ก่อนที่จะลงมือเขียนคอลัมน์อาทิตย์นี้ ใช้เวลาตัดสินใจนานมากว่าควรจะเตือนตรงๆ หรือไม่ เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองไทยมักนิยมส่งลูกหลานมาเรียนในอเมริกา จนกลายเป็นค่านิยมไปแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าโรงเรียนในอเมริกาไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยอีกต่อไป ไม่มีใครรู้ว่าลูกหลานสุดที่รักของเราจะโดนพิษความบ้าคลั่งปลิดชีวิตเอานาทีไหน
แม้ตอนนี้บ้านลุงแซมจะระอุอ้าวไปด้วยอุณหภูมิทางการเมืองระหว่างประเทศ เพราะตาลุงผมเป๋แกคำรามใส่พญามังกร ทั้งเกรียนทั้งกร้าวแบบไม่ไว้หน้า สร้างความเดือดร้อนแก่ภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมอเมริกันอย่างหนัก ยกตัวอย่างง่ายๆ ในเมืองที่ผู้เขียนอาศัยอยู่เป็นโซนปลูกถั่วเหลือง ซึ่งจีนเป็นลูกค้าใหญ่ซื้อถั่วเหลืองจากอเมริกา ตอนนี้เมื่อความสัมพันธ์ทางการค้าสะบั้นลง ชาวไร่ถั่วเหลืองในรัฐอินเดียน่าแทบผูกคอตาย
อย่านึกว่าความแสบแบบลุงทรัมป์จะทำให้เฮียสีแกหงอ ตรงกันข้าม อาเฮียแผดเสียงใส่ไอ้นกอินทรีหัวล้านอย่างไม่ลดราวาศอก ทำเอาชาวโลกหายใจไม่ทั่วท้องไปตามกัน เพราะทั้งสองฝ่ายพร้อมจะเล่นเกมแรงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตน
แม้ประเด็นอเมริกา-จีนจะเป็นข่าวที่โลกให้ความสนใจ แต่ข่าวในประเทศที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟังอาทิตย์นี้ น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ปกครองไทยที่คิดจะส่งลูกหลานไปเรียนต่อในอเมริกา นั่นคือข่าวที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ แต่เกี่ยวโยงไปถึงความปลอดภัยในชีวิตขั้นพื้นฐานของทุกคนในบ้านลุงแซม
อาทิตย์ที่ผ่านมา นักเรียนชาย 2 คนบุกเข้าไปกราดยิงในโรงเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรัฐโคโลราโดแบบไม่มีสาเหตุและแรงจูงใจ ทำให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บอีก 7 คน ก่อนที่จะถูกตำรวจจับกุมทั้งคู่
เหตุร้ายหนนี้เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ ไม่ไกลจากเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด นักเรียนที่เสียชีวิตอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้นเอง พ่อของเด็กที่เสียชีวิตให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำตาว่า ลูกชายของตนถูกยิงสามนัดซ้อน ทั้งที่ไม่เคยมีความขัดแย้งใดๆ กับมือปืน นักเรียนคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า นักเรียนชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องเรียนแล้วชักปืนพกออกมาจากกระเป๋าใส่กีตาร์กราดยิงใส่เพื่อนร่วมชั้น ส่วนนักเรียนมือปืนอีกคนอยู่ภายในห้องเรียนก่อนหน้านี้แล้ว
น่าแปลกคือความรุนแรงจากอาวุธปืนครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นไม่ถึงเดือนหลังวันครบรอบ 20 ปีเหตุกราดยิงโรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโรงเรียนที่เกิดเหตุเพียง 8 กิโลเมตร โดยในปี ค.ศ. 1999 นักเรียน 2 คนใช้ปืนกราดยิงคนตาย 13 ศพก่อนจะปลิดชีพตัวเองตาม จนกลายเป็นหนึ่งในเหตุกราดยิงสถานศึกษาครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา
รัฐโคโลราโดเคยเกิดเหตุกราดยิงสังหารหมู่มาแล้วหลายหน นอกจากเหตุการณ์ที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์เคยเกิดเหตุมือปืนรายหนึ่งบุกเข้าไปสังหารหมู่ในโรงภาพยนตร์ที่กำลังฉายเรื่องแบทแมน “The Dark Knight Rises” ในเมืองออโรราเมื่อปี ค.ศ. 2012 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 12 คน และบาดเจ็บอีกเพียบ ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือสถิติการกราดยิงในโรงเรียนตั้งแต่ต้นปี ค.ศ.2019 คือปีนี้ เพียงแค่สี่เดือนกว่าๆ หรือ 19 สัปดาห์ เกิดขึ้นถึง 15 ครั้งแล้ว นี่ยังไม่นับการกราดยิงในที่สถานที่สาธารณะอื่นๆ ที่ไม่ใช่สถานศึกษา ขอเขียนถึงเฉพาะในกรณีที่เกิดขึ้นในสถานศึกษาเท่านั้น ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นน่าตกใจมากเพราะเกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกระดับการศึกษา ตั้งแต่โรงเรียนประถมไปยันมหาวิทยาลัย
ประเดิมต้นปี ค.ศ.2019 วันที่ 7 มกราคม เกิดการกราดยิงในโรงเรียนมัธยมที่เมืองเบลมองต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย นั่นคือหนแรก และมีผู้บาดเจ็บเป็นนักเรียนวัย 17 ปี
ยังไม่ทันข้ามเดือน ก็เกิดเหตุกราดยิงอีกแล้วในวันที่ 25 มกราคม ที่โรงเรียนมัธยม เมืองโมบิลล์ รัฐแอลาบาม่า เด็กหนุ่มสองคนคนอายุ 17 และ20 ปีเป็นผู้ก่อเหตุร้ายครั้งนี้ หนึ่งในสองมือปืนเป็นนักเรียนในโรงเรียนนั้น
ชั่วเวลาเพียงแค่เดือนเดียว คือมกราคม เกิดเหตุกราดยิงอีกครั้ง ครั้งที่สามเกิดขึ้นในรัฐจอร์เจีย เหตุเกิดที่โรงเรียนมัธยมมิลเลอร์โกรฟ ส่วนครั้งที่สี่เกิดขึ้นเมื่อวันที 31 มกราคมในเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี่ นักเรียนวัยเพียง 14 ปีถูกยิงในโรงเรียนที่เรียนอยู่
ในวันเดียวกันคือวันที่ 31 มกราคม เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนมัธยมอีกแห่งที่เมืองฮัมเบิล รัฐเท็กซัส นักเรียนวัย 17 ปียิงเพื่อนนักเรียนวัย 16 ปีโรงเรียนเดียวกัน
พอย่างเข้าสู่เดือนที่สองของปี วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เกิดเหตุกราดยิงที่โรงเรียนมัธยมเฟรดริกดักกลาสในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมรี่แลนด์ หนนี้ไม่ได้เกิดจากนักเรียน แต่เกิดจากชายวัย 25 ปีเดินดุ่มๆ เข้าไปในโรงเรียนแล้วสาดกระสุนใส่
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ต้อนรับวันวาเลนไทน์ นักเรียนหญิงวัย 15 ปีถูกยิงในเมืองแคนซัสซิตี้ รัฐมิสซูรี่ ระหว่างการแข่งขันบาสเก็ตบอล ส่วนมือปืนก็อายุยังน้อยคืออายุ 18 และ 21 ปี
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ นักเรียนวัย 17 ปีโรงเรียนมัธยมโรเบิร์ต อี.ลีในเมืองมอนโกเมอรี่ รัฐแอละบาม่า ถูกยิงแขน ขณะกำลังออกกำลังกายในโรงยิมของโรงเรียน ตำรวจยังไม่ระบุนามผู้ต้องสงสัย แค่คาดว่าเป็นนักเรียนในโรงเรียนนั่นเอง
ในเดือนมีนาคมเกิดเหตุร้ายซ้ำอีก แต่คราวนี้เกิดในมหาวิทยาลัยแกรมบลิงสเตท ในรัฐหลุยส์เซียน่า วันที่ 27 เดือนเดียวกัน เกิดขึ้นในโรงเรียนประถมที่เมืองโฮล์มส์ รัฐมิสซิสซิปปี นักเรียนชั้นประถมวัยเพียงแค่ 10 ขวบ ถูกกระสุนปริศนายิง ขณะที่นั่งรถโรงเรียนกลับบ้าน
เดือนเมษายนเกิดเหตุยิงกันในโรงเรียน ประเดิมตั้งแต่วันแรกของเดือนเลยทีเดียวที่โรงเรียนมัธยมพรีคอตต์ เมืองพรีคอตต์ รัฐแคนซัส เด็กชั้นเกรดแปดซึ่งอายุประมาณ 13 ปียิงเพื่อนนักเรียนวัยเดียวกันในโรงเรียนบนทางเท้าในโรงเรียน
ส่งท้ายเดือนเมษายนด้วยการที่ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลน่าในเมืองชาร์ล็อตต์ รัฐนอร์ธแคโรไลน่า แล้วกราดยิงจนมีผู้เสียชีวิตสองคนและบาดเจ็บอีกสี่คน ซึ่งมือปืนเคยเป็นศิษย์เก่าที่นี่มาก่อน
เริ่มต้นเดือนพฤษภาคมด้วยน้ำตา วันที่ 4 พฤษภาคม ชายวัย 21 ปีถูกยิงเสียชีวิตบริเวณมหาวิทยาลัยโอเรกอน
วันที่ 7 พฤษภาคมเกิดการกราดยิงในโรงเรียนสเต็มในเมืองไฮท์แลนด์ เรนจ์ รัฐโอเรกอน ที่เขียนถึงในตอนต้นคอลัมน์นี้ แต่ในวันเดียวกันก็เกิดเหตุร้ายที่เมืองซาวันน่า รัฐจอร์เจีย นักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ถูกยิงในมหาวิทยาลัย ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเกิดจากอะไรและอะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้มือปืนลงมือ ในตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมจากทางมหาวิทยาลัย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 15 หนใน 19 สัปดาห์ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา สำหรับผู้เขียนแล้วนี่คือดัชนีวัดความไม่ปกติสุขในสังคมประการหนึ่ง ยิ่งตอนนี้โรคหัดระบาดไปทั่วอเมริกาทำให้ยิ่งเพิ่งความเข้มงวดกับผู้คนที่เดินทางมาจากประเทศโลกที่สามที่มีประวัติการแพร่กระจายของโรคหัด รวมถึงประเทศไทยด้วย การมาเรียนต่อที่นี่อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเหมือนสมัยก่อนอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งไม่มีอะไรรับประกันว่าลูกหลานเราจะปลอดภัยในบ้านลุงแซม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี