พรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองของทักษิณ ชินวัตร จะดำเนินต่อไปบนเวทีการเมืองไทยได้อย่างไรจะไปได้ตลอดรอดฝั่งจนได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง หรือจะพบกับการอวสานล่มสลายในเวลาอีกไม่เกิน 4-5 ปีนับจากวันนี้
ในยามนี้พรรคเพื่อไทยอยู่ในยุคตกต่ำสุดๆ จนอาจเรียกได้ว่าตกต่ำสุดขีดในหน้าประวัติศาสตร์แห่งพรรคการเมืองของทักษิณ โดยเฉพาะในวันที่ทักษิณแปรสภาพเป็นนักโทษ หลังจากที่เขาคนนี้พยายามหนีคุกไทยด้วยสารพัดเล่ห์เพทุบาย แต่สุดท้ายก็ต้องเข้าคุก แต่ถึงกระนั้น คอการเมืองไทยก็ยังวิพากษ์ว่าทักษิณตัดสินใจยอมเข้าคุก เพราะเชื่อว่าจะช่วยสร้างกระแสบวกทางการเมืองให้กับตนเองได้บ้าง แต่บ้างก็วิพากษ์ว่า เหตุที่ทักษิณยอมกลับมาติดคุกไทย ทั้งๆ ที่บินหนีไปดูไบแล้ว ก็เพราะยังเป็นห่วงอำนาจรัฐ และเป็นห่วงทรัพย์สมบัติของครอบครัวอยู่ อีกทั้งหากบินหนีไปในขณะที่ แพทองธาร ชินวัตร เพิ่งตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ก็ดูจะเป็นความเลวทรามของผู้เป็นพ่อมากจนเกินกว่าสังคมจะรับได้ เนื่องจากคอการเมืองไทยต่างรู้ดีว่า แพทองธาร ก้าวขึ้นไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ เพราะว่า ทักษิณ วางหมากการเมืองไว้ให้ ดังนั้น ในยามที่ลูกสาวกำลังเผชิญชะตากรรมแสนสาหัส ก็จึงจำเป็นที่พ่อซึ่งเป็นผู้บงการ ต้องกลับมาอยู่บนผืนแผ่นดินไทยกับลูกสาว
ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยในยามนี้ตกอยู่ในสภาวการณ์สุดระส่ำ แม้นายหญิงใหญ่แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้าจะไปที่พรรคเพื่อไทยแล้วกล่าววาจาว่า“สู้ สู้นะคะ” ขอบอกว่าคำพูดเพียงเท่านี้จาก
นายหญิงใหญ่ฯ ไม่อาจสามารถทำให้ขวัญและกำลังใจของพลพรรคเพื่อไทยกลับมาดีได้ดังเดิม เพราะต่างคนต่างหวาดหวั่น และไม่รู้ชะตากรรมชีวิตทางการเมืองของตนหากจะอยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อไป เพราะฉะนั้นจึงเกิดปรากฏการณ์คนเพื่อไทยไหลทะลักไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย และพรรคกล้าธรรม เป็นจำนวนมิใช่น้อย ส่วนบ้านใหญ่เจ้าของพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ ที่เคยเป็นพลพรรคของเพื่อไทยก็แปรพักตร์ ทยอยตีตัวออกห่างจากเพื่อไทยทีละบ้านๆ จนปัจจุบันเหลือบ้านใหญ่อยู่กับเพื่อไทยไม่มากเหมือนเดิม แต่ที่น่าสังเกตยิ่งกว่าคือ สมศักดิ์ เทพสุทิน ผู้ไม่นิยมการเป็นฝ่ายค้านจะยังอยู่กับเพื่อไทยหรือไม่
วันนี้ ในยามที่พรรคเพื่อไทยตกต่ำ แต่ทักษิณยังมีลมหายใจ แล้วที่สำคัญคือ นายหญิงใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้าก็ยังมีอิทธิฤทธิ์ นั่นหมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ถูกปล่อยทิ้งให้แห้งเหี่ยวตายโดยง่าย แต่คำถามคือแล้วจะทำอย่างไรให้พรรคเพื่อไทยฟื้นคืนชีพแล้วกลับไปยิ่งใหญ่เหมือนยุคพรรคไทยรักไทย ตอบว่า เรื่องนี้ยากมากที่สุด และไม่น่าจะมีวันเป็นไปได้ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับว่าเจ้าของพรรคเพื่อไทยไม่ยอมให้พรรคฯ ดับสลายไปในยามที่ตนเองยังมีลมหายใจอยู่ เพราะฉะนั้น จึงต้องสร้างกลเม็ดขึ้นมาเพื่อชุบชีวิตพรรคฯ ให้จงได้
เพื่อให้พรรคเพื่อไทยกลับมาให้จงได้ จึงจำเป็นที่เจ้าของพรรคฯ ต้องใช้ทั้งเล่ห์ทั้งกลสารพัดชนิดชุบชีวิตพรรคฯ แต่คำถามคือจะส่งใครไปช่วยชุบชีวิต เพราะบัดนี้ แพทองธาร ก็หมดอนาคตทางการเมืองไปโดยเบ็ดเสร็จแล้ว ไม่มีวันหวนคืนไปกินตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป ดังนั้น จึงมีการโยนหินถามทางกันให้วุ่น อาทิ การเปิดชื่อ วราวุธ ศิลปอาชา แห่งพรรคชาติไทยพัฒนา ว่าจะเข้าไปมีชื่อผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสังกัดพรรคเพื่อไทย แต่ก็มีคำถามว่าวราวุธจะทิ้งพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นสมบัติการเมืองที่เตี่ยบรรหาร ศิลปอาชา สร้างไว้ให้ได้ลงคอหรือ แน่นอนว่าหากวราวุธอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนาต่อไป ก็ไม่ต้องหวังจะมีชื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วมั่นใจหรือว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคเพื่อไทยจริงๆ
อย่าลืมว่า วราวุธ ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของทักษิณ แม้จะสนิทกันค่อนข้างมากก็ตามเถอะ แต่ย้ำว่าไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของทักษิณ เพราะฉะนั้นวราวุธจึงไม่มีวันได้รับการยอมรับนับถือจากพลพรรคผู้มีทักษิณเป็นเจ้าลัทธิ
และที่สำคัญคือวราวุธต้องไม่ลืมว่ายังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของชินวัตรอยู่อีกหลายคนที่ทักษิณน่าจะต้องดึงเข้าไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยให้จงได้ เช่น ลูกเขยของทักษิณ (สามีของลูกสาวคนโต) และหลานชายของทักษิณ (ลูกของเจ้าแม่วังบัวบาน น้องสาวของทักษิณ) ทักษิณคงไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยมีนายกรัฐมนตรีเป็นคนนอกสายเลือด หากเขาสามารถเลือกได้ เขาไม่มีวันยอมให้คนนอกสายเลือดได้เป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคการเมืองของเขาอย่างแน่นอน
เฉลิมชัย ยอดมาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี