กระแสข่าวการเมืองในประเทศไทยที่กำลังเขม็งเกลียวอยู่ในช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคมปี 2561ไม่ว่าจะเป็นข่าวพรรคการเมืองเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคที่อยู่ใต้อำนาจและอิทธิพลของนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ที่หนีคดีอาญา 7 คดีไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศอาจจะถูกรัฐบาล คสช.ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้มาตรา 44
สั่งยุบพรรคไปเสียเลยเพื่อให้สิ้นเสี้ยนหนามเปิดทางสะดวกให้พลเอกประยุทธ์เข้าป้ายเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งต้นปีหน้า 2562 อย่างสะดวกโยธิน
หรือกระแสข่าวกลุ่มการเมืองที่แอบอ้างพลังนิสิตนักศึกษาประชาชนและคำว่าประชาธิปไตยบังหน้าเพื่อปลุกกระแสจุดชนวนการเมืองเพื่อดึงพลังมวลชนออกมาเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลทหารและคสช.แบบเหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2535 ซึ่งกรณีเป็นที่ทราบกันแบบไม่ต้องปิดบังว่ากลุ่มการเมืองเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นจ่านิว หรือว่า รังสิมันต์ โรมไม่สามารถเรียกศรัทธาชนชั้นกลางและชนชั้นเศรษฐีในเมืองหลวงได้มากเหมือนกปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2556
เพราะมีหลักฐานหลายประการที่เชื่อว่ากลุ่มการเมืองเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับนักการเมืองในสายพรรคเพื่อไทยหรือไม่แถมยังมีหนังสือพิมพ์ในเครือของระบอบทักฺษิณ 4 – 5 ฉบับออกมาขานรับในพฤติกรรมของกลุ่มการเมืองเหล่านี้หลายต่อหลายครั้งด้วยกันจนทำให้การเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้นดูประหนึ่งว่าทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือไม่หรือว่าทำเพราะมีอามิสสินจ้างที่มีเป้าหมายล้มรัฐบาลทหารคสช.ให้ได้
การล้มรัฐบาล คสช.ให้ได้เป็นเป้าหมายสูงสุดของระบอบทักษิณเพราะตัวทักษิณและบริษัทบริวารทั้งหลายกำลังโดนคดีอาญาในข้อหาทุจริตเป็นสิบๆ คดีหลายคดีที่ศาลพิพากษาไปแล้วนั้นบรรดาลูกน้องในระบอบทักษิณต้องเข้าไปเสวยสุขอยู่ในเรือนจำเป็นทิวแถวบางรายก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมเป็นอดีตมหาเศรษฐีที่ไม่มีคำว่าไม่รู้จักพอหลายต่อหลายคนเขาติดคุกเพราะรับใช้นายทักษิณแท้ๆ
กระแสข่าวที่รัฐบาล คสช.อาจจะใช้มาตรา 44 ยุบพรรคเพื่อไทยได้ถูกสื่อมวลชนสายทักษิณกระพือโหมเพื่อสร้างความเกลียดชังต่อรัฐบาลทหาร คสช.เป็นระยะๆ และเป็นการจุดประกายให้ประชาชนสายเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือออกมาประท้วงรัฐบาลซึ่งเรื่องนี้เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์คงรับรู้มาแล้วเพราะช่วงนี้เป็นระยะหัวเลื้ยวหัวต่อทางการเมือง
จากข้อเท็จจริงหลายประการนั้นการครบรอบ 4 ปีของวันรัฐประหารโค่นรัฐบาลในระบอบทักษิณในวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 นี้ ผลงานที่รัฐบาลทหาร คสช.ได้ทำมาตลอดเวลา 4 ปีนั้นมีหลายเรื่องที่ได้ดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อยไม่ว่าจะเป็นการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ปี 2560 ที่มีมาตราปกป้องไม่ให้ประเทศไทยถูกนักการเมืองที่อ้างคำว่าประชาธิปไตยและคำว่าชนะ
เลือกตั้งเข้ามาโกงกินงบประมาณอย่างที่แล้วๆ มา
ปัญหาใหญ่ในประเทศไทยของเราที่ผ่านมา 30 กว่าปีก็คือปัญหานักการเมืองขี้ฉ้อใช้คำว่าการเมืองเข้ามาแสวงหาประโยชน์เข้าตัวเองดังจะเห็นได้ว่านายทักษิณ ชินวัตร นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบริษัทบริวารของพวกเขาอีกหลายคนต้องหนีออกไปจากประเทศอาศัยการขอลี้ภัยทางการเมืองไปอาศัยอยู่ในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาซึ่งคณะบุคคลเหล่านี้เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข, นายศรันย์ ฉุยฉาย,นายเอกภพ เหลือรา, นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล,นายสุนัย จุลพงศธร, นายนิยม เหลืองเจริญ ฯลฯ
ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวปลุกระดมประชาชนผ่านสื่อออนไลน์ถี่ยิบเพื่อสร้างกระแสและความชอบธรรมในการระดมคนจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้ามารวมตัวประท้วงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ในกรุงเทพมหานครในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ถ้าจุดกระแสติดขึ้นมาได้เป้าหมายต่อไปก็คือการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงทางด้านการเมืองเหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในระหว่างวันที่ 15 – 19 พฤษภาคม 2535
นอกจากนี้ยังเป็นการปรามไม่ให้ฝ่ายรัฐบาลใช้มาตรา 44 ยุบพรรคเพื่อไทยไปด้วยในตัวเป็นการไม่ให้รัฐบาลคสช.ใช้กฎหมายยุบพรรคเพื่อไทยเหมือนที่พรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนของระบอบทักษิณเคยโดยศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคมาแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนใกล้จะแตกหักระหว่างรัฐบาล คสช.กับระบอบทักษิณจะลุกลามใหญ่โตจนเป็นสงครามกลางเมืองระหว่างประชาชน 2 ฝ่ายหรือไม่ และจะเหมือนสงครามกลางเมือง
ในสเปนในปี 2479 ถึง 2482 หรือไม่ น่าสนใจมากจริงๆ เพราะหากเกิดขึ้นมาประเทศไทยจะวุ่นวายอย่างแน่นอน
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี