การจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ถูกยกเลิกไป เนื่องจากมีสภาพปัญหาที่สั่งสมมานาน ต้องปฏิรูปโครงสร้างระบบภาษีทรัพย์สินให้ทันสมัยเป็นสากล จึงได้มีการตราพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 อัตราการเก็บภาษีจากการเข้าทำประโยชน์บนที่ดิน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีการลดอัตราจัดเก็บภาษีของปีพ.ศ. 2563 และ 2564 ถึงร้อยละ 90เพื่อแบ่งเบาภาระให้แก่ผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษี คือ (1) เจ้าของที่ดิน/สิ่งปลูกสร้าง (2) เจ้าของห้องชุดและ (3) ผู้ครอบครองทรัพย์สินของรัฐ (ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง)
ใครเป็นเจ้าของหรือครอบครองที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอยู่ในวันที่ 1 มกราคม ของปีใด ถือเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีในปีนั้น
ต้นปีพ.ศ.2565 ผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีจำนวนไม่น้อยที่ต่างคาดหวังว่า จะมีการลดภาษีเหมือนสองปีที่ผ่านมา แต่ในที่สุดไม่ได้มีการปรับลดการจัดเก็บลง
ร้อยละ 90 ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจำนวนไม่น้อยที่ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพร้อมจำนวนภาษีที่ต้องชำระ
สำหรับกรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นเจ้าของร่วมที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันหลายคน เจ้าของกรรมสิทธิ์ต่างได้รับหนังสือแจ้งการประเมินภาษี
การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นรายได้หลักที่นำเข้าสู่ท้องถิ่น จากที่มีการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสองปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 90 กระทรวงการคลังได้ออกมาเปิดเผยว่า ทำให้รายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นลดลงปีละประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และขาดรายได้ไปพัฒนาพื้นที่ เนื่องจากภาษีที่จัดเก็บได้ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดถือเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น เพื่อเป็นงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่
อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีภาษีพ.ศ.2565-2566 จะมีอัตราเช่นเดียวกับปี 2563-2564 แต่ไม่มีการปรับลดการจัดเก็บลงร้อยละ 90 การจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีพ.ศ. 2565 เมื่อคำนวณได้เท่าไร จึงต้องจ่ายเต็มจำนวน
สำหรับอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปัจจุบัน กำหนดครอบคลุมที่ดิน 4 ประเภท มีดังนี้ (1) ที่ดินเพื่อการประกอบเกษตรกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บตั้งแต่ร้อยละ 0.01-0.1 (2) ที่อยู่อาศัย อัตราภาษีที่จัดเก็บตั้งแต่ร้อยละ 0.02-0.1 แยกเป็น (ก) สิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา อัตราภาษีที่จัดเก็บ ตั้งแต่ร้อยละ 0.03-0.1 (ข) สิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน อัตราภาษีที่จัดเก็บ ตั้งแต่ร้อยละ 0.02-0.1 (ค) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัยกรณีอื่นนอกเหนือจากข้อ (ก) และ (ข) มีอัตราภาษีที่จัดเก็บ ตั้งแต่ร้อยละ 0.02-0.1 (3) การใช้ประโยชน์อื่นนอกเหนือจากข้อ (1) และข้อ (2) หรือที่ดินกลุ่มพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บ ร้อยละ 0.3-0.7(4) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ ยกเว้น มีกฎหมายห้ามหรือทิ้งไว้เพื่อการเกษตรหรือปล่อยไว้เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการ อัตราภาษีที่จัดเก็บ ตั้งแต่ร้อยละ 0.3-0.7
ทั้งนี้ในปีพ.ศ.2565 นี้ ผู้เสียภาษีได้รับการบรรเทาภาระภาษีบางกรณี ได้แก่
1.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาและใช้ประกอบเกษตรกรรมได้รับยกเว้นภาษี
2.กรณีที่เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษีสำหรับสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท หรือมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท แล้วแต่กรณี แต่สำหรับบุคคลที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่มีมูลค่าเกินกว่าที่กำหนดดังกล่าว จะเสียภาษีเต็มอัตราเฉพาะส่วนที่เกินเท่านั้น
3.การผ่อนปรนภาระภาษีให้แก่ผู้เสียภาษีกรณีมีภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สูงกว่าค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ที่เคยชำระในปีพ.ศ.2562 จะบรรเทาภาระให้โดยเสียภาษีเท่ากับค่าภาษีปีพ.ศ. 2562 บวกร้อยละ 75 ของส่วนต่างค่าภาษีปีพ.ศ. 2565 กับปี พ.ศ.2562
แม้การจัดเก็บภาษีจะทำให้รัฐเกิดรายได้ เพื่อนำไปพัฒนาประเทศชาติ แต่ในปีพ.ศ.2565 นี้ สถานการณ์โควิด-19 ยังคงระบาดและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ธุรกิจจำนวนไม่น้อยต้องเลิกกิจการ บางแห่งต้องลดอัตราการผลิต การจ้างงานลดลง ผู้คนขาดรายได้ แต่รัฐบาลกลับเรียกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเรียกเก็บเต็มร้อยละ 100 ทั้งที่เศรษฐกิจยังไม่ดี
รัฐบาลควรเรียกเก็บภาษีแบบขั้นบันไดไปก่อน เช่นในปีนี้ เริ่มจากร้อยละ 20-30 ปีต่อๆ ไปค่อยขยับขึ้น เรื่อยๆ จนในที่สุดเก็บเต็มร้อยละ 100 เพื่อให้ธุรกิจเริ่มปรับตัว และอยู่ได้
การเรียกเก็บร้อยละ 100 ทั้งที่ยังไม่มีความพร้อม อาจทำให้ธุรกิจหลายแห่ง ต้องเลิกกิจการ คนตกงานเพิ่มขึ้น แทนที่รัฐบาลจะได้รับเงินภาษี เพื่อมาช่วยประเทศชาติ กลับต้องสูญเสียโอกาสโดยไม่จำเป็น
ตอนนี้ เจ้าของที่ดินหลายแห่งที่ไม่ได้ทำประโยชน์ เริ่มปลูกพืช เพื่อทำการเกษตร ทั้งที่อยู่ในเขตเมืองและเขตธุรกิจ เพียงเพื่อต้องการรับสิทธิในการลดภาษี ย่อมแสดงว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่มีความพร้อมจะเสียภาษี เต็มร้อยละ 100 แม้บางคนถือว่าเป็นผู้มีอันจะกิน หรือบางคนเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี
รัฐบาลควรมองการณ์ไกลเพื่อให้สามารถเก็บภาษีได้จริง จะได้รับเงินมาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติไม่ใช่สมองเพียงระยะเวลาเฉพาะหน้า เร่งเก็บภาษี แต่กลับเป็นการสร้างภาระ และความเดือดร้อนให้ประชาชน
ยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 เยี่ยงนี้ รัฐบาลไม่ควรสร้างภาระให้ประชาชนจนเกินไป แต่ควรจะประคับประคองให้ประชาชนอยู่ได้ และรัฐบาลบริหารประเทศได้เช่นกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี