** ในวันที่สำนักวิจัยของธนาคารพาณิชย์จะทุกแห่งต่างออกมาคาดการณ์ว่าปี 2568 อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะไม่เกิน 3%...แวดวงการเงิน...ก็ยังจำได้ว่า...คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ในฐานะแม่ทัพเศรษฐกิจของรัฐบาล)...ยังบอกว่าก็ยังมั่นใจว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้ในระดับ 3% และอาจจะทำได้โตในระดับ 3.5% ด้วยซ้ำ…!! แต่ในวันที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)...ออกมาคาดการณ์ว่าปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 1.8% (ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมา สภาพัฒน์มักไม่ค่อยจะพูดอะไรสวนทางกับรัฐบาลมากนัก)...ก็ไม่เคยได้ยินคุณพิชัยออกมาพูดถึงเรื่อง 3% อีก...!! ส่วนอีกหนึ่งคีย์แมนสำคัญในทัพเศรษฐกิจ...อย่าง คุณลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง...ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ...ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่งานคนสำคัญของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท (ที่ผันงบมาจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต)…ก็หวังไว้เยอะว่าเม็ดเงินก้อนนี้ก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2568 ไม่น่าจะโตต่ำกว่า 2%...วันก่อนที่นักข่าวรุมสัมภาษณ์เรื่องนี้...แกก็แอบอ้อนเล็กๆว่า “ตอนนี้คลังก็ถอยมาเยอะแล้ว จากระดับ 3% มาอยู่ระดับ 2% อย่าให้มันต่ำไปกว่า 2% เลย”...!! นักข่าวก็ “เอ็นดู”ไม่ไหว...แต่พอตัวเลขมันออกมาจริง พวกเราก็เบ่งให้ไม่ไหวนะครับท่าน...555...มาถึงตรงนี้ก็นาจะเชื่อได้ว่ารัฐบาลจะเหลือกระสุนนัดสุดท้ายแล้วสำหรับจะนำมาใช้ใน “มาตรการทางการคลัง”เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทย...เว้นเสียแต่ว่ารัฐบาลจะรวมพลังกันได้แก้ พ.ร.บ.วินับการเงินการคลัง เพิ่มเพดานหนี้สาธารณะขึ้นไปอีก (ปัจจุบัน 70% ต่อ GDP)...แล้วก็เดินหน้ากู้เงินมาใช้อีกก้อนใหญ่ๆ (ซึ่งดูจากตัวเลข GDP กับยอดเม็ดเงินของหนี้สาธารณะแล้ว เชื่อว่าสัดส่วนเพดานหนี้น่าจะเต็มเพดานในอีกไม่นาน)...ต่อจากนี้ก็ต้องไปลุ้นที่มาตรการทางการเงิน ซึ่งก็มี...ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คุมอยู่...แม้ว่าตลาดเงินจะพากันคาดการณ์ว่าด้วยสถานการณ์เช่นนี้ อาจจะเห็นดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ในระดับ 1.25% ภายในสิ้นปี 2568...แต่ก็ใช่ว่ารัฐบาลจะไปสั่งการ ธปท.ลดดอกเบี้ยเวลาโน้นเวลานี้ได้ดั่งใจ...ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือโชว์ฝีมือในการบริหารด้านเศรษฐกิจ...ให้ได้เหมือนที่โม้ไว้ว่า “เพื่อไทยเก่งเศรษฐกิจ”...ยิ่งในยามวิกฤติแบบนี้ หากทำได้...นี่แหล่ะที่เรียกว่า “เก่งจริง”...**

** อนันตเดช พงษ์พันธุ์**