ข่าวใหญ่ในแวดวงการเมืองไทยยุคใกล้จะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 28 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ก็คือกระแสข่าวใหญ่ด้วยข้อมูลที่ว่าคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดของไทย คือ พรรคประชาธิปัตย์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดถึง 70 ปี นั้นกำลังจะมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่จากนักเศรษฐศาสตร์หนุ่มรูปหล่อวัย 50 กว่าปี ที่ชื่ออาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปเป็นคนอื่นที่มีเคมีตรงกันกับขั้วทหาร คสช. ซึ่งหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้นเขาว่าจะชื่อนำหน้าด้วยอักษร อ.อ่างเหมือนกับอาจารย์อภิสิทธิ์
นักการเมืองคนนั้นคลับคล้ายคลับคาว่าจะชื่อนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต สส.เพชรบุรี หลายสมัย ด้วยมีคณะบุคคลที่เป็นสมาชิกพรรคตราพระแม่ธรณีบีบมวยผมกลุ่มใหญ่ ที่มีหน้ามีตาในสังคมไม่น้อยกว่าพันคนจากสมาชิกพรรคนับล้านคนเบื่อเต็มทีกับวิธีการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ของอดีตอาจารย์หนุ่มรูปหล่อในสไตล์รูปงามนามไพเราะและคุณพ่อรวยแบบอาจารย์อภิสิทธิ์ที่เป็นหัวหน้าพรรคและก็เปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคมา 3 คนแล้ว ตั้งแต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาเป็นคุณพี่เฉลิมชัยศรีอ่อน แล้วก็มาเป็น นายจุติ ไกรฤกษ์
แม้ว่าประสบการณ์ทางด้านการเมืองของอาจารย์อภิสิทธิ์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะมีมากเหลือล้นก็จริงแต่นอกจากมีอาชีพเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว อาจารย์ก็มีน้อยมันทำให้พรรคไม่ประสบผลสำเร็จงานชิ้นโบแดงอาจารย์ท่านก็ไม่มีอะไรเด่นเป็นพิเศษเลยสมัยเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถทำอะไรกับบรรดาคนเสื้อแดงลูกสมุนทักษิณ ชินวัตร ได้ถ้าไม่มีคณะนายทหารในกองทัพสนับสนุนป่านนี้นายอภิสิทธิ์อาจจะถูกศัตรูทางการเมืองฆ่าตายไปแล้วก็เป็นไปได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โพสต์ข้อความเฟซบุ๊คในวันที่ 9 กันยายน ว่า กระบวนการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคระบุตนเคยประกาศแนวคิดที่จะให้สมาชิกพรรคมีโอกาสเลือกหัวหน้าพรรค ตั้งแต่เดือนเมษายนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงความเป็นสถาบันการเมืองของพรรคในระบอบประชาธิปไตย ความเป็นประชาธิปไตยต้องเริ่มต้นจากภายในพรรค พรรคการเมืองต้องไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของพรรค พรรคประชาธิปัตย์พิสูจน์เรื่องนี้มาแล้วเราเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีการแข่งขันเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอย่างจริงจังมาหลายครั้ง
หัวหน้าพรรครูปงามได้ระบุว่าปัจจุบันข้อบังคับของพรรคกำหนดให้ที่ประชุมใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วย สส. และประธานสาขาพรรคเป็นหลัก เป็นผู้มีสิทธิเลือกหัวหน้าพรรค ซึ่งก็สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ที่ออกมาอยู่แล้ว แต่ผมมองว่าประชาธิปัตย์สามารถเป็นผู้นำและมีความก้าวหน้ากว่านี้ได้ โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันทำให้มีเหตุผลเพิ่มเติมคือ
การปฏิรูปการเมืองที่ดำเนินการโดย คสช. ในเรื่องนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ความพยายามที่จะให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในเรื่องต่างๆ เช่น การหยั่งเสียงเบื้องต้นเพื่อคัดเลือกผู้สมัคร สส. กำลังจะวนกลับไปสู่ที่เดิม ขณะที่การแสดงตัวเป็น “เจ้าของ” ของพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งใหม่และเก่าก็ยังชัดเจนคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 มีผลให้สาขาพรรคกว่า 150 สาขา
ทั่วประเทศ ถูกยุบไปทำให้องค์ประกอบของที่ประชุมใหญ่ขาดความหลากหลายและความเป็นประชาธิปไตย 4 ปี ที่ไม่มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
ในขณะที่ความเปลี่ยนแปลงในสังคมโลกและในประเทศ เกิดขึ้นอย่างมากมายและรวดเร็ว ทำให้มีความจำเป็นที่จะให้สมาชิกพรรคและประชาชนในวงกว้างเข้ามามีส่วนร่วม มากกว่าการปล่อยให้การกำหนดตัวผู้บริหารและทิศทางของพรรค จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มอดีต สส.และผู้บริหารพรรคในปัจจุบัน
ในอดีตเราไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกให้สมาชิกมีส่วนร่วมอย่างนี้ได้ แต่ในปัจจุบันการลงคะแนนผ่านโทรศัพท์มือถือทำได้ไม่ยากแล้ว การหยั่งเสียงเลือกตั้งครั้งนี้พรรคจะให้สามารถทำได้โดยใช้แอพพลิเคชั่นผ่านทางโทรศัพท์ได้ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคครั้งนี้ของประชาธิปัตย์ จึงเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของระบบการเมืองไทย
ซึ่งผมหวังว่ากระบวนการนี้จะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ การแข่งขันที่จะเกิดขึ้น ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องของความขัดแย้ง เพราะหากมองเช่นนั้นเท่ากับเป็นการไม่สนับสนุนให้เกิดกระบวนการประชาธิปไตยในพรรคอย่างไรก็ตามโดยที่กฎหมายพรรคการเมืองยังไม่ได้รองรับเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์จึงจำเป็นจะต้องแก้ไขข้อบังคับให้ที่ประชุมใหญ่พรรคซึ่งกฎหมายยังกำหนดให้เป็นผู้เลือกหัวหน้าพรรค
จะต้องรับฟังผลของการหยั่งเสียงจากสมาชิกซึ่งผมมั่นใจว่าที่ประชุมใหญ่จะทำเช่นนั้น สำหรับกรอบเวลาการดำเนินการในเรื่องนี้จะเป็นไปตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง อย่างไรก็ตามทางด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่มีกระแสข่าวว่ามีสมาชิกพรรคต้องการให้เขาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคแทนนายอภิสิทธิ์ได้เผยว่า มีสมาชิกพรรคได้ทาบทามให้เขาเสนอตัวลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่จริง
อดีต สส.เป็นจำนวนไม่น้อยต้องการให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคให้มีการปฏิรูปพรรคให้มีความเป็นสถาบันการเมืองแบบพรรคใหญ่ในสหรัฐอเมริกา หรือสหราชอาณาจักร บางทีจุดยืนของพรรคเก่าแก่พรรคนี้ถ้าหากจะทำแบบเดิมๆ บ้านเมืองก็ไม่ก้าวไปข้างหน้าหากจะล้มอำนาจระบอบทักษิณลงไปให้ได้แล้วทุกๆพรรคต้องยอมเสียสละหัวโขนแล้วตั้งรัฐบาลผสมเพื่อบ้านเมืองโดยยอมให้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำเหมือนอดีตที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ทำมาแล้วหรือเหมือนจอมพลฟรานซิสโก ฟรังโก แห่งราชอาณาจักรสเปน เคยทำหลังมหาสงครามโลกครั้งที่ 2
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี