nn จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ลุกลามรุนแรงและยืดเยื้อมากกว่าคาด ทำให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มปรับแย่มากกว่าที่เคยคาด รวมถึงปัญหา supply chain disruption ที่จะมีมากขึ้น ตามจำนวนประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยตัวเลขการส่งออกของไทยล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อหักการส่งออกทองคำซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ได้สะท้อนภาวะการค้าที่แท้จริง และหักการส่งกลับอาวุธที่นำมาเพื่อซ้อมรบของเดือน ก.พ. ปีก่อน (2019) ซึ่งเป็นปัจจัยพิเศษที่ไม่ได้สะท้อนภาวะการค้าเช่นเดียวกัน จะทำให้มูลค่าการส่งออกขยายตัวเล็กน้อยที่ 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนว่าการส่งออกไม่มีสัญญาณฟื้นตัว
ทั้งนี้สินค้าที่ยังพอขยายตัวได้ เช่น เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ยางพารา และไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ส่วนสินค้าสำคัญมีการหดตัว เช่น เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ รถยนต์และส่วนประกอบ ข้าว และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลจากอุปสงค์ตลาดโลกที่ซบเซา
ส่วนปัญหา supply chain disruptionจะส่งผลต่อภาคส่งออกของไทยใน 2 ประเด็น ได้แก่1) ไทยส่งออกสินค้าวัตถุดิบขั้นกลางลดลง เนื่องจากอยู่ในห่วงโซ่อุปทานการผลิตของหลายประเทศโดยมาตรการควบคุมโรคของหลายประเทศมีแนวโน้มสร้างอุปสรรคต่อการผลิตสินค้าในประเทศดังกล่าว ดังนั้น เมื่อเกิดการหยุดชะงักของภาคการผลิตในประเทศต้นทาง ย่อมส่งผลต่อการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบขั้นกลางจากไทยที่ลดลง
2) ไทยมีอุปสรรคในการผลิตสินค้าส่งออก เนื่องจากต้องพึ่งพาสินค้าวัตถุดิบขั้นกลางจากหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งมีแนวโน้มหยุดการผลิตบางส่วนจากมาตรการควบคุมโรค จึงทำให้บริษัทไทยที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบขั้นกลางจากประเทศดังกล่าว ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ เนื่องจากขาดวัตถุดิบ
ในส่วนของภาพรวมตลาดการส่งออกของไทยนั้น ตลาดส่งออกสำคัญของไทยที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ใน สัดส่วนสูงทั้งจีน EU สหรัฐฯ ตะวันออกกลาง เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันคิดเป็นเกือบ 50% ของมูลค่าส่งออกรวมของไทย เราลองมาวิเคราะห์ในแต่ละตลาดว่าเป็นอย่างไรกันบ้างในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ( ม.ค.-ก.พ.)
ตลาดจีน หดตัว 2% เนื่องจากการส่งออกสินค้าบางส่วนได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้สดและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่หดตัวสูงจากการปิดด่าน/ปิดท่าเรือ ขณะเดียวกันสินค้าที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันก็หดตัวต่อเนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลง อย่างไรก็ตาม การหดตัวดังกล่าวเป็นการหดตัวที่น้อยกว่าที่หลายฝ่ายคาด (หลายฝ่ายคาดว่าการส่งออกไปจีนอาจหดตัวสูงจากการที่จีนมีการปิดเมืองในหลายเมืองซึ่งอาจกระทบกำลังซื้อและ SupplyChain เนื่องจากได้ปัจจัยสนับสนุนจากสงครามการค้าที่ผ่อนคลายลง ทำให้สินค้าที่เคยถูกกดดันจากปัจจัยดังกล่าวกลับมาขยายตัวดี อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และเครื่องยนต์สันดาปฯ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เป็นต้น
ตลาด EU ขยายตัว 1.2% โดยเฉพาะตลาดอิตาลีและเยอรมนีที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเร่งตัวขึ้นมากยังขยายตัวได้เล็กน้อย จากเครื่องปรับอากาศและเครื่องยนต์สันดาปที่ขยายตัวสูง ทั้งนี้ การที่ตัวเลขการส่งออกของไทยไปตลาด EU โดยรวมยังขยายตัว อาจเป็นเพราะในเดือนกุมภาพันธ์ ยังไม่เกิด Super Spread ในยุโรปทำให้หากจะดูผลกระทบจาก COVID-19 ในตลาดยุโรป อาจต้องรอประเมินตัวเลขส่งออกเดือนมีนาคมอีกครั้ง (ตลาดสเปนหดตัว3.3% จากการส่งออกเครื่องปรับอากาศและรถจักรยานยนต์เป็นหลัก)
ตลาดสหรัฐฯ หดตัวถึง 37% เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อนจากการส่งออกอาวุธกลับหลังจากมีการฝึกCobra Gold อย่างไรก็ตาม หากหักอาวุธออก จะพบว่าตลาดสหรัฐฯ กลับมาขยายตัวถึง 18.3% จากปัจจัยสนับสนุนเดิมที่หลายสินค้าของไทยเข้าไปแทนที่สินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ ได้มากขึ้นจากสงครามการค้า อาทิ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อุปกรณ์กึ่งตัวนำ เครื่องประดับ เหล็ก เป็นต้น
ตลาดเกาหลีใต้ หดตัวเพียง 1.5% สวนทางกับยอดผู้ติดเชื้อของเกาหลีใต้ในเดือนกุมภาพันธ์ที่เร่งตัวขึ้นเร็วที่สุดในโลก แต่เนื่องจากเกาหลีใต้มีมาตรการเด็ดขาดและมีประสิทธิภาพทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยสินค้าที่ช่วยประคองให้ตลาดเกาหลีใต้ไม่หดตัวมาก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศ กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ เป็นต้น
ตลาดญี่ปุ่น หดตัวถึง 11.1% สูงสุดเมื่อเทียบตลาดที่มีผู้ติดเชื้ออันดับต้นๆ ของโลก โดยสินค้าที่กดดันการส่งออกไทยไปญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ยังเป็นสินค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก อาทิ รถยนต์ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบซึ่งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นโดยรวมที่ชะลอลงมาตั้งแต่ช่วงก่อนเกิด COVID-19 อย่างไรก็ตามสินค้าอาหารซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตยังขยายตัวได้โดยเฉพาะไก่แปรรูป ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรอันดับ 1ของไทยไปญี่ปุ่น
ตลาดอิหร่าน ขยายตัวถึง 25.9% จากการส่งออกยางพารา รถยนต์ ผลไม้กระป๋องที่ยังขยายตัวได้สูง เช่นเดียวกับตลาดตะวันออกกลางโดยรวมก็ยังขยายตัวได้ถึง 16.4% โดยตัวเลขการส่งออกไปภูมิภาคดังกล่าวที่ยังขยายตัวสูงอาจยังไม่ได้สะท้อนผลกระทบจาก COVID-19 มากนัก เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อในตะวันออกกลางเริ่มเร่งตัวขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้อาจต้องพิจารณาตัวเลขการส่งออกเดือนมีนาคมอีกครั้ง โดยเฉพาะในตลาดส่งออกหลักในภูมิภาคทั้งซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ อิสราเอล เป็นต้น ที่มียอดผู้ติดเชื้อเร่งขึ้นสูง
โดยสรุปการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563 ยังต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงอยู่มากโดยเฉพาะสถานการณ์ COVID-19 ที่รุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างมากและไม่มีใครทราบว่าจะยุติลงเมื่อใด ส่งผลไปยังภาคเศรษฐกิจจริงของหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มหดตัว ประกอบกับปัญหา supply chain disruption ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากมาตรการควบคุมโรคของหลายประเทศ และสุดท้ายคือราคาน้ำมันที่ลดลง ก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาสินค้าส่งออกของไทยโดยเฉพาะสินค้าที่มีความสัมพันธ์กับราคาน้ำมัน ทำให้มีความ เป็นไปได้สูงที่มูลค่าส่งออกอาจปรับลดลงมากกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้
กระบองเพชร
ข้อมูลจาก
ธ.ไทยพาณิชย์, เอ็กซิมแบงก์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี