หากมีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำและมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมรวมทั้งเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ในวันแถลงปิดคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดเป็นจำเลยคนสำคัญเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมาขบวนการระบอบทักษิณก็คงไม่ถึงกับต้องระดมทั้งมวลชน แกนนำพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงมากันพร้อมหน้าเพื่อทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยด้านหนึ่งอ้างว่ามาเพื่อให้กำลังใจ แต่อีกด้านหนึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการแสดงพลังส่อเจตนากดดันศาล
ในการแถลงปิดคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ่านสคริปต์คำแถลงปิดคดีความยาว 19 หน้าโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงสลับบทดราม่าหลั่งน้ำตาเรียกคะแนนสงสารกลางศาลเหมือนที่ผ่านๆมา
โดยคำชี้แจงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คาดว่าร่างโดยทีมทนายความและมือกฏหมายพรรคเพื่อไทยถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นเหตุผลเดิมๆโดยสาระสำคัญของคำแถลงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยืนกรานกระต่ายขาเดียวอ้างว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดและไม่ได้ทุจริต พร้อมยืนยันโครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์เป็นนโยบายสาธารณะที่ช่วยชาวนาให้ลืมตาอ้าปากได้และไม่ได้ล้มเหลวอย่างที่ถูกกล่าวหา คดีนี้เกิดจากการกลั่นแกล้งโดยตัวเองตกเป็นเหยื่อจากเกมการเมืองที่ลึกซึ้ง ขณะเดียวกันก็ลอยตัวปัดความรับผิดชอบอ้างว่าตัวเองคุมเฉพาะระดับนโยบาย ส่วนภาคปฏิบัติเป็นเรื่องของรัฐมนตรีและคณะกรรมการที่ได้รับมอบหมาย จึงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการทุจริตและความเสียหายที่เกิดจากการรับจำนำข้าว
ในประเด็นที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่าไม่ได้ทุจริตเหมือนต้องการเบี่ยงเบนประเด็นสร้างความสับสนต่อสาธารณะ เพราะความจริงคดีนี้ไม่ได้ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในข้อหาทุจริต แต่ฟ้องในข้อหาฐานะนายกฯและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ของกฏหมายอาญาโดยปล่อยให้โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตโกงปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เบื้อต้นไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท ทั้งๆที่หลายฝ่ายได้เตือนหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กระทรวงการคลัง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือทีดีเอาร์ไอ หรือพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านขณะนั้น
ที่สำคัญแม้แต่ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตประธานทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เตือนหลายครั้งถึงขนาดเคยยื่นเอกสารคำเตือนกับมือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวเพราะจะเปิดช่องให้มีการทุจริตมโหฬารและทำให้การคลังตลอดจนวงจรข้าวของประเทศพินาศทั้งระบบ นอกจากนี้ ดร.วีรพงษ์ ยังให้สัมภาษณ์สื่อถึงกับเตือนว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะพังเพราะโครงการรับจำนำข้าว แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ภายใต้การบงการของพี่ชายเมินคำเตือนทั้งหลายโดยเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวท่ามกลางข่าวการทุจริต และทั้งๆที่มีชาวนาฆ่าตัวตายกว่า 10 ราย ขณะที่ชาวนาทั่วประเทศลุกฮือออกมาประท้วงเนื่องจากรัฐบาลถังแตกเงินหมดหน้าตักจากการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดในราคาสูงกว่าราคาตลาดถึงเท่าตัวทำให้ค้างค่าจำนำข้าวชาวนานานข้ามปี
ส่วนที่อ้างว่าโครงการรับจำนำข้าวทำให้ชาวนาลืมตาอ้างปากได้นั้นพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าโครงการรับจำนำข้าวเหมือนน้ำหวานอาบยาพิษโดยเป็นโครงการประชานิยมที่ถูกตั้งข้อสังเกตุว่าออกแบบมาเพื่อทุจริตและมอมเมาเรียกคะแนนนิยมจากชาวนานแบบฉาบฉวย โดยหลังฉากแฝงด้วยการทุจริตมโหฬารโดยเงินส่วนน้อยถึงมือชาวนา แต่เงินส่วนใหญ่ถูกทุจริตสร้างความร่ำรวยให้ผู้มีอำนาจและพ่อค้าโรงสีเพียงหยิบมือเดียว ซึ่งหลายฝ่ายประเมินว่าหากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ถูกยึดอำนาจและยังเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวต่อไปต่อไปการคลังและวงจรข้าวของประเทศทั้งระบบจะพังทลายอย่างแน่นอน
สำหรับข้ออ้างของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ว่าคดีโครงการรับจำนำข้าวเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองถึงกับใช้วาทะกรรมว่าตัวเองเป็นเหยื่อเกมการเมืองที่ลึกซึ้งเป็นการส่อเจตนากลบเกลื่อนความรับผิดชอบและสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองในการดิ้นรนเอาตัวรอดในคดีโครงการรับจำนำข้าวที่สวนทางกับข้อเท็จจริง เพราะคดีโครงการรับจำนำข้าวมีฟ้องร้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมาตั้งแต่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ครองอำนาจ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมาตั้งแต่ต้นโดยการแต่งตั้งพยานฝ่ายจำเลยเข้าชี้แจงทั้งต่อป.ป.ช.และศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งเปิดโอกาสให้คู่กรณีทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยได้ชี้แจงข้อมูลเหตุผลอย่างยุติธรรม แต่พอมาถึงบทสรุปที่กำลังจะมีการชี้ชะตาโดยศาลในวันที่ 25 ส.ค. กลับอ้างว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองซึ่งนอกจากเป็นการปลุกกระแสมวลชนให้ออกมาปกป้องตัวเองแล้ว ยังอาจเป็นข้ออ้างปูทางไปสู่การขอลี้ภัยทางการเมืองหลบหนีโทษความผิดในอนาคตด้วย
ส่วนประเด็นที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่าตัวเองคุมเฉพาะนโยบายพร้อมทั้งโยนความรับผิดชอบไปให้บรรดารัฐมนตรีและคณะกรรมการชุดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว
แต่ขณะเดียวกันกลับอ้างผลงานความสำเร็จของตัวเองที่ผลักดันโครงการรับจำนำข้าวที่ทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ถือเป็นการชี้แจงที่ขัดแย้งในตัวเองโดยหากเป็นเรื่องการทุจริตหรือความเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าวก็ปัดความรับผิดชอบโยนให้คนอื่น แต่หากเป็นภาพผลงานที่ตัวเองได้คะแนนนิยมจากชาวนาก็จะอ้างว่าเป็นผลงานของตัวเองและรัฐบาล
ข้อน่าสังเกตุอีกประการหนึ่งก็คือ ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวโดยเฉพาะคดีทุจริตการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีเก๊ที่มี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์และพวกรวม 28 คนถูกดำเนินคดี แต่ในช่วงที่
น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งเก้าอี้นายกฯกลับออกมาปกป้อง นายบุญทรง ตลอดเวลาโดยรับประกันว่ามีการซื้อขายข้าวจีทูจีกับรัฐบาลจริง ซึ่งในเวลาต่อมานายกรัฐมนตรีของจีนและทางการจีนได้ออกมายืนยันว่าไม่ได้มีการซื้อข้าวจีทูจีจากไทย
ดราม่าการแถลงปิดคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผ่านพ้นไปแล้ว ประเด็นสำคัญอยู่ที่ข้อเท็จจริงและกฏแห่งกรรมซึ่งศาลจะเป็นผู้ชี้ขาดหลังจากได้ฟังคำชี้แจงจากคู่กรณีอย่างรอบด้านแล้ว และสำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์เมื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ผิดและมั่นใจในความบริสุทธิ์ก็ไม่ควรแสดงอาการวิตกจริตโดยต้องเคารพยอมรับคำตัดสินของศาลด้วยความสงบและสง่ามงามไม่ใช่ส่อเจตนาใช้กฏหมู่และเกมการเมืองกดดันศาลและสร้างความสับสนอย่างที่เป็นอยู่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี