คนไทยและทั่วโลกต่างติดตามข่าวเยาวชนนักฟุตบอล 12 คน และโค้ช 1 คน ที่หลงเข้าไปในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ฝนตกมากทำให้ติดอยู่ในถ้ำ ออกมาไม่ได้เกือบ 10 วัน
ด้วยความร่วมมือจากหลายๆ ประเทศและการผนึกกำลังของคนไทยหลายกลุ่ม ทั้งทหาร พลเรือน อาสาสมัคร ที่สื่อและคนไทยส่วนมากประทับใจคือผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ทำหน้าที่เป็นผู้นำที่ดี สามารถควบคุมสถานการณ์ สั่งการ เป็นที่ยอมรับทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ถ้าไม่มีผู้นำที่เข้มแข็ง อาจจะสร้างความสับสนให้ผู้ทำงานได้
เมื่อช่วง 3-4 อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้พบท่านผู้ว่าฯ เพราะเชิญท่านผู้ว่าฯเชียงราย คุณณรงค์ศักดิ์ท่านนี้มาบรรยายใน “เวทีความคิด.. ผนึกพลังพัฒนาทุนทางเครือข่ายและการพัฒนาสังคม” ที่จัดให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร “ศาสตร์พระราชากับการพัฒนาผู้นำยุค 4.0” รุ่นที่ 2 จำนวน 60 คน ในช่วงที่เดินทางไปศึกษาดูงานที่โครงการพัฒนาดอยตุง(พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย
ผู้ว่าฯท่านนี้บอกกับผมว่า โครงการไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ท่านจะเข้าร่วมและมีบทบาทเสมอ ไม่ได้ทำเพราะได้หน้า ท่านพูดเรื่องการสร้างเครือข่ายโดยเฉพาะการลดหมอกควันในเชียงราย ท่านบอกว่า ได้ติดตามแนวคิดของผมมานานแล้ว แสดงให้เห็นว่า ท่านเป็นผู้ว่าฯที่ให้ความสนใจในงานทุกๆด้าน
ท่านมาจากกรมที่ดิน ปริญญาของท่านคือ วิศวกรรมศาสตร์ และมีอีกหลายใบ รวมทั้งด้านบริหารจัดการด้วย ได้เล่าว่า ท่านย้ายไปพะเยา ที่ยังอยู่เชียงราย เพราะยังไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ ลงมา นับเป็นความโชคดีของเด็ก 13 คน ที่เหตุการณ์เกิดตอนที่ยังมีผู้ว่าฯท่านนี้อยู่
ท่านเล่าว่า ทำหน้าที่ลำบากเพราะมีปัญหาหลายอย่างที่ท่านรับไม่ได้ เช่น อิทธิพลทางการเมืองท้องถิ่นหรือเรื่องบุกรุกที่ดินไม่ถูกกฎหมาย
ถ้าไม่มีเหตุการณ์เด็ก 13 คน คนไทยคงไม่รู้จักเพราะท่านทำงานแบบปิดทองหลังพระ เรามีคนดีๆ ในระบบราชการอีกมาก เป็นเพราะมีเรื่องเด็ก 13 คนนี้ ทำให้สถานการณ์สร้างท่านให้เป็นผู้นำ ให้คนได้รู้จัก ทำให้รู้ว่า คนเก่งๆ และคนดีในสังคมไทยยังมีอยู่มากที่เขาควรจะได้รับการยกย่อง
ผมเรียกผู้นำอย่างท่านว่า เป็นผู้นำที่สถานการณ์สร้างขึ้น
ซึ่งมีตัวอย่าง ในอดีตคือสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่มีเหตุการณ์หยุดประชาชนประท้วงหน้าสะพานมัฆวานรังสรรค์ ในยุคโกงการเลือกตั้งสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม จอมพลสฤษดิ์ บอกว่า “ผมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”
อาทิตย์นี้ ผมนอกจากจะทำเรื่องผู้นำ 4.0 ของการประปานครหลวงอย่างต่อเนื่องแล้ว ผมได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ผ่านอาจารย์ ดร.ปรารถนา ศรีสุข
เชิญไปสอนนักเรียนจาก UNSIKA Karawang จากอินโดนีเซีย ซึ่งน่าสนใจว่า โครงการนักศึกษาปริญญาโทของอินโดนีเซีย มีนโยบายมาหาความรู้เพิ่มเติมที่เมืองไทยในหัวข้อที่น่าสนใจมากคือ
1) Managing the uncertainty การบริหารความไม่แน่นอน
2) Strategic Management and Business Policy การบริหารเชิงกลยุทธ์และนโยบายธุรกิจ
3) Toward Global Sustainability การก้าวไปสู่ความยั่งยืนระดับโลก
ข้อดีคือทุกปีจะมีนักศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยในอินโดนีเซีย มาเรียนที่กรุงเทพ ทำให้เกิดความต่อเนื่อง และที่ประทับใจว่า ทุกคนเรียนเป็นภาษาอังกฤษ แม้ว่า ภาษาอังกฤษของเขายังไม่ดีนัก แต่ก็ยังดีกว่า นักศึกษาปริญญาโทของไทยที่กลัวภาษาอังกฤษ ไม่กล้าเรียนเป็นภาษาอังกฤษ
มีแนวทางของผมคือคิดและปะทะกันทางปัญญา นำเสนอเป็นภาษาอังกฤษ ยังไม่ดีนักแต่ก็เป็นแนวโน้มที่ดี เขาทำ Workshop ผมกระตุ้นให้เขาคิดว่า การเรียนครั้งนี้จะช่วยให้เขาปรับตัวในอนาคตของการเป็นนักธุรกิจหรือข้าราชการอย่างไร โดยเฉพาะข้อเสนอส่วนใหญ่จะเน้นธุรกิจร่วมกับคนไทย
ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ แห่งนี้ นอกจากทางวิชาการที่ผมรับผิดชอบแล้ว เขายังสอนเรื่องวัฒนธรรมไทย ภาษาไทย อาหาร ศาสนา ทำให้ชาวอินโดนีเซียที่นับถือศาสนาอิสลามและชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ประเทศอินโดนีเซีย ใหญ่ มีประชากรมุสลิมกว่า 250 ล้านคน ยังมีโอกาสจะเป็นตลาดใหญ่สำหรับคนไทยในเรื่องการศึกษา และการท่องเที่ยว
ผมดีใจที่ทำหน้าที่กระตุ้นเขาโดยใช้ Chira Way ในการเรียน เขาก็นำแนวคิด Chira Way มาอธิบายหลักการหลายๆ อย่างไปเป็นหลักการเรียนต่อไปโดยเฉพาะเขาชอบ 2R’s, 3L’s และ 3V’s
2R’s
Reality มองความจริง
Relevance ตรงประเด็น
3L’s
Learning from Pain เรียนรู้จากความเจ็บปวด
Learning from Experiences เรียนรู้จากประสบการณ์
Learning from Listening เรียนรู้จากการฟัง
3V’s
Value Added สร้างมูลค่าเพิ่ม
Value Creation สร้างคุณค่าใหม่
Value Diversity สร้างคุณค่าจาก
ความหลากหลาย
จีระ หงส์ลดารมภ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี