รายงานข่าวระบุว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเทกระจาดรายชื่อผู้ผ่านการสรรหา กสทช. โดยส่งคืนกรรมการสรรหาฯ เพราะเห็นว่ามีอย่างน้อย 8 รายชื่อจากทั้งหมด 14 รายชื่อ น่าจะขาดคุณสมบัติ
คำถามที่ตามมา คือ ขาดคุณสมบัติอย่างไร?
หาก สนช.ลงมติเห็นชอบไป จะมีปัญหาหรือไม่? อย่าลืมว่า กทช.เป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจหน้าที่กำกับตรวจสอบจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์โทรคมนาคมที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ลองคิดดูว่า ใครหน่วยงานไหนต้องการส่งคนของตนเองเข้าไปเป็นกรรมการ กสทช.บ้าง?
1. ผู้ได้รับการสรรหา 8 คน จาก 14 คน สนช.เห็นว่า มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทหรือหน่วยงานที่ประกอบกิจการด้านวิทยุ โทรทัศน์ หรือโทรคมนาคม (ไม่ว่าจะถือหุ้นหรือทำงาน) แม้บริษัทหรือหน่วยงานดังกล่าวจะยังไม่ได้ประกอบกิจการด้านวิทยุ โทรทัศน์ หรือโทรคมนาคมในขณะนี้ แต่เมื่อจดทะเบียนและระบุวัตถุประสงค์บริษัทว่าจะดำเนินการ สนช.มองว่า ไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตเขาอาจประสงค์หรือวางแผนจะดำเนินการก็ได้
เรื่องนี้ กรรมการสรรหาฯ คงจะตีความว่าน่าจะทำได้ เพราะบริษัทดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการจริง
เรื่องดังกล่าวเคยมีผู้ถูกตัดสิทธิ์ร้องศาลปกครอง ปรากฏว่า ศาลปกครองกลางวินิจฉัยยกคำร้องเพราะเห็นว่าบริษัทดังกล่าวอาจจะประกอบกิจการลักษณะนี้เมื่อไรก็ได้ เรื่องจึงอยู่ในชั้นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด
เมื่อเรื่องอยู่ศาลปกครองสูงสุด กรรมการสรรหาคงจะมองว่าคดียังไม่สิ้นสุด ก็ดำเนินการอย่างเดิมได้ แต่ สนช.คงจะพิจารณาว่าเมื่อศาลปกครองกลางวินิจฉัยแล้ว ถ้ายังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลที่สูงกว่าวินิจฉัยแก้ ก็ต้องยึดตามคำตัดสินของศาลปกครองกลางที่ได้ตัดสินแล้ว
2. นับเป็นความรอบคอบของ สนช. ที่เน้นกระบวนการสรรหาและการเลือก กสทช.ที่เรียบร้อยหมดจด
เพราะหากมีผู้ขาดคุณสมบัติเพียงคนเดียว รายชื่อที่กรรมการสรรหาส่งมาจำนวน 2 เท่า ของผู้จะเป็น กสทช. ก็จะไม่ครบตามกฎหมาย และหากนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ก็จะเป็นการนำผลของการกระทำที่ไม่เรียบร้อยขึ้นทูลเกล้าฯ
เสมือนอดีต ในยุคทักษิณ ตอนนั้นสรรหา ป.ป.ช. 18 คน แต่เมื่อ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ถอนตัว จึงเหลือ 17 คน เพื่อให้วุฒิสภาเลือกเหลือ 9 คน วุฒิสภาในสมัยนั้นดันทุรังเลือก ป.ป.ช. 9 คน จาก 17 คน ในที่สุด เมื่อไม่โปรดเกล้าฯ จึงต้องสรรหากันใหม่
3.เท่าที่ติดตาม การสรรหาและการเลือก กสทช.ในครั้งนี้ กรรมการสรรหาฯส่งมา 14 รายชื่อ ให้ สนช.เลือกเหลือ 7 คน โดยต้องกระจาย 7 ด้าน เช่น วิทยุ โทรทัศน์ โทรคมนาคม เศรษฐกิจ และอื่นๆ
ทราบว่า ผู้ที่มีปัญหาคุณสมบัติ 8 คน กระจายทุกด้าน
หาก สนช.พิจารณาเห็นปัญหาผู้อาจขาดคุณสมบัติ แล้วดำเนินการเลือกต่อไป โดยไม่เลือกคนที่อาจขาดคุณสมบัติ แต่เลือกคนที่เหลือ ก็เท่ากับว่า สนช.ถูกบล็อกโหวต เลือกจากรายชื่อที่ไม่มีทางเลือก
4. เมื่อเจาะลงไปในเชิงลึกเป็นตัวบุคคล ก็พบว่าผู้สมัครและได้รับการสรรหาหลายคน เป็นผู้ที่หน่วยงาน บริษัทโทรคมนาคม วิทยุโทรทัศน์ และกองทัพ ส่งเข้าประกวด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง
ยิ่งกว่านั้น ปรากฏว่า อาจเป็นตัวแทนเชิดของกรรมการ กสทช.และเลขาฯชุดเดิมๆ ที่หวังผ่องถ่ายภารกิจ และอาจจะได้เป็นที่ปรึกษาคุมอยู่เบื้องหลังต่อไป
และที่ร้ายไปกว่านั้น กรรมการ กสทช.ชุดปัจจุบัน ก็ถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์กับบริษัทโทรคมนาคมค่ายโน้นบ้าง ค่ายนี้บ้าง
5. เมื่อต้องทอดเวลาออกไป จากการสรรหาและเลือกสรร กสทช.ใหม่ กสทช.ชุดเก่าก็สนุกสนานปฏิบัติหน้าที่กันต่อไป
ซึ่งก็น่าเป็นห่วง เพราะการประมูลคลื่น 1800 ก็จะต้องดำเนินต่อไป โดยเฉพาะกรรมการ กสทช.ชุดปัจจุบัน ก็ดูลดบทบาทลง ปล่อยให้เลขาฯ กสทช.ดำเนินการข้ามกรรมการ กสทช. เช่น กรณีที่ไปปรึกษากับฝ่ายกฎหมายของ คสช. ที่จะยืดเวลาการชำระเงินค่าใบอนุญาตของเอไอเอสและทรู โดยที่กรรมการ กสทช.แจ้งว่าไม่รู้เรื่อง
และที่เลขาฯ กสทช.อธิบายเหตุผลว่า เพื่อทำให้เอไอเอสและทรูมีความพร้อมจะประมูลใบอนุญาตในครั้งต่อไป ก็ยิ่งดูแปลก
6. กฎหมายระบุให้มีการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์ใหม่ โดยให้กองทัพ กรมประชาสัมพันธ์ และ
อสมท ต้องคืนคลื่นภายใน 5 ปี แต่เมื่อ คสช.เข้ามา ได้ใช้มาตรา 44 ให้หน่วยงานดังกล่าวครองคลื่นต่อไปอีก 5 ปี
บัดนี้ ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว กสทช.ชุดปัจจุบันก็ดูจะยังไม่ขยับ และควรจะขยับหรือไม่?
ขณะเดียวกัน คลื่นวิทยุ 1 ปณ. ของกรมไปรษณีย์เดิม ที่อยู่ในความครอบครองของ กสทช. ก็นำไปให้เอกชนเช่าต่อไป จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นหน่วยงานกำกับตรวจสอบ แต่ไปมีผลประโยชน์ประกอบการเอง
7. คลื่นโทรทัศน์ระบบอนาล็อก ที่ทีวีช่องต่างๆเคยใช้ เช่น ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 ช่อง 11 เป็นต้น จะนำมาจัดสรรทำระบบ 5G หรือไม่ ซึ่งแน่นอน กระทบผลประโยชน์ทั้งหน่วยงานที่คิดว่าเป็นคลื่นของตัว และบริษัทโทรคมนาคมที่จะมีผู้เข้าแข่งขันในอนาคต
8. จะเผยแพร่จัดทำ WIFI ฟรี สำหรับชาวบ้าน รวมทั้งชนบทหรือไม่ เมื่อไร ซึ่งหมายถึงจะกระทบรายได้ Data Service ของบริษัทโทรคมนาคม กรรมการ กสทช.ชุดนี้ จะทำหรือไม่?
9. วิทยุชุมชนและโซเชียลมีเดีย ที่จะเป็นประโยชน์สำหรับชาวบ้านติดดิน จะคิดอ่านพัฒนา ออกกฎเกณฑ์อย่างไร? และคิดจะทำหรือไม่ หรือจะเป็นองค์กรอิสระที่ไม่อิสระตามการบังคับของ คสช.เท่านั้น หรือจะเป็นองค์กรที่คุ้มกันผลประโยชน์ของชาวบ้าน รวมทั้งคุ้มครองผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ
10. กสทช.ถูกออกแบบให้เป็นองค์กรอิสระ แยกจากการกำกับของฝ่ายรัฐบาล มีรายได้เป็นของตนเองมากมายมหาศาล น่าจะใช้ความเป็นอิสระกำกับตรวจสอบวิทยุโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม ให้ปลอดจากการแทรกแซงของรัฐบาล และบริษัทเอกชน
ควรจะต้องเป็นฝ่ายกำกับตรวจสอบเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคและชาวบ้านที่อยู่ห่างไกล เข้าถึงกิจการเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าได้มากขึ้น
แต่ที่ได้ยินหนาหู คือ การใช้งบประมาณมากมายมหาศาล เดินทางไปต่างประเทศ ทั้งกรรมการ กสทช.และเจ้าหน้าที่ กสทช.
บางคน จะไปต่างประเทศ ต้องให้เจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งบินไปเตรียมการก่อนที่ตนจะนั่งเครื่องบิน First Class ตามไป
บางคน หากนับเวลาจะอยู่ต่างประเทศจำนวน
ครึ่งหนึ่งของปีเสียด้วยซ้ำ
หนาหูมาก กรณีที่ได้รับเครดิตการ์ดของ กสทช. และของบริษัทมือถือ เพื่อใช้จ่าย เลี้ยงดู รับรองแขก จำนวนเงินหลายแสนบาทต่อเดือน คล้ายๆ การบินไทยที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงมาก่อนหน้านี้
ยังไงดี
สนช. ไม่ผลีผลามเลือก กสทช.ชุดใหม่ ก็ดูจะมีเหตุผล และก็ทำถูกต้องแล้ว
แต่ กสทช.และการทำงานของทีมเลขาฯ ชุดปัจจุบัน ก็มีปัญหาถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเอื้อประโยชน์ ไม่คุ้มครองผู้บริโภค ไม่ดูแลชาวบ้านห่างไกล แต่ใส่ใจว่าบริษัทมือถือจะประสบปัญหาอะไร
งานที่จะต้องสะสาง เพื่อรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงใหม่ตลอดเวลา และเพื่อประสิทธิภาพการแข่งขัน รวมทั้งคุ้มครองและกระจายให้ชาวบ้านเข้าถึงเทคโนโลยี ก็จะต้องทำให้ได้
เราจะทำอย่างไรกับ กสทช.ดีครับ?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี