nn เรื่องของการประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มินบุรี(สุวินทวงศ์) วงเงินลงทุนกว่า 1.427 แสนล้าน ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ที่ต้องล้มลุกคลุกคลานจัดประมูลกันมาตั้งแต่ต้นปี 2563 สุดท้ายกลับต้องยกเลิกการประมูลกลับไปนับ 1 ใหม่ อันเป็นผลพวงมาจากการที่ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ปรับเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลกลางอากาศ จนถูกบริษัทรับเหมาที่เข้าร่วมประมูลยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์ประมูลเจ้าปัญหา จนทำเอาเส้นทางประมูลสะดุดกึกจนสุดท้าย รฟม.ต้องยกเลิกประมูลไปเมื่อ วันที่ 3 ก.พ.2564 ก่อนจะไปขอถอนคดีความจากศาลปกครองด้วยข้ออ้างได้สั่งยกเลิกการประมูลไปแล้ว จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทให้พิจารณาต่อ ซึ่งศาลก็มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามคำร้องขอ ก่อนที่ รฟม.จะตีปี๊บเตรียมเดินหน้าจัดประมูลใหม่ โดยยังคงงัดเอาเกณฑ์ประมูลคัดเลือกเจ้าปัญหาอีกครั้ง
จากผลพวงของปัญหาจาก “รถไฟฟ้าสายสีส้ม”...ส่งต่อมาถึงเส้นทางการจัดประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้ม ครั้งใหม่ ของ รฟม. ที่ส่อว่าเผชิญทางตันอีกครั้ง...ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่จะเดินหน้าจัดประมูลไปตามหลักเกณฑ์ที่ฝ่ายบริหาร รฟม.เสนอ และเห็นว่าควรรอความชัดเจนของคดีความที่รฟม.ถูกฟ้อง รวมทั้งคดีล่าสุดในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบที่กำลังพิจารณาอยู่ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาอีก
สาเหตุที่กรรมการคัดเลือกเสียงส่วนใหญ่แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่จะเดินหน้าจัดประมูลใหม่ในเวลานี้ ก็เพราะก่อนหน้านี้ ฝ่ายบริหาร บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอส (BTS) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังผู้แทน 7 หน่วยงานรัฐที่ร่วมอยู่ในคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้แก่ กรรมการผู้แทนสำนักงบประมาณ, เลขานุการคณะกรรมการคัดเลือก, ผู้แทนกระทรวงคมนาคม, ผู้แทนสำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ, ผู้แทนสำนักอัยการสูงสุด, ประธานคณะกรรมการคัดเลือกและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ คัดเลือก โดยเนื้อหาที่ส่งไปนั้น ได้สะท้อนปัญหาการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ก่อนหน้านี้ มีการแก้ไขหลักเกณฑ์การประเมินผู้ชนะการคัดเลือกโครงการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และดำเนินการขัดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินการคัดเลือกเอกชนผู้ชนะการคัดเลือกที่รัฐต้องได้ผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ดีที่สุดหรือมีการขอรับเงินสนับสนุนทางการเงินจากภาครัฐน้อยที่สุด หากคณะกรรมการคัดเลือกฯยังคงนำหลักเกณฑ์การประเมินผู้ชนะการคัดเลือกโดยใช้คะแนนด้านเทคนิคประกอบด้านราคา ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ครม.กำหนดไว้ บริษัทคงต้องใช้สิทธิ์โต้แย้งและคัดค้าน เพราะคดีความต่างๆ ที่บริษัทได้ยื่นฟ้องฝ่ายบริหาร รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง และคดียังไม่สิ้นสุด
“เจอหนังสือเปิดผนึกแบบนี้เข้าไป ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมเป็นกรรมการคัดเลือกจึงไม่อยากเอาอนาคตหน้าที่การงานของตนเข้าไปเสี่ยงด้วย ขณะที่กรรมการผู้แทนบางหน่วยงานได้แสดงท่าทีชัดเจนไม่เอาด้วยกับเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกที่รฟม.เสนอ จึงทำให้ที่ประชุมยังไม่สามารถหาข้อยุติในเรื่องหลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกเอกชนผู้รับเหมาในโครงการนี้ได้”
นี่ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่กล่าวได้ว่า ย้อนแย้งกับสิ่งที่ฝ่ายบริหาร รฟม.ออกมาตีปี๊บก่อนหน้านี้ว่า จะสามารถที่จะเดินหน้าจัดประมูลโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มต่อไปได้อย่างราบรื่นภายใต้หลักเกณฑ์การประมูลคัดเลือกที่จะพิจารณาเกณฑ์ข้อเสนอด้านเทคนิคและราคาประกอบกัน เพราะได้เคลียร์หน้าเสื่อปัญหาคาราคาซังที่มีอยู่ในชั้นศาลไปเกือบหมดแล้ว
และจากปัญหาที่ทำให้ รฟม.เองต้องพบเจอกับปัญหามากมายและทำงานของ รฟม.ไม่คืบหน้า...คนใน รมฟ.เองบางกลุ่ม ที่ไม่อยากเห็นความถดถอยของ รฟม...ก็บอกว่า...ที่จริงหาก รฟม.จะเดินหน้าจัดประมูลไปตามเงื่อนไขทีโออาร์ TOR เดิม ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.โดยจะพิจารณาเปิดซองข้อเสนอด้านราคา จากบริษัทเอกชนที่ผ่านเกณฑ์การประเมินข้อเสนอด้านเทคนิคก็สามารถจะทำได้ โดยการปรับเพิ่มเกณฑ์ข้อเสนอด้านเทคนิคจากเดิมที่กำหนดไว้ต้องผ่าน 70% เป็น 85% ซึ่งถือเป็นเกณฑ์ด้านเทคนิคที่เข้มข้นสูงสุดอยู่แล้ว และยังสอดคล้องกับสิ่งที่ รฟม.ต้องการคือ ได้ผู้รับเหมาที่มีศักยภาพและความเชี่ยวชาญเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการนี้
“สิ่งที่ รฟม. ควรศึกษาและตระหนัก คือแนวทางการทำงานของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่เร็วๆ นี้ เตรียมเปิดประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย 4 สายทาง มูลค่า 6.75 หมื่นล้าน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนเดินรถและซ่อมบำรุง O&M แบบรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ด้วย โดยคาดว่า จะได้ข้อยุติรูปแบบประมูลภายในเดือน พ.ย. 2564 นี้และเปิดประมูลต้นปีหน้า ทำไมงานของ ร.ฟ.ท.คืบหน้าไปตามลำดับ...ถึงตรงนี้ก็อาจจะบอกได้ว่า เพราะ รฟท.ไม่เลือกเอาเกณฑ์ประมูลสุดพิสดารมาใช้...เพราะขนาดโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน วงเงินกว่า 2.24 แสนล้าน รฟท.ก็ยังคงใช้เกณฑ์ประมูลปกติ พิจารณาข้อเสนอทางการเงินจากกลุ่มรับเหมาเอกชนที่ต้องผ่านเกณฑ์ประมูลด้านเทคนิคแล้วเท่านั้น หรือการประมูลก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายเหนือ และสายอีสาน วงเงินกว่า 1.28 แสนล้าน ที่แม้การรถไฟฯจะกำหนดเงื่อนไขให้สิทธิ์รับเหมาภายในประเทศ Thailand First แต่ในส่วนของเกณฑ์พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคได้เปิดกว้าง ให้ผู้รับเหมาที่เข้าประกวดราคาสามารถนำเอาผลงานในต่างประเทศมาแสดงได้...ประเด็นสำคัญคือ...หาก ร.ฟ.ท. สามารถจัดประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนหรือก่อสร้างรถไฟฟ้า สายสีแดงได้ก่อน รฟม.โดยใช้เกณฑ์ประมูลปกติ...ก็ยิ่งจะทำให้เส้นทางการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม หรือสายสีม่วงใต้ของ รฟม. ถูกสังคมตั้งข้อกังขาหนักเข้าไปอีก ว่าทำไมต้องดิ้นสุดขั้วงัดเอาเกณฑ์ประมูลสุดพิสดารมาใช้”
ทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ว่า...ภายหลังการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ล่าสุดที่ยังไม่เห็นชอบกับเกณฑ์ประมูลคัดเลือกตามที่ รฟม.นำเสนอนั้น ก็มีกระแสข่าวว่า มีแนวโน้มที่กระทรวงคมนาคม และ รฟม.อาจจะมีการปรับเปลี่ยนกรรมการคัดเลือกใหม่อีกครั้ง เพื่อเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป....มาตามดูกันว่า...ถึงที่สุดแล้ว...รฟม.จะเละเทะได้ขนาดไหนกัน...nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี