nn วันก่อน...แวดวงการเงิน...ได้เขียนถึงเรื่องราวลูกค้าของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งที่พยายามต่อสู้เพื่อรักษาบ้านซึ่งเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดในชีวิต...และเธอมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากธนาคารเจ้าหนี้...ด้วยเหตุที่ขายทอดตลาดหลักทรัพย์ไปโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า(ขายลับหลัง)ที่ที่เหตุเพียงแค่ค้างชำระค่ารายงวดเพียงแค่ 2-3 เดือน และไม่เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ได้ชำระเงินที่ค้าง 2 งวด โอยอ้างปิดระบบไปแล้วทั้งที่อยู่ในช่วงกำหนดเวลาที่ยังชำระได้...!! และได้ฝากไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย...สมาคมธนาคารไทย...ให้เข้ามาช่วยดูแลลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ที่กำลังประสบปัญหาความยากลำบากในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาเพราะพิษโควิด-19....!! วันนี้...แวดวงการเงิน...ต้องขอขอบพระคุณและปรบมือให้กับ...คุณผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย…เพราะทราบมาว่าทันทีที่คุณผยงได้รับทราบข่าวและรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ก็นำมาคิดวิเคราะห์ และเตรียมที่จะหารือกับธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ เพื่อหาวิธีดูแลและช่วยเหลือลูกค้าของแต่ละธนาคารให้ดีที่สุดในช่วงที่กำลังประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจอย่างหนักหลังได้รับผลกระทบหลังจากการระบาดของโควิด-19 ...เพื่อให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปให้ได้...!! น่าเสียดายที่ลูกค้ารายนี้ที่แวดวงการเงินเขียนถึงไม่ใช่ลูกค้าของธนาคารกรุงไทย...ไม่เช่นนั้นคงจะได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมและเอื้ออาทรกันมากกว่านี้...
nn ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย...ซึ่งแวดวงการเงินก็ได้ฝากถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกันแม้ว่าเวลานี้จะยังไม่ออกมาแสดงท่าทีใดๆกับกรณีนี้ก็ตาม...แต่แวดวงการเงินก็ยังพอมีความหวังเพราะ..ก่อนหน้านี้คุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)...ก็ได้ให้ความสำคัญของปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทย...ซึ่งท่านก็มองว่า สถานการณ์โควิด-19 ทำให้สุขภาพการเงินของคนไทยอ่อนแอมากขึ้น จากการถูกลดชั่วโมงการทำงานจนถึงการถูกเลิกจ้าง ทำให้ขาดสภาพคล่องของรายได้ หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแตะระดับกว่า 83% ต่อ GDP และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก...!! แต่ก็อย่างที่แวดวงการเงินเคยฝากไว้หลายคราวว่า...ความพยายามของธปท.ที่จะแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนผ่านโครงการคลินิกแก้หนี้นั้น...เหตุใดยังทำแต่เฉพาะ..หนี้สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีวงเงินหมุนเวียน...ซึ่งเป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน...จริงแล้วควรจะขยายให้ครอบคลุมถึงหนี้ที่มีหลักประกันอย่างอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์...เพราะหลักประกันเหล่านี้สำคัญต่อชีวิตลูกหนี้อย่างมาก...ที่อยู่อาศัยที่มีบางรายนอกจากใช้เป็นที่อาศัยแล้วก็ยังเป็นสถานประกอบการของพวกเขาด้วย รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ก็เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำมาหาเลี้ยงชีพ...จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะทำให้พวกเขารักษาสินทรัพย์เหล่านี้ไว้ให้ได้...!! แบงก์ชาติคงจะได้เคยเห็นข่าว...เป็นหนี้ซื้อโทรศัพท์ไม่ถึง2 หมื่นบาทแต่ถูกบังคับขายบ้านขายที่ดิน...หนี้คงค้างไม่เกิน 10% วงเงินหนี้แต่ถูกบังคับขายหลักทรัพย์ซึ่งมูลค่ามากกว่าหนี้เป็น 10 เท่า...มูลหนี้เล็กน้อยแต่ถูก” ต้นทบดอก..ดอกทบต้น”จนหมดปัญหาจ่าย ฯลฯ....ยังมีอีกเป็นแสนเป็นล้านกรณีที่ประชาชนคนไทยต้องสูญเสียทรัพย์อันมีค่าและสำคัญที่สุดในชีวิตไปเพราะที่ความไม่เป็นธรรมในระบบการเงินไทย...แบงก์ชาติจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อไปอย่างนั้นหรือ...ลองไปชำเลืองดูพวกบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ไปซื้อหนี้เสียจากแบงก์มาบริหารต่อทีสิว่าพวกนี้...ทำธุรกิจหรือทำนาบนหลังคน...?????
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี