** ต้องถือว่า...ดร.เอนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะ “แม่ทัพทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาล...ทำงานได้เร็วมาก...ยังไม่ครบเดือนเห็นผลงานไปแล้ว 2 ชิ้น คือการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่งพลัส...และมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว...งานต่อไปนี้ก็จะเป็นเรื่องของการลงทุน...ซึ่งเป้าหมายของ ดร.เอนิติ ก็คือหาทางให้เม็ดเงินที่จ่อจะลงทุนอยู่ในพื้นที่ EEC ประมาณ 4.7 แสนล้านบาท...ไหลเข้าระบบให้เร็วที่สุด...และสิ่งที่จะทำก็คือแก้ปัญหาคอขวดที่มันทำให้นักลงทุนยังไม่ตัดสินใจเทเงินลงทุนลงมาเสียที...ได้ยินว่าปัญหาสำคัญของพื้นที่ EEC ตอนนี้คือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่นเรื่องไฟฟ้า และ น้ำ...มาคอยดูกันว่าแม่ทัพใหญ่ท่านนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร...!! ว่าด้วยเรื่องการลงทุนของประเทศไทยตอนนี้ดูเหมือนไทยจะมีเสน่ห์น้อยกว่าเวียดนามเสียแล้ว...โดยเฉพาะเรื่องคนซึ่งเรามีกำลังแรงงานน้อยมาก...ทักษะแรงงานที่มีก็สู้เวียดนามไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องภาษาอังกฤษ...ต้นทุนพลังงานต้นแรงงานของไทยก็สูงกว่า...แรงจูงใจด้านมาตรการสนับสนุนไทยก็มีข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย แต่เวียดนามรัฐบาลเขาเคาะให้แต่ละรายได้เลย มากน้อยอย่างไรก็ได้...เรื่องของโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เวียดนามก็พยามเร่งมือโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่อย่างหนัก...อีกไม่นาน ก็ไม่น้อยหน้ากว่าไทยแล้ว...ขณะที่ไทยเองที่โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะเป็นตัวช่วยในเรื่องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หรือเป็นแรงดึงดูเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ...ก็ติดหล่มอยู่นานแล้ว ไม่ไปไหนเสียที...ยกตัวอย่าง โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสนามบิน...เอกชนผู้ได้รับสัมปทานเซ็นสัญญากับรัฐบาลมาแล้ว 7 ปี...ตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลย...เถียงกันเรื่องแก้ไขสัญญาอยู่นั่น...เผลอๆโครงการนี้ก็จะคว่ำไม่เป็นท่าไป...ส่วน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก...ก็ออกอาการร่อแร่เช่นกัน...เมื่อผู้ที่ได้สัมปทานอย่าง บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA)...กำลังพิจารณาถอนตัวจากโครงการนี้...เนื่องจากความล่าช้าในการหาข้อสรุปกับภาครัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าของโครงการ...ตอนนี้ UTA ได้ให้เวลาแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง EEC เพื่อหารือและนำเสนอเรื่องนี้ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบอีกครั้ง...แต่ในเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล...ก็เลยต้องรอไปก่อนอีกเช่นเคย...ถึงตรงนี้หากว่า... “ครม.หนู”...ยังคงไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน UTA ก็คงจะโบกมือลา...และเรียกเงินลงทุนประมาณ 5 พันล้านบาท คืนจาก EEC…ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...เพราะเอกชนรายใหม่คงไม่มีความมั่นใจอีกแล้ว...สถาบันการเงินก็คงคิดหนักที่จะปล่อยกู้ให้...**
** อนันตเดช พงษ์พันธุ์ **
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี