยเฉพาะคนของตัวหรือพวกของตัวด้วยแล้วยิ่งต้องระมัดระวังในการเลือกข้าง
ทั้งสามประการเป็นแนวทางในการสร้างความปรองดองไม่ใช่ดีแต่ชอบบ่น หรือด่าว่าผู้คนอย่างผู้ที่ไม่รู้จักมีสัมมาวาจา
การเป็นผู้มีสัมมาวาจานั้นเป็นมงคลของชีวิต
ผู้ใดเป็นคนไม่มีสัมมาวาจา ผู้นั้นมีแต่ความเสื่อม
จะอยู่ให้ห่างไกลความเสื่อมได้ก็ต่อเมื่อรู้จักสิ่งเหล่านี้
1.พูดเรื่องจริง ไม่ใช่พูดอย่างเสกสรรปั้นแต่ง ไม่บิดเบือนจากความจริง ถ้าบกพร่องก็ยอมรับว่าบกพร่อง เช่นเรื่องที่กำลังเซ็งแซ่อยู่ในขณะนี้เกี่ยวกับแหวน – นาฬิกา
2.พูดแล้วก่อให้เกิดประโยชน์ เป็นผลดีทั้งแก่คนพูดและคนฟัง ถึงแม้คำนั้นจะจริงและเป็นคำสุภาพ แต่ถ้าพูดแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่กลับให้โทษก็ไม่ควรพูด
3.พูดด้วยคำสุภาพ ไม่เป็นคำหยาบ คำด่า เช่น ไอ้ห่า ซึ่งฟังแล้วระคายหู แม้แค่นึกก็ระคายใจ
4.พูดด้วยจิตเมตตา อยากให้คนฟังมีความสุข
5.พูดถูกกาลเทศะ แม้ใช้คำพูดที่ดี เป็นคำจริง เป็นคำสุภาพ และพูดด้วยจิตเมตตาก็ตาม แต่ถ้าไม่ถูกกาลเทศะ จะก่อให้เกิดผลเสียได้
การพูดถูกเวลา (กาล) คือรู้ว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนยังไม่ควรพูด ควรพูดนานเท่าใด ต้องคาดถึงผลที่จะเกิดขึ้นด้วย เช่นไปรบกวนเวลาดูทีวี.ของเขา
การพูดถูกกาลเทศะหรือสถานที่ คือรู้ว่าอยู่ในสถานที่เช่นไร เหตุการณ์แวดล้อมเป็นอย่างไร จึงควรพูด
ทั้ง 5 ประการจะไม่มีความเสื่อมมาถึงตน
และที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ต้องรู้จักนิ่งให้เป็นด้วย รู้จักว่าสิ่งไหนควรพูดหรือไม่ควรพูด ไม่ใช่เอะอะไปทุกเรื่อง
ยิ่งต้องเป็นคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบสูงในการบริหารปกครองบ้านเมืองด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวังให้มากที่สุด เพราะการพูดจาแสดงออกของคนพูดจะบอกให้รู้ว่าเป็นคนดีหรือเป็นคนไม่ดี และจะถูกมองไปถึงกำพืดของคนผู้นั้นด้วยว่า มาจากกำพืดที่ดีหรือไม่ดี
คนดีนั้นเป็นคนที่ยึดหลักแห่งการเป็นคนดี 7 อย่าง คือ
1.เป็นผู้รู้จักเหตุ คือรู้ว่าความจริงแท้เป็นอย่างไร จะทำอะไร พูดอะไร คิดอะไร ถูกต้องกับหลักการและกฎเกณฑ์อันชอบธรรมหรือไม่
2.เป็นผู้รู้จักผล คือรู้ว่าก่อเหตุไว้อย่างนั้น ผลลัพธ์จึงออกมาอย่างนี้ อย่าไปโทษคนอื่น
3.เป็นผู้รู้จักตน คือรู้ว่าสถานะแห่งตนอยู่ตรงไหน กำลังเป็นผู้บริหารปกครองบ้านเมืองเพื่อให้พ้นวิกฤติใช่ไหม ไม่ใช่พอมีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตแล้วลืมตัว ใช้อำนาจตามใจชอบ หรืออยากมีอำนาจต่อไปเรื่อยๆ ด้วยวิธีการกระทำต่างๆ
4.เป็นผู้รู้จักประมาณ คือรู้ว่าความพอดีอยู่ตรงไหน
5.เป็นผู้รู้จักกาล คือรู้ว่าตอนนี้บ้านเมืองยังขึ้นจากหล่มไม่ได้ ควรจะต้องรีบแก้รีบทำเรื่องอะไรที่สำคัญตามลำดับก่อนหลังให้แล้วเสร็จ
6.เป็นผู้รู้จักชุมชน คือรู้ว่าชุมชนทุกข์ยากยิ่งขึ้นหรือเปล่า
7.เป็นผู้รู้จักเลือกคบคน คือรู้ว่าใครดีหรือไม่ดีที่ควรคบ
ทั้ง 7 ประการดังกล่าวถ้าไม่มีในตัวผู้นำ บ้านเมืองก็เอวัง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี