nn การระบาดของโควิด-19 รอบ 3 ในประเทศไทย และท่ามกลางสถานการณ์ของทั่วโลกที่ยังไม่ดีขึ้น พูดได้ว่าเรายังอยู่ในช่วงวิกฤติทางเศรษฐกิจและสังคม แต่
ในเมื่อยังไงชีวิตก็ต้องเดินต่อก็ต้องกัดฟันสู้มันต่อไป แต่ในภาวะแบบนี้เชื่อว่าหลายคนก็ใจฝ่อไปได้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เดินไปทางไหนในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต การดำเนินธุรกิจ
วันนี้...หมุนตามทุน...มีแนวคิดดีๆที่จะทำให้เราก้าวต่อไปข้างหน้ามานำเสนอ โดยเฉพาะการทำธุรกิจในช่วงวิกฤติ แนวทางที่ว่านี้เกิดขึ้นจาก...สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยนายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ร่วมกันจัดหลักสูตรระยะสั้น “สร้างผู้ประกอบการใหม่” สำหรับนักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เมื่อวันที่ 30-31 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมุ่งเน้นสร้างโอกาสการเป็นผู้ประกอบการใหม่ให้กับกัปตันและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเพื่อความอยู่รอดในสถานการณ์โควิด-19 และในการนี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ร่วมเป็น 1 ในวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “ผู้ประกอบการใหม่สร้างได้” สร้างแรงบันดาลใจและส่งต่อพลังในการสร้างธุรกิจใหม่เพื่อฟันฝ่าวิกฤติโควิด-19 แก่บรรดานักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจากการบินไทยที่ร่วมรับฟังอย่างสนใจกว่า 150 คน
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวถึงแนวคิดการทำธุรกิจในช่วงวิกฤติและหัวใจสำคัญของผู้ประกอบการโดยยกกรณีศึกษาการดำเนินธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในอดีตตั้งแต่ 100 ปีก่อน ผ่านการปรับตัวเปลี่ยนแปลงและนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการสร้างธุรกิจที่หลากหลายกระทั่งสามารถขยายธุรกิจให้เติบโตได้กว่า 20 ประเทศทั่วโลก และทำการค้าขายกับอีก 100 ประเทศ โดยเครือซีพีผ่านทั้งอุปสรรคจากวิกฤติเศรษฐกิจ และการแข่งขันทางธุรกิจต่างๆ มาได้โดยยึดแนวคิดหลักสำคัญคือ “การดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์” “เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส” และการมี“วิสัยทัศน์ในการกล้าลงทุน” ซึ่งกรณีของเครือซีพีสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการทำธุรกิจในช่วงเวลาวิกฤติ เช่นที่เกิดขึ้นขณะนี้จากภาวะโควิด-19 ดังนั้นมุมมองการทำธุรกิจของผู้ประกอบการ จึงต้องมีความกล้าที่จะเสี่ยงในวิกฤติ ลงมือทำก่อนคนอื่น เห็นถึงโอกาสและ Pain Point ต่างๆ ของตลาดจะส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้
ซีอีโอ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แบ่งปันประสบการณ์ของเครือซีพีว่า ทุกอย่างเริ่มต้นจากศูนย์ซีพีเริ่มจากห้องแถว คือ ร้านเจียไต๋ ซึ่งตั้งอยู่ย่านเยาวราช เมื่อ 100 ปีที่แล้ว จำหน่ายเมล็ดพันธุ์เปิดขายวันแรก มียอดขาย 23 บาท เราเป็นผู้จำหน่ายเมล็ดพันธุ์รายแรกที่ติดวันหมดอายุบนซอง หากซื้อไปแล้ว สินค้าหมดอายุ ลูกค้าสามารถนำมาเปลี่ยนใหม่ได้ เรือบิน (เครื่องบิน) เป็นสัญลักษณ์ของเทคโนโลยี และแสดงถึงความทันสมัย เราเรียนรู้ว่านั่นคือความซื่อสัตย์ และคือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ พอมาถึงรุ่นที่ 2 เปิดร้านเจริญโภคภัณฑ์ จำหน่ายอาหารสัตว์ และเข้าสู่การเลี้ยงสัตว์ ก็ต้องล้มลุกคลุกคลาน ขาดทุนอยู่ 15 ปีจึงต้องไปหาไก่สายพันธุ์ดีที่สุดในโลกจากต่างประเทศและเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงแบบดั้งเดิม ให้สามารถเลี้ยงได้จำนวนมากขึ้นเพื่อให้คุ้มต้นทุน และเมื่อเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีก เปิดร้านเซเว่น อีเลฟเว่นก็ขาดทุนจากการขยายกิจการถึง 15 ปี ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งก็ต้องปิดกิจการค้าปลีก คือ แม็คโคร และโลตัส ออกไป ซึ่งปัจจุบันได้ซื้อกิจการกลับคืนมา
“ถ้าจะเป็นผู้ประกอบการ หนึ่งในคุณสมบัติคือต้องยอมรับความเสี่ยง แต่ต้องเป็นความเสี่ยงที่ถึงตาย ต้องศึกษาให้ถึง Pain Point ของตลาด ที่สำคัญต้องมีศรัทธาและไม่ยอมแพ้ และต้องปรับตัว เห็นโอกาสในวิกฤติเสมอ ปัญหาทุกอย่างคือโอกาส คือ จุดเริ่มต้นของความสำเร็จ” นายศุภชัยกล่าว
คุณศุภชัยกล่าวอีกว่ากรณีโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจเดินทางได้รับผลกระทบ ผมมองว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวและจะกลับมาฟื้นอีกครั้งซึ่งขณะนี้มีข่าวดีว่าวัคซีนที่ฉีดทั่วโลกมีผลลัพธ์ที่ดี และเชื่อว่าสิ้นปีนี้ทั่วโลกจะมีวัคซีนโดยทั่วและอาจได้เห็นพาสปอร์ตวัคซีนในการเดินทาง จะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจการบินกลับมา และอาจจะกลับมาพลิกฟื้นมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเชื่อว่าธุรกิจที่มารองรับต่อจากนี้น่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โควิด-19 จึงไม่ใช่วิกฤติไปตลอด
สำหรับคำแนะนำแนวคิดการทำธุรกิจในช่วงวิกฤติ ก็คือ ในวิกฤติมีโอกาสทุกเรื่องไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมเดิมหรืออุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งช่วงวิกฤติโควิด-19 อุตสาหกรรมและธุรกิจที่เติบโตคือ เทคโนโลยี ดิจิทัล อี-คอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ และธุรกิจสุขภาพ แสดงให้เห็นว่าเป็นโอกาสแม้ในช่วงแย่ที่สุดก็ยังมีธุรกิจที่ปรับตัวได้ และหลายธุรกิจยังเติบโตขึ้นดีกว่าเดิม ดังนั้นผู้ประกอบการต้องสามารถเห็นปัญหาได้ก่อน รู้ก่อนและแก้ปัญหานั้น นอกจากนี้ยังต้องสังเกตและใส่ใจมองเห็นถึงเมกะเทรนด์ของโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไปด้วยเพราะทุกธุรกิจและบริการกำลังปรับตัวไปสู่ออนไลน์ทำให้เกิดอาชีพใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่ผู้สนใจเป็นผู้ประกอบการที่จะสร้างธุรกิจใหม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้ริเริ่ม
สุดท้ายนี้ คุณศุภชัย ได้กล่าวถึงหัวใจสำคัญของผู้ประกอบการในการทำธุรกิจยุค New Economy ให้ประสบความสำเร็จ คือ 1.การมองเห็นปัญหาเป็นโอกาส เพราะปัญหาที่เกิดในการทำธุรกิจ คือการเรียนรู้สู่ความสำเร็จ 2.ต้องมี Mindset หรือกรอบความคิดที่ดีในการทำงาน คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและองค์กรเป็นที่ตั้ง พร้อมเปิดใจและปรับตัวในการเปลี่ยนแปลง เพราะในอนาคตทุกธุรกิจจะก้าวเข้าสู่ดิจิทัลเทคโนโลยี 3.ต้องมีหลักทางพุทธศาสนาคือความเมตตา และ “มรรค 8” ที่สามารถนำมาประยุกต์ในการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจได้จริง ประกอบด้วยเห็นชอบ คิดชอบ พูดชอบ ทำชอบ อยู่ชอบเพียรชอบ สมาธิชอบ และปัจจุบันชอบ
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี