รัฐบาล คสช.ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้ามาบริหารประเทศครบรอบ 4 ปีเต็ม ไปเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 ช่วงนี้รัฐบาลกำลังเผชิญกับภาวะความกดดันอย่างรุนแรงหลายต่อหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาพลังงานต่างๆ ทั้งราคาขายปลีกน้ำมันและราคาก๊าซหุงต้มที่มีราคาสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากเมื่อประชาชนนำไปเปรียบเทียบกับสหภาพเมียนมาและสหพันธรัฐมาเลเซีย
น้ำมันกับก๊าซหุงต้มมีราคาแพงคนที่เดือดร้อนมากที่สุดก็คือประชาชนตาดำๆ ทั้งในเมืองและชนบทล้วนแต่บ่นดังๆถึงความเดือดร้อนกันทั่วหน้าเพราะการที่น้ำมันกับก๊าซหุงต้มขึ้นราคาเรื่อยๆ ผลที่จะตามมาก็คือจะทำให้ค่าครองชีพของประชาชนคนในระดับรากหญ้าจะลำบาก
มีเสียงเรียกร้องจากประชาชนทั่วไปและเสียงเรียกร้องจากฝ่ายค้านจากทั่วสารทิศที่ต้องการให้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพลังงาน และกระทรวงพาณิชย์ รวมไปถึงกระทรวงการคลัง หาทางแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ซึ่ง 3 รัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องต่างๆ เหล่านี้คือ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน คือ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคือ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คือ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ มีประชาชนจำนวนมากได้แสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ หลายประการ เช่น การเปรียบเทียบราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดีเซลที่ขายในมาเลเซีย กับสหภาพเมียนมา กับราคาขายปลีกของไทยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาดังนี้คือ เบนซินซูเปอร์ในไทยราคาลิตรละ36.06 บาท ในเมียนมาราคาต่ำกว่าไทยมากคือลิตรละ 20.46 บาท จะเห็นว่ามีส่วนต่าง 15.60 บาททีเดียว
ส่วนราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในไทยนั้นในช่วงนั้นราคาลิตรละ 28.29 บาท ที่เมียนมาขายลิตรละ 28.11 บาทดีเซลจะราคาไม่ต่างกันมากนัก ในขณะที่ราคาน้ำมันในมาเลเซียช่วงเดียวกัน เบนซินซูเปอร์ราคาลิตรละ 17.03 บาทและดีเซลราคาลิตรละ 16.87 บาท เทียบกันแล้วเบนซินซูเปอร์ในมาเลเซียจะต่ำกว่าไทยถึง 19.03 บาท ในขณะที่ดีเซลจะต่ำกว่าถึง 11.42 บาท เมื่อราคาที่มาเลเซียต่ำกว่าก็ทำให้เกิดการลักลอบนำเอาน้ำมันจากฝั่งมาเลเซียเข้ามาจำหน่ายในไทย
โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สงขลา ยะลา นราธิวาส และสตูล ปัจจุบันมีน้ำมันเถื่อนจากมาเลเซียทะลักเข้ามาจำหน่ายแบบผิดกฎหมายวันละเป็นล้านลิตร โดยเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรกับกรมสรรพสามิตปราบปรามไม่ไหวเพราะประชาชนส่วนมากอยากได้น้ำมันราคาถูกมาใช้ทำให้มีส่วนลดต้นทุนในการขนส่งในแต่ละวันได้มากและเมื่อก๊าซหุงต้มมีราคาสูงมากถังละเกือบ 500 บาท มีการขึ้นราคาก๊าซถึง 7 ครั้ง ในระยะเวลาเดือนเดียว
ทำให้มีการนำเอาก๊าซจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายแบบตลาดมืดซึ่งอาจจะไม่มากเท่าน้ำมัน แต่ก็ทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีนำเข้าลดลงไปอย่างมากเหมือนกับบุหรี่ที่ผลิตในมาเลเซียที่ราคาบุหรี่แตกต่างกันหลายเท่าว่ากันว่าบุหรี่ตราจอห์น หรือเจ ของมาเลเซียมีราคาขายแค่ซองละ 15 บาท ในขณะที่บุหรี่ไทยมีราคาสูงถึงซองละ 60 บาทจึงมีผลให้ปัจจุบันมีบุหรี่หนีภาษีของมาเลเซียลักลอบเข้ามาขายในพื้นที่ภาคใต้เป็นจำนวนมากจนบุหรี่ในไทยยอดขายตกลงไปอย่างมาก
เพราะแสตมป์ยาสูบที่เป็นภาษีสรรพสามิตของไทยในปัจจุบันสูงลิ่วราคาบุหรี่ซิกาแรตของไทยแพงกว่าบุหรี่หนีภาษีถึง 400% หรือ 4 เท่าตัว ส่วนการป้องกันและปราบปรามของเจ้าหน้าที่ศุลกากรและสรรพสามิตในพื้นที่แม้จะมีการปราบปรามจับกุมแทบทุกวันแต่ก็ไม่ได้ผล เพราะผู้ขายนำเข้ามาแบบกองทัพมดเหมือนน้ำมันหนีภาษี
ปัญหาราคาพลังงานแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้านนั้น มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์หาทางลดราคาขายปลีกพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซหุงต้มลงมาไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน แต่พลเอกประยุทธ์จะกล้าทำหรือไม่ ในขณะที่มาเลเซียเพื่อนบ้านนั้นใช้นโยบายประชานิยมด้วยการนำเอางบประมาณรัฐบาลมาอุดหนุนแม้จะเปลี่ยนรัฐบาลจากยุคของนาจิบ ราซัคมาเป็นดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด นโยบายนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน
เมื่อมีการนำเอาราคาขายปลีกน้ำมันของไทยไปเปรียบเทียบกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาที่เป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้ต่อหัวสูงกว่าไทยมากก็จะพบว่าคนไทยซื้อน้ำมันขายปลีกตามสถานีบริการในราคาสูงกว่าสหรัฐอเมริกา ราคาน้ำมันซูเปอร์ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมนั้น 1 แกลลอน ราคา 3 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 96 บาท ไทย 1 แกลลอน เท่ากับ 3.7854 ลิตร เท่ากับคนอเมริกันซื้อน้ำมันในราคา 25.36 บาทต่อลิตร
ในขณะที่คนไทยซึ่งมีรายได้ต่อหัวต่ำกว่าคนอเมริกันหลายเท่ากลับต้องซื้อน้ำมันลิตรละ 36.06 บาท ซึ่งแพงกว่าอเมริกาประมาณ 10 บาท น้ำมันกับก๊าซหุงต้มมีราคาแพงถึงเวลาที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ต้องหาทางช่วยประชาชนคนไทยถ้าจำเป็นรัฐบาลจะต้องยอมที่จะลดภาษีและลดเงินที่เก็บเข้ากองทุนน้ำมันลงไปบ้าง
เชื่อว่าประชาชนคนไทยคงไม่มีใครติรัฐบาลมากนักเป็นความเดือดร้อนของประชาชนที่รัฐบาลจะต้องช่วยโดยด่วนใช้มาตรการชั่วคราว 2-3 เดือน น่าจะเป็นทางออกที่รัฐบาลจะต้องนำไปคิดจนกว่าสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกที่มีราคาแพงจะลดลงไปเอง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี