การจัดการเงินในครอบครัวนั้น จัดเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญ เพราะแหล่งรายได้ที่เข้ามาในแต่ละเดือน ต้องถูกจัดสรรให้เพียงพอตอบสนองความต้องการของสมาชิกทุกคน และยังต้องสะสมบางส่วนไว้สำหรับการออม เพื่อเตรียมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายสำคัญที่อาจต้องจ่ายเป็นเงินก้อนใหญ่ในอนาคต
สำหรับเรื่องของเงินออมครอบครัวนั้น มีความจำเป็นสำคัญๆ ที่ต้องจัดสรรเงินไว้ ดังนี้
1.เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน
ในแต่ละครอบครัวควรมีการจัดสรรเงินออม กันไว้ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและมูลค่าไม่ผันผวน อาทิ เงินฝาก สลากออมทรัพย์ กองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ ขนาดเท่ากับ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน กันแยกไว้จากใช้จ่ายและลงทุนต่างๆ สำหรับเผื่อความเสี่ยงกรณีที่รายได้ของใครคนใดคนหนึ่งหายไป (หรือทั้งคู่) จะได้มีเงินกินใช้ในช่วงเริ่มตั้งหลักใหม่ ไม่ต้องหยิบยืมและทำให้ต้องเป็นหนี้
เงินก้อนนี้ถือเป็นเงินออมก้อนแรกที่ควรสะสม และควรเป็นเงินออมที่ต้องตรวจสอบอยู่เสมอ อย่าให้พร่องลงไป และอย่าใช้ผิดจากวัตถุประสงค์ นั่นคือจะใช้เมื่อมีเหตุฉุกเฉินเท่านั้น
ในกรณีที่ครอบครัวมีแหล่งรายได้หลายทาง และแต่ละแหล่งรายได้มีความมั่นคงสูง ก็อาจปรับลดเงินสำรองเหลือสัก 3 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนได้
2.ค่าใช้จ่ายในการจัดการความเสี่ยง
ในส่วนนี้หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง รวมไปถึงประกันอุบัติเหตุ โดยแต่ละครอบครัว (และแต่ละบุคคลในครอบครัว) ก็จะมีระดับความเสี่ยงทางการเงินที่แตกต่างกันไป
ดังนั้นในการพิจารณาและจัดสรรเงินออมในส่วนนี้ จึงต้องพิจารณาให้ครอบคลุมทั้งความเสี่ยงเชิงบุคคล และงบประมาณที่จะใช้เพื่อจัดการความเสี่ยงด้วย
ทั้งนี้อาจพิจารณาเรื่องสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่มี ว่าครอบคลุมเพียงพอ และสอดคล้องกับเงินออมหรือไม่ เช่น ถ้าสิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ หรือประกันสังคมมีความเพียงพอ และเหมาะกับสถานการณ์การเงินปัจจุบัน การเลือกใช้สิทธิขั้นพื้นฐาน เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่หากมีความพร้อม อยากได้บริการที่เพิ่มเติมมากขึ้น ก็อาจต้องกันเงินออมของครอบครัว เอาไว้จัดการกับภาระเหล่านี้ด้วย
3.ค่าเล่าเรียนลูก
สำหรับครอบครัวที่มีลูก ค่าเล่าเรียนลูกถือเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่พอสมควร ยิ่งในปัจจุบันที่คุณพ่อคุณแม่พยายามส่งเสริมให้ลูกๆ ได้รับการศึกษาที่ดี ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ยิ่งเพิ่มตามไปด้วย
สำหรับการออมเพื่อเก็บสะสมไว้เป็นค่าเล่าเรียนลูก อาจมีการจัดแบ่งการสะสมตามช่วงวัยของการเรียนได้ เช่น
ค่าเล่าเรียนในช่วง 1-3 ปี อาจสะสมไว้ในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ (เนื่องจากใกล้จะได้ใช้เงินแล้ว) เช่น เงินฝาก สลากออมทรัพย์ กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้
ส่วนเงินค่าเล่าเรียนที่สะสมไว้ในระยะยาวกว่านั้น ก็อาจปรับสัดส่วนให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มได้บ้าง เช่น กองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือประกันชีวิต
ทั้งนี้ครอบครัวอาจวางแผนร่วมกัน และเก็บค่ามูลค่าใช้จ่ายประกอบการวางแผน เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องแม่นยำและใกล้เคียงกับความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในอนาคตได้
4.เงินออมเพื่อเป้าหมายระยะสั้น
ในระยะ 2-3 ปี แต่ละครอบครัวอาจมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนในกิจกรรมสำคัญ อาทิ เก็บเงินดาวน์บ้านหลังใหม่ ออกรถยนต์คันใหม่ หรือทริปท่องเที่ยวต่างประเทศ ฯลฯ
เป้าหมายเหล่านี้ถ้าไม่มีการวางแผนและสะสมเงินออมไว้ ก็ไม่ง่ายที่จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ดังนั้นแต่ละครอบครัวควรมีการพูดคุยเรื่องของเป้าหมายและแผนการเงินเป็นประจำทุกปี เพื่อกำหนดแผนการออมในการที่จะบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ครอบครัวฝันไว้
5.ทุนเกษียณ และการสะสมความมั่งคั่ง
หลายครั้งที่คนเป็นพ่อแม่มักให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนบุตรหลาน จนลืมวางแผนการเงินของตัวเองในช่วงหยุดทำงาน
ลองเริ่มต้นวางแผนเกษียณง่ายๆ โดยคาดการณ์ว่าหลังเกษียณจะใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ และถ้าต้องอยู่หลังเกษียณยาว 15-20 ปี ต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ จากนั้นจึงค่อยมาพิจารณาเครื่องมือต่างๆ ที่มีการลงทุนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น
5.1 การลงทุนภาคบังคับ อย่างเช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนประกันสังคม
5.2 การลงทุนเพิ่มเติม อาทิ กองทุนรวมเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี กองทุนรวม หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ สลากออมทรัพย์ ประกันชีวิต ประกันบำนาญ ฯลฯ
ลองตรวจดูในทุกช่องทางว่า ทั้งหมดที่สะสมนั้นเพียงพอ หรือแผนการออมของเรามีโอกาสบรรลุเป้าหมายเกษียณได้หรือไม่ ถ้าไม่ก็ให้ปรับเพิ่มเติม
หัวใจสำคัญเลยคือ ต้องจัดสรรเงินสะสมในช่องทางต่างๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ อย่ารอให้ใกล้เกษียณ ลูกเรียนจบกันหมด แล้วค่อยมาเริ่มวางแผนเก็บเงินเกษียณ รับรองได้ว่าไม่ทันแน่นอน
นอกเหนือไปจาก 5 ข้อที่หยิบมาคุยกันในบทความนี้ แต่ละครอบครัวอาจมีความต้องการที่แตกต่างกันออกไปในประเด็นอื่นๆ ได้ แต่ทั้งหมดก็สามารถตอบสนองและทำให้บรรลุเป้าหมายได้ ด้วยการวางแผนการออมที่เหมาะสม
สำหรับใครที่มีครอบครัวแล้ว ก็ลองหยิบประเด็นสำคัญในบทความนี้กลับไปประเมินการจัดสรรเงินออมของครอบครัวคุณดูนะครับ รับรองว่าได้ประโยชน์ และช่วยเติมเต็มโอกาสทางการเงินของครอบครัวคุณได้อย่างแน่นอนครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี