วันพุธ ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์โลกธุรกิจ / กฎ กติกา ธุรกิจ
กฎ กติกา ธุรกิจ

กฎ กติกา ธุรกิจ

รุจิระ บุนนาค
วันศุกร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 02.00 น.
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของคนไทยหรือคนต่างด้าว

ดูทั้งหมด

  •  

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย มี 2 ระบบ คือ แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ

สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งมีมาแต่เดิมและใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน ส่วนสส. แบบบัญชีรายชื่อ เริ่มมีครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และถือเป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นในวงการเมืองไทย


สส. แบบบัญชีรายชื่อ เป็นการเลือกสส. ที่ประชาชนเลือกพรรคการเมือง แล้วนำคะแนนที่ได้รับเลือกจากทั้งประเทศ นำมาคำนวณเป็นสัดส่วนว่า แต่ละพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกจะมีจำนวน สส. ตามบัญชีรายชื่อที่เสนอได้สส. พรรคการเมืองละกี่คน และหากสส.แบบบัญชีรายชื่อคนใดลาออกจากการเป็น สส. ไม่จำเป็นต้องเลือกตั้งใหม่ เพราะผู้ที่มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไป จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งสส.บัญชีรายชื่อแทน

แนวความคิดการให้มี สส. แบบบัญชีรายชื่อ ประเทศไทยรับแนวความคิดมาจากประเทศเยอรมนี ที่มีแนวความคิดว่า คนมีความรู้ความสามารถ หรือนักวิชาการที่เหมาะจะเข้ามาทำงานในสภาผู้แทนราษฎร อาจไม่เก่งในเรื่องการหาเสียง การเข้าหาและการรับปากประชาชน เหมือนนักการเมืองอาชีพ จึงให้มีสส. แบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้คนกลุ่มนี้ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนนักการเมืองอาชีพจะได้ไปหาเสียงและลงรับสมัครเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

แต่เมื่อประเทศไทยรับแนวความคิดในเรื่อง สส. แบบบัญชีรายชื่อกลับกลายเป็นว่า ผู้ที่มีรายชื่อเป็น สส. ประเภทนี้ เป็นสส.อาวุโสที่พรรคไม่ต้องการให้เหนื่อยกับการหาเสียงเลือกตั้ง และผู้มีอุปการคุณต่อพรรค ด้วยการบริจาคเงินให้พรรคเป็นจำนวนที่สูง จะอยู่ในลำดับบัญชีรายชื่อต้นๆ ซึ่งจะมีโอกาสมากที่จะได้รับเลือกเป็นสส.แบบบัญชีรายชื่อ

สภาพและสถานะของสภาผู้แทนราษฎรไทยในขณะนี้ มีสภาพไม่ต่างกับคนง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่สามารถประชุมลงมติในเรื่องที่สำคัญได้
เพราะมีสส.เข้าร่วมประชุมน้อยเกินไปจนไม่ครบองค์ประชุม เพราะส่วนหนึ่งลาออกไปเพื่อเข้าสมัครพรรคการเมืองใหม่ที่เห็นว่ามีโอกาสมากกว่า และส่วนหนึ่งเป็นเพราะเล่นเกมการเมือง

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเกิดขึ้นกับประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ สมควรที่จะยุบสภาและเลือกตั้งใหญ่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ประเทศไทยไม่ทำ อาจเป็นเพราะพรรคการเมืองใหญ่บางพรรค ที่มีบารมีสูงยังไม่มีความพร้อม เนื่องจากยังไม่สามารถจัดตั้งสาขาพรรคในทุกจังหวัดที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ทันตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ

แม้จะยังไม่ยุบสภาแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เริ่มเตรียมการเลือกตั้งใหญ่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว

กกต.ได้กำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 400 คน แต่ละเขตเลือกตั้งจะมีสส. 1 คน

กกต.ยึดถือจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรไทย วันที่ 31 ธันวาคม 2565 จากฐานข้อมูลของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นฐานในการคำนวณจำนวน สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

ข้อมูลดังกล่าวทั่วประเทศมีจำนวนราษฎรเป็นคนสัญชาติไทย 65,106,481 คน และจำนวนราษฎรที่ไม่ได้สัญชาติไทย 983,994 คน (ไม่มีเลขประชาชน 13 หลักแบบคนไทย แต่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน) รวมเป็นจำนวนราษฎร ทั่วประเทศ 66,090,475 คน

กกต.นำจำนวนราษฎรทั่วประเทศ 66,090,475 คน หารด้วยจำนวน สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน และถือว่า สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 1 คน เป็นตัวแทนของราษฎรจำนวน 165,226 คน โดยเป็นประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566

ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งฉบับนี้ ได้สร้างความมึนงง และหาวเรอ ให้แก่บุคคลทั่วไปพอสมควร เพราะเป็นการยอมรับจำนวนราษฎรที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้งเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวเข้าไปด้วย

กกต. ยึดถือคำว่าราษฎรตามข้อมูลของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเถรตรงเกินไป แบบศรีธนญชัย เพราะเจตนารมณ์ของข้อมูลนั้น มุ่งจะหาข้อมูลว่ามีคนอยู่ในระบบ ทะเบียนบ้านเป็นจำนวนเท่าใด

เมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานทะเบียนราษฎร แม้จะมีคำว่าราษฎรแต่คำเดียวกันนี้ ในกฎหมายนี้ ย่อมต้องคำนึงถึงจำนวนราษฎรที่มีสิทธิเลือกตั้ง เป็นสำคัญ (โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนราษฎรที่เป็นคนต่างด้าวและไม่มีสิทธิเลือกตั้ง) จึงจะถือว่าเป็นการตีความกฎหมายที่สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริงและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ตีความเถรตรงแบบศรีธนญชัย

หากยึดถือตามการตีความ กฎหมายของ กกต. จะก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยเฉพาะในเขตที่มีราษฎรมีสิทธิเลือกตั้งอยู่เต็มพื้นที่ ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องออกแรงหาเสียงมาก

ในทางตรงกันข้าม ในเขตที่มีราษฎรที่คนต่างด้าวแต่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎรอยู่กันเป็นจำนวนมาก ผู้สมัครรับเลือกตั้งอาจไม่ต้องออกแรงมาก เพราะผู้ที่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งจริงๆ มีอยู่จำนวนน้อยเมื่อเทียบกับเขตเลือกตั้ง

ประเด็นเรื่องการย้อนแย้งในการตีความเกี่ยวกับราษฎรผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง อาจารย์วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องกฎหมายได้ท้วงติงและแนะนำให้ กกต. ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเพื่อให้เกิดความชัดเจน

แต่กกต. มีความเห็นว่า เป็นอำนาจของกกต. ที่จะวินิจฉัยได้เองไม่จำเป็นต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

ท่ามกลาง ความเป็นห่วงและกังวลใจของบรรดานักวิชาการว่า หาก กกต.ตัดสินใจและวินิจฉัยผิดพลาด อาจจะต้องจัดการเลือกตั้งใหญ่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ใหม่อีกครั้งและที่สำคัญคือ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดสำหรับการเลือกตั้งใหม่

แม้ กกต. อาจอ้างว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นและต้องเลือกตั้งใหม่ ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ทางรัฐต้องรับผิดชอบ

แต่ในทางความเป็นจริง ตามพระราชบัญญัติ ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่พ.ศ. 2539 แม้รัฐจะรับผิดชอบต่อค่าเสียหายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ในกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือทุจริต เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดเป็นการส่วนตัว เมื่อเทียบกับกรณีนี้ หากผิดพลาดขึ้นมา เมื่อมีผู้แสดงความคิดเห็นทักท้วงแล้ว กกต.ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเพราะถือว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงซึ่งในทางความเป็นจริงคงไม่มีปัญญาและความสามารถที่จะรับผิดเป็นการส่วนตัวสำหรับค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งทั่วประเทศได้

ในที่สุดกกต.ได้มีมติในวินาทีสุดท้าย ที่จะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตีความตามคำแนะนำของอาจารย์ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

งานนี้ต้องถือว่า กกต. มาช้า ยังดีกว่าไม่มา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
18:07 น. เผยยอดบริจาควัดนาป่าพง 4-5 ปี หมุนเวียนกว่า 500 ล้าน
17:55 น. ‘ทภ.2’พบ‘ทุ่นระเบิด’ 8 ลูก ที่‘ช่องโดนเอาว์-ฐานปฏิบัติการชนะศึก’
17:53 น. ด่วน!!! ศาลคดีทุจริต สั่งจำคุก 5 ปี นายกเล็กชัยนาท นำครุภัณฑ์ไปใช้ในกิจการส่วนตัว
17:44 น. อย่างไว! รมว.เขมร โพสต์กล่าวหาไทย บุกรุก ทำชาวบ้านเขมรบาดเจ็บ
17:25 น. ส่งกำลังใจให้ 'เจ๊ปอง' หลังเตรียมรับคำตัดสินศาลฎีกา คดีบุก NBT 19 ก.ย.นี้
ดูทั้งหมด
ออกครบแล้ว! ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กันยายน 2568
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
น้ำตาคลอทั้งโซเชียล! 'เกลือ'ตั้งคำถาม'ทำไมทหารพรานต้องใส่ชุดดำ' ได้คำตอบสุดสะเทือนใจ
‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงกายกรรมจากจีน
'มล.รจนาธร'โพสต์ขอบคุณ'ลิซ่า ลลิษา' สวมจิวเวลรีแบรนด์ไทยในลุค After party Emmy Awards
ดูทั้งหมด
ทหารมีไว้‘กรี๊ด’ปรากฏการณ์‘ลุงแม่ทัพ’
เยาวชนกับการต่อต้านคอร์รัปชัน : เราจะปลูกฝังคนรุ่นใหม่ให้โตมาโดยไม่ยอมรับความผิดปกติได้อย่างไร
แดงและฟ้าฝ่าวิกฤต?
โอกาสคืนชีพของพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจเพื่ออนาคต
บุคคลแนวหน้า : 17 กันยายน 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เผยยอดบริจาควัดนาป่าพง 4-5 ปี หมุนเวียนกว่า 500 ล้าน

‘ทภ.2’พบ‘ทุ่นระเบิด’ 8 ลูก ที่‘ช่องโดนเอาว์-ฐานปฏิบัติการชนะศึก’

อย่างไว! รมว.เขมร โพสต์กล่าวหาไทย บุกรุก ทำชาวบ้านเขมรบาดเจ็บ

ด่วน!!! ศาลคดีทุจริต สั่งจำคุก 5 ปี นายกเล็กชัยนาท นำครุภัณฑ์ไปใช้ในกิจการส่วนตัว

เปิดคลิปนาที 'เขมร' วิ่งป่าราบ จนท.ไทยใช้ 'แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง' ควบคุมพื้นที่ 'หนองหญ้าแก้ว'

‘มท.’ตั้งโต๊ะแจงคืบหน้า’คดีเขากระโดง’ การันตีดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ไร้ถูกแทรกแซงทางการเมือง

  • Breaking News
  • เผยยอดบริจาควัดนาป่าพง 4-5 ปี หมุนเวียนกว่า 500 ล้าน เผยยอดบริจาควัดนาป่าพง 4-5 ปี หมุนเวียนกว่า 500 ล้าน
  • ‘ทภ.2’พบ‘ทุ่นระเบิด’ 8 ลูก ที่‘ช่องโดนเอาว์-ฐานปฏิบัติการชนะศึก’ ‘ทภ.2’พบ‘ทุ่นระเบิด’ 8 ลูก ที่‘ช่องโดนเอาว์-ฐานปฏิบัติการชนะศึก’
  • ด่วน!!! ศาลคดีทุจริต สั่งจำคุก 5 ปี นายกเล็กชัยนาท นำครุภัณฑ์ไปใช้ในกิจการส่วนตัว ด่วน!!! ศาลคดีทุจริต สั่งจำคุก 5 ปี นายกเล็กชัยนาท นำครุภัณฑ์ไปใช้ในกิจการส่วนตัว
  • อย่างไว! รมว.เขมร โพสต์กล่าวหาไทย บุกรุก ทำชาวบ้านเขมรบาดเจ็บ อย่างไว! รมว.เขมร โพสต์กล่าวหาไทย บุกรุก ทำชาวบ้านเขมรบาดเจ็บ
  • ส่งกำลังใจให้ \'เจ๊ปอง\' หลังเตรียมรับคำตัดสินศาลฎีกา คดีบุก NBT 19 ก.ย.นี้ ส่งกำลังใจให้ 'เจ๊ปอง' หลังเตรียมรับคำตัดสินศาลฎีกา คดีบุก NBT 19 ก.ย.นี้
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

บันทึกข้อตกลงการเมือง MOU MOA บังคับได้หรือ?

บันทึกข้อตกลงการเมือง MOU MOA บังคับได้หรือ?

12 ก.ย. 2568

ย้อนรอยคดีพระ ทุจริตเครื่องราช

ย้อนรอยคดีพระ ทุจริตเครื่องราช

5 ก.ย. 2568

อาหารเสริม ยา โฆษณา สรรพคุณเกินจริง?

อาหารเสริม ยา โฆษณา สรรพคุณเกินจริง?

29 ส.ค. 2568

หมูมะกัน ทะลักเข้าไทย

หมูมะกัน ทะลักเข้าไทย

22 ส.ค. 2568

บริการรถสาธารณะผ่านแอป

บริการรถสาธารณะผ่านแอป

15 ส.ค. 2568

ภาษีการค้า (สหรัฐฯ) และปัญหาชายแดน (กัมพูชา)

ภาษีการค้า (สหรัฐฯ) และปัญหาชายแดน (กัมพูชา)

8 ส.ค. 2568

ภิกษุ สงฆ์ ธรรมวินัย กับกฎหมาย

ภิกษุ สงฆ์ ธรรมวินัย กับกฎหมาย

1 ส.ค. 2568

กสทช. กับการใช้อำนาจที่เกินขอบเขต

กสทช. กับการใช้อำนาจที่เกินขอบเขต

25 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved