ในท่ามกลางกระแสเชี่ยวกรากเดินเกมชิงไหวชิงพริบทางการเมืองระหว่างฝ่ายอำนาจปัจจุบัน คืออำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)กับฝ่ายพรรคการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคใหญ่กลุ่มอำนาจเก่าที่ถูกมองว่าเป็นบริษัทธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม ขณะที่พรรคทางเลือกใหม่หลายพรรคที่เกิดขึ้นถูกมองว่าเป็นพียงนอมินีของสงคราม 2 ขั้ว ที่จะกำหนดอนาคตชะตากรรมของประเทศ หลังการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า การที่เกิดพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากโดยเฉพาะการตั้งพรรคของคนรุ่นใหม่ ทำให้ประชาชนมีตัวเลือกมากขึ้นและเป็นสัญญาณเตือนพรรคการเมืองเก่าๆ ถ้าไม่ปรับตัวจะมีปัญหาการยอมรับ ทั้งนี้ปัจจุบันจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่มีมากขึ้น ถ้าพรรคการเมืองเก่ายังคงวนเวียนอยู่ในการเมืองแบบเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ก็จะทำให้คนรุ่นใหม่หันไปเลือกพรรคการเมืองที่เป็นทางเลือกใหม่
ดร.ปริญญา ยังชี้ว่าตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นก็คือพลังประชาชนที่เป็นกลางที่ไม่ได้ชื่นชอบพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแบบตายตัว แต่พร้อมที่จะเลือกพรรคการเมืองที่เห็นว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาหากระบบรัฐสภาแก้ปัญหาทางการเมืองได้อย่างแท้จริง ประเทศก็คงไม่เดินมาถึงจุดนี้ ดังนั้นพรรคการเมืองเก่าจึงต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่
ดร.ปริญญา ยังวิเคราะห์อนาคตการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นจะออกมาใน 2 ลักษณะ คือ 1.คนหันไปเลือกพรรคทางเลือกใหม่มากขึ้น 2.มีพรรคใหม่ที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. เป็นนายกฯ และถ้าตอบรับจะทำให้ประเทศไทยเข้าสู่สภาพ 2 ขั้วอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนเชียร์คสช.กับกลุ่มที่
ไม่เอาคสช.
จากความเห็นของ ดร.ปริญญา ประเด็นที่ว่า พรรคการเมืองเก่าต้องทบทวนพฤติกรรมของตัวเอง เป็นความเห็นที่โดนใจมมหาชนเป็นอย่างยิ่ง แต่เชื่อว่ายากที่จะเป็นไปได้โดยเฉพาะพรรคประเภทบริษัทธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม
ที่ สส.เป็นแค่พนักงานบริษัทแทนที่จะเป็นผู้แทนราษฎรอย่างแท้จริง โดยรับฟังคำสั่งของนายทุนเจ้าของพรรคเพียงคนเดียว หรือตระกูลเดียวเพื่อแลกกับผลประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อมที่ตัวเองจะได้รับ ซึ่งพรรคประเภทธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมจะซื้อสส. ซื้อเสียง ซื้อประชาธิปไตย และซื้ออำนาจรัฐเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลแล้วโกงชาติปล้นแผ่นดิน ถอนทุนบวกกำไรอย่างมหาศาลและใช้อำนาจประพฤติชั่วร้ายตามใจชอบโดยอ้างคราบประชาธิปไตยบังหน้า ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วและพรรคบริษัทธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมก็คือต้นเหตุที่แท้จริงของวิกฤติชาติซึ่งสร้างความบอบช้ำอย่างหนักให้ประเทศตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ส่วนพรรคที่จะเป็นทางเลือกของคนรุ่นใหม่นั้นหากเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์เชิงสร้างสรรค์ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ก็นับเป็นเรื่องที่ดี แต่เกรงว่าพรรคทางเลือกใหม่บางพรรคอาจมีเบื้องหลังแอบแฝงเป็นพรรคนอมินีสาขาของพรรคบริษัทธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม และที่สำคัญกว่านั้นคือเป็นพรรคที่มีปูมหลังแนวคิดที่เป็นภัยต่อสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวที่จะเป็นชนวนนำไปสู่ความแตกแยกในชาติอย่างรุนแรงในอนาคต
ทั้งนี้ชาติบ้านเมืองเสียเวลาและโอกาสไปมากแล้วกับวิกฤติความรุนแรงทางการเมืองอันเนื่องจากจากพฤติกรรมอันชั่วร้ายของพรรคการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมบางพรรค ซึ่งจากท่าทีและพฤติกรรมการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา หลังจากที่คสช.เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศสะท้อนให้เห็นว่า พรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมบางพรรคยังไม่สำนึกและคิดที่จะละลายพฤติกรรมอันเลวร้ายของตัวเองแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับยังพยายามทำทุกวิถีทางหวังกลับมามีอำนาจฟื้นวังวนวงจรอุบาทว์ให้คืนชีพกลับมาทำร้ายประเทศอีกครั้ง
เพราะฉะนั้นสุดท้ายอนาคตชะตากรรมชาติบ้านเมืองจึงฝากไว้กับประชาชนผู้เป็นเสียงสวรรค์โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่จะต้องรอบคอบรู้เท่าทันในการเลือกตัวแทนพรรคการเมืองที่จะเข้ามากำหนดอนาคตของประเทศที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญบนทางสองแพร่งระหว่างการเดินหน้าปฏิรูปประเทศล้างสิ่งสกปรกในอดีต หรือจะกลับไปสู่วังวนวงจรอุบาทว์แบบเดิมๆ
หมายเหตุ-(คอลัมน์นี้ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงต่อความผิดพลาดจากเนื้อหาและภาพประกอบบทความในคอลัมน์“ผ่าประเด็นร้อน”ฉบับวันเสาร์ที่ 17 มีนาคม 2561 ที่อ้างชื่อและภาพนายจอน อึ๊งภากรณ์ ซึ่งข้อเท็จจริงผู้ที่ให้ความเห็นตามเนื้อหาในบทความคือนายใจ อึ๊งภากรณ์ หาใช่นายจอน อึ๊งภากรณ์ แต่อย่างใดไม่ จึงขออภัยเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้)
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี