** ยังไม่ทันหมดปีก็ได้รับข่าวร้ายกันแล้ว...แวดวงกรเงิน...จำได้ว่าเมื่อต้นปี คุณลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง...ยังแถลงด้วยรอยยิ้ม พูดเต็มปากว่าปีนี้ทรงดี เก็บรายได้เข้าเป้าแน่นอน...มันเกิดอะไรขึ้น??...ที่ดูสถานการณ์การจัดเก็บรายได้ของแต่ละกรมจัดเก็บภาษีถึงออกอาการน่าเป็นห่วง...ซึ่งตอนนี้ กรมสรรพากรจัดเก็บต่ำกว่าเป้า 0.6% กรมสรรพสามิต 10.6% และกรมศุลกากร 7.1%...แน่นอนความไม่มั่นคงภายในประเทศเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่ำ เพราะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาก็ไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจได้มากเท่าที่ควร แถมยังมีสงครามการค้า จีน-อเมริกา กระทบถึงปลาตัวเล็กตัวน้อยในเวทีโลก ที่ต้องเตรียมรับมืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีก...สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้...แต่สิ่งที่กระทรวงการคลังควบคุมได้คือ การทำให้แน่ใจว่าโครงสร้างภาษี และระบบการจัดเก็บรายได้ของไทย มีความทันสมัย เป็นสากล และเรียบง่ายต่อการจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด...หากจะบอกว่าเพราะเศรษฐกิจโลกไม่ดี เศรษฐกิจไทยไม่โต ทำให้พลาดเป้าจัดเก็บรายได้ ก็ดูจะเป็นข้ออ้างมากกว่าคำอธิบาย เพราะกี่ปีๆ เศรษฐกิจก็ไม่เคยจะดีนะ เราปรับตัวตามกระแสโลกตลอด แต่สิ่งที่เราไม่ปรับเลยคือ โครงสร้างภายในของประเทศ ที่ผ่านมาหลายปีก็ยังมีบางจุดที่ล้าหลัง และปล่อยให้รายได้ภาษีรั่วไหลไปเรื่อยๆ...เกริ่นมาขนาดนี้ ผู้อ่าน คุณลวรณ รวมถึง คุณเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ในฐานะที่กำกับนโยบาย คงพอเดาได้ว่า...แวดวงการเงิน...กำลังพูดถึงปัญหาโครงสร้างภาษียาสูบ ที่ค้างคาอยู่เป็นปีที่ 8 แล้ว ตัวอย่างคลาสสิกของการไม่ทำอะไร ใช้โครงสร้างแบบ 2 อัตรา ปล่อยให้รายได้ภาษีหายมาเกือบทศวรรษ ทั้งๆที่ทั่วโลกต่างเห็นตรงกันว่าโครงสร้างอัตราเดียวเหมาะสมที่สุดในการจัดเก็บรายได้ภาษี...ในปีงบประมาณนี้ เหลืออีกเพียง 4 เดือน แต่การจัดเก็บภาษียาสูบยังคงห่างเป้าอยู่ถึง 28% ทั้งๆที่ในปีนี้ปรับลดเป้าจากปีที่แล้วถึง 20% แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้ผลการดำเนินงานดูดีขึ้น เพราะคุณเผ่าภูมิ ที่รอดจากเกมเก้าอี้ดนตรีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาได้ ก็ยังไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก...เรื่องเล็กๆอย่างโครงสร้างภาษียาสูบยังล้าช้าและไม่เด็ดขาด แล้วเราจะไปต่อสู้บนเวทีโลก งัดข้อกับอเมริกาได้อย่างไร เห็นที คงไม่ได้เสียหายแค่ 7 หมื่นล้าน อย่างภาษียาสูบที่หล่นหายไปตลอด 8 ปีแน่นอน...**

** อนันตเดช พงษ์พันธุ์**