ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านการสื่อสารโทรคมนาคมพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่อย่าลืมว่าเทคโนโลยีล้ำสมัยเหมือนดาบสองคม ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้อย่างเรื่อง Starlink สุดยอดดาวเทียมของพ่อยอดชายนายอีลอน มัสก์ที่ชาวโลกกำลังถกเถียงกันว่าดาวเทียมอลังการงานสร้างบริษัทนี้ให้คุณหรือให้โทษกันแน่
อินเตอร์เนตที่ใช้อยู่ในไทยเป็นระบบใยแก้วนำแสงเชื่อมใต้สมุทรแต่ระบบอินเตอร์เนตที่ว่ายังมีจุดอ่อนเพราะไม่สามารถให้บริการทั่วถึงในพื้นที่ห่างไกล อีลอน มัสก์มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัท SpaceX ผลิตดาวเทียม Starlinkเพื่อให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงจากดาวเทียมไปสู่ทุกหนแห่งในโลกเริ่มต้นในปี 2015 ปัจจุบันให้บริการอย่างเป็นทางการมากกว่า 40ประเทศ
การใช้ Starlink นี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกขอเพียงมีชุดอุปกรณ์รับสัญญาณ หรือ Starlink Kitซึ่งเป็นจานขนาดถาดพิซซ่า เราเตอร์ และจ่ายค่าบริการราว 100ดอลลาร์หรือประมาณ 3500 บาทก็สามารถใช้อินเตอร์เน็ตจากดาวเทียมได้แล้วโดยไม่ต้องติดตั้งอะไรให้ยุ่งยาก
Starlink กลายเป็นความจำเป็นในพื้นที่สงครามตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การใช้ Starlink ในสงครามยูเครน-รัสเซียรัสเซียโจมตีสถานีอินเตอร์เน็ตหลัก ทำให้ยูเครนขออินเตอร์เน็ตดาวเทียม Starlink จากอีลอน มัสก์ เล่นเอาพี่หมีขาวรัสเซียเต้นผางเพราะการที่ยูเครนใช้ Starlink นั้นถือเป็นการพลิกเกมเลยทีเดียว
แม้ดูเหมือนว่ามีประโยชน์มากมาย แต่ประเด็นการใช้ Starlink ยังเป็นปัญหาในหลายประเทศ เพราะ Starlinkมีด้านมืดให้อาชญากรนำไปใช้ประโยชน์ได้ เอ็มมา ชอร์ทิสนักวิเคราะห์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสถาบัน The Australia Institute กล่าวว่าหากตกอยู่ในมืออาชญากรข้ามชาตินับเป็นเรื่องน่ากังวลที่สุดเพราะกลุ่มก่อการร้ายสามารถใช้งานโดยไม่มีการควบคุมใดๆไม่มีการรับผิดชอบว่าใครสามารถเข้าถึงได้
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แม้แต่ในอเมริกาก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ แม็กกี้ ฮัสซัน สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครต เรียกร้องอีลอน มัสก์ออกมาตรการป้องกัน ไม่ให้องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติใช้ Starlinkหลังพบว่ามีการนำไปใช้หลอกลวงชาวอเมริกันโดยระบุชัดเจนว่ามีแหล่งก่ออาชญากรรมแถวประเทศเพื่อนบ้านเรานี่เอง
ในจดหมายที่ส่งถึงอีลอนมัสก์บรรยายว่า เครือข่ายฉ้อโกงทางโทรคมนาคมอยู่ในเมียนมา ไทยกัมพูชาและลาว ซึ่งในปัจจุบันยังคงใช้ Starlinkแม้กฎการให้บริการอนุญาตให้ SpaceX ยกเลิกการเข้าถึงได้หากถูกนำไปใช้เพื่อหลอกลวง
ในส่วนของเมียนมานั้น นับตั้งแต่การรัฐประหาร 2021 รัฐบาลเมียนมาตัดอินเทอร์เน็ตมากกว่า 300 ครั้งทั่วประเทศชาวบ้านเลยหันมาใช้ Starlink แทน แม้จะผิดกฎหมายก็ตาม อุปกรณ์Starlink เกลื่อนเมืองเคเคพาร์ค จ.เมียวดี ซึ่งเมืองนี้อยู่ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ไปจนถึงตึกกาสิโนในเมืองพญาตองซู จ.จะอินเซ็กจี ตรงข้าม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี รวมทั้งเมืองไท่ชาง ตรงข้าม ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก แม้ว่าไทยตัดอินเตอร์เน็ตเพื่อปราบปรามขบวนการอาชญากรรมออนไลน์ในเมียนมา แต่เมื่อใช้ Starlinkกลุ่มสแกมเมอร์ชายแดนก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโครงข่ายสัญญาณจากฝั่งไทยอีกต่อไป
ตั้งแต่เดือน มี.ค.-มิ.ย.67 ไทยตรวจยึดอุปกรณ์ Starlink ได้เกือบ 200 เครื่อง องค์กร International Justice Mission (IJM) ซึ่งเป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนของอเมริกาที่ต่อต้านการค้ามนุษย์ เปิดเผยว่าในเมืองเมียวดีและบริเวณใกล้เคียงใช้อุปกรณ์ Starlink มากถึง 2,492 เครื่อง เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน Jacob Sims นักวิจัยประจำ Harvard Asia Center ผู้เชี่ยวชาญด้านขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบุว่าตอนนี้อาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติพึ่งพา Starlink เป็นโครงข่ายหลัก
หันไปมองเพื่อนบ้านอีกด้านอย่างกัมพูชา ที่เปิดทางให้ผู้แทนบริษัท SpaceX-Starlink ของอีลอน มัสก์ เข้าพบนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ต้นปี 2025 เพื่อให้กัมพูชาเป็น 1 ในประเทศเป้าหมายการลงทุนของ SpaceXในปี 2025 แม้จะยังไม่มีใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ แต่บริษัท Kiriposในท้องถิ่นได้นำเข้าอุปกรณ์ Starlink เพื่อจำหน่ายแก่ผู้สนใจ
ไม่ใช่แต่สแกมเมอร์ในเมียนมาที่ใช้ Starlink บรรดามิจฉาชีพฝั่งกัมพูชาก็ใช้ Starlink กันฉ่ำดูทรงแล้วน่ากังวลกว่าฝั่งเมียนมาเสียอีก เรื่องนี้มีที่มาที่ไปคงต้องอธิบายละเอียด เพราะสำคัญมากต่อชาติบ้านเมืองกัมพูชาชงแนวคิดชาตินิยมขึ้นมาเพื่อสร้างศัตรูแห่งชาติในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวให้พลเมืองแนวคิดนี้คือเครื่องมือทางการเมืองสำคัญในกัมพูชาโดยเฉพาะนำมาใช้ในการช่วงชิงอำนาจระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้านมาหลายทศวรรษ
หากสืบสาวราวเรื่องในอดีตจะพบว่าไม่ใช่รัฐบาลตระกูลฮุนหรอกที่ใช้แนวคิดชาตินิยมมากลบกลิ่นฉาวโฉ่ สารตั้งต้นมาจากสม รังสีอดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่ลี้ภัยในฝรั่งเศสที่ต้องเผ่นหนีเพราะอาจได้นอนคุยกับรากมะม่วงถ้ายังอยู่ในกัมพูชาหมอนี่คือหอกข้างแคร่ที่คอยทิ่มตำทั้งไทยและรัฐบาลฮุนเซนรายนี้พยายามปลุกกระแสชาตินิยมโดยสร้างภาพประเทศไทยเป็นศัตรูเป้าหมายทางการเมืองสูงสุดคือการโค่นล้มอำนาจตระกูลฮุน
สม รังสี นั้นโปรอเมริกากับฝรั่งเศสสุดๆไม่น่าแปลกใจเพราะเรียนจบจากฝรั่งเศสทำตัวเหมือนหมาน้อยกระดิกหางให้ฝรั่งจนประเทศมหาอำนาจเก็บไว้เป็นเบี้ยหมากอีกตัวไว้เดินเกมการเมืองบนกระดานอาเซียน เดือนก่อนยังโพสต์ในสื่อออนไลน์ว่าถ้ากัมพูชาเข้าร่วมอเมริกาและยุโรปเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ประเทศเพื่อนบ้านจะเคารพอํานาจอธิปไตยของเรา แถมเมื่อวันที่ 3สิงหาคมที่ผ่านมา สม รังสี โพสต์ว่าอยากให้อเมริกาและยุโรปช่วยรักษาเศรษฐกิจและปกป้องอธิปไตยของกัมพูชาในระยะยาว อ่านแล้วคุ้นๆ ไหมล่ะกับบทโปรตะวันตกแนวนี้
แม้ว่าในปัจจุบัน สม รังสี ลี้ภัยไปอยู่ฝรั่งเศสแต่ยังเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดโดยเฉพาะการใช้พื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ ช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา สม รังสี จุดชนวนกระแสรักชาติขึ้นมาโดยใช้ประเด็น “เกาะกูด”เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมใส่รัฐบาลกัมพูชาชุดใหม่ที่นำโดยฮุน มาเน็ต
สม รังสี นี่แหละคือตัวแสบอยู่เบื้องหลังในการเดินเกมจัดประท้วงในหลายประเทศตะวันตกที่มีกัมพูชาพลัดถิ่นอาศัยอยู่ เช่น เกาหลีใต้ อเมริกา และญี่ปุ่นเรียกร้องรัฐบาลเร่งอ้างสิทธิ์เหนือเกาะกูดอย่างเป็นทางการหรือยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)พร้อมอ้างว่าไทยละเมิดข้อตกลงบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี พ.ศ. 2544ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำเขตแดนทางทะเลทั้งหมดนี้เพียงหวังสั่นคลอนความเชื่อมั่นรัฐบาลฮุน มาเน็ตจากนั้นก็พุ่งเป้าโจมตีประเด็นผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อโค่นล้มอำนาจของตระกูลฮุน
จะว่าไปฝ่ายค้านเขมรนี่น่ากลัวไม่ยิ่งหย่อนกว่ารัฐบาลตระกูลฮุนเลยด้วยซ้ำแนวคิดในการปลูกฝังล้างสมองคนกัมพูชาว่าไทยคือศัตรูแห่งชาติไม่แตกต่างไปจากตระกูลฮุน ในอดีตเกิดกระแสชาตินิยมต่อต้านเวียดนามปี พ.ศ.2552 เพราะมีประเด็นขัดแย้งเรื่องเขตแดนกับเวียตนามเวลานั้นกัมพูชามองว่าเวียดนามเป็นภัยคุกคาม ซึ่งสม รังสีเป็นคนปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อให้ตัวเองได้รับความนิยม
ย้อนอดีตการเมืองกัมพูชาจะเห็นว่าไอ้พรรคฝ่ายค้านที่นำโดยสมรังสีนี่แหละที่แหกปากปลุกกระแสเรียกร้องให้ไทยคืนเกาะกูดให้เขมร โดยอ้างว่าเกาะกูดเป็นของเขมรมานานแล้ว แต่ไทยแย่งเอาไป
มาหนนี้เริ่มปลุกระดมหาแสงหาเสียงอีกแล้วโดยถีบไทยให้กลายเป็นศัตรูแห่งชาติตอนแรกรัฐบาลตระกูลฮุนเมินเฉยต่อการปลุกกระแสนี้จากฝั่งฝ่ายค้านทางสม รังสี ไม่อยู่เฉย โยนข้อหาใส่ว่ารัฐบาลตระกูลฮุนขายชาติโดนฝ่ายค้านด่าหนักเข้า สุดท้ายรัฐบาลตระกูลฮุนก็กลับลำถล่มไทยด้วยการปลุกกระแสชาตินิยม (ด้วยข้อมูลเท็จ) ผ่านสื่อต่างๆที่ตระกูลฮุนคุมไว้ในมือและสื่อออนไลน์ว่าไทยคือศัตรูอันดับหนึ่งที่รุกรานกัมพูชาตลอดเวลา
พอกระแสเรียกร้องเกาะกูดจางไป ต้องหากระแสใหม่มาเล่นงานเกิดกระแสชาตินิยมอีกหนด้วยการเรียกร้องปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายแทนฮุนเซนใช้ลูกไม้นี้เล่นเอา สม รังสีถึงกับเงิบ ถูกชิงดำแย่งความสนใจจากฐานเสียงดื้อๆเพราะตนเองนั้นเล่นกระแสชาตินิยมประเด็นเกาะกูดอยู่
รัฐบาลตระกูลฮุนงานเข้าเลยต้องเล่นตามน้ำโจมตีไทยทุกรูปแบบ แถมฟูมฟายสร้างประเด็นโกหกหลอกชาวโลกรายวัน สุดท้ายสะบัดตูดออกจากใต้ตีนพญามังกรไปซุกใต้ปีกไอ้นกอินทรีหัวล้านแทน อวยยศลุงทรัมป์จนฉ่ำ แถมอ้อนฝรั่งเศส เจ้าอาณานิคมเก่ารัวๆเลยทำให้ สม รังสีเงิบรอบสองเพราะตัวเองนั้นเป็นฝ่ายโปรตะวันตกมานาน อยู่ๆรัฐบาลตระกูลฮุนเกิดอยากเล่นบทโปรตะวันตกเสียอย่างงั้น หมากเกมนี้สมใจนึกวอชิงตันยิ่งนักเพราะอยากได้กัมพูชามาถ่วงดุลอำนาจเฮียสีพอดี ชาติตะวันตกต่างจ้องทรัพยากรธรรมชาติใต้เกาะกูดตาเป็นมันเพราะเต็มไปแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติบริษัทน้ำมันข้ามชาติล้วนอยากมาลงทุนทั้งนั้น
ประเด็นหลักอีกอย่างที่สม รังสี ฟาดใส่ฮุนเซนคือเรื่องธุรกิจสีเทาย่านชายแดนไทย-กัมพูชาโดยป่าวประกาศว่ารายได้ของอาชญากรในกัมพูชา อยู่ที่ 19,000ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี นั่นคือเค้กก้อนใหญ่ที่หวานหอม อย่าคิดว่า สมรังสีจะห่วงใยประชาชน ก็แค่อยากแย่งเค้กมากินบ้างนั่นแหละ
แล้วลองคิดดูว่าหากบรรดามิจฉาชีพสแกมเมอร์ในกัมพูชาใช้ Starlink อย่างเสรี แน่นอนว่าการโจมตีไทยคงหนักหน่วงและรุนแรงขึ้นแถมจับมือใครดมไม่ได้อีกต่างหาก เรื่องนี้แม้แต่ทางกองทัพภาคที่ 2ยังแจ้งเตือนหน่วยงานราชการของไทยเตรียมรับมือสงครามไซเบอร์จากกัมพูชากลุ่มแฮกเกอร์ที่มีต้นทางจากกัมพูชามุ่งโจมตีระบบสารสนเทศของหน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศไทย ทั้งภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนซึ่งส่งผลอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของประเทศยิ่งมีชาติตะวันตกหนุนหลังเต็มคาราเบลด้วยแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกห่วงเกาะกูดและพื้นที่ชายแดนทั้งหลายอย่าคิดว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้ เคยเกิดมาแล้วในกรณีเขาพระวิหารชาติตะวันตกหนุนหลังเขมรจนไม่สนใจหลักการใดๆหรือย้อนยุคไปช่วงที่กัมพูชาเป็นอาณานิคมฝรั่งเศสยิ่งหนักหนาสาหัสเราจำใจเฉือนแผ่นดินบางส่วนเพื่อแลกกับการไม่ต้องทำสงครามกับมหาอำนาจ นั่นคือความเจ็บช้ำน้ำใจในหัวใจคนไทยมาจนทุกวันนี้
ประเด็นที่หลายชาติกังวล ซึ่งน่านำมาขบคิดต่อยอดคือ Starlinkคือความหวังใหม่หรือภัยความมั่นคง?
จีนไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆกระทรวงกลาโหมจีนประกาศว่ากองทัพจีนพร้อมทำลายดาวเทียม Starlinkหากพิสูจน์ได้ว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติเช่นเดียวกับอิหร่านที่ประกาศปังดังลั่นโลกว่า ห้ามใช้ Starlink เด็ดขาดไม่งั้นเจอหนัก ทั้งจำคุก ปรับ และเฆี่ยน เรียกว่าจัดหนักทุกทาง
จะว่าไปแล้ว Starlink เป็นเทคโนโลยีที่มีทั้งแง่บวกและลบการถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงเพราะมีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มก่อการร้ายนำไปใช้ก่ออาชญากรรมข้ามชาติ
การนำ Starlink มาใช้ในบ้านเรามีความน่ากังวลหลายเรื่อง เช่น เรื่องการควบคุมข้อมูล เพราะบริษัทผู้ให้บริการคือสเปซเอ็กซ์ของอเมริกาทำให้เกิดความกังวลเรื่องข้อมูลลับต่างๆ อาจถูกรัฐบาลอเมริกานำไปใช้หากเกิดข้อขัดแย้งระหว่างกันในอนาคตไทยอาจตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบด้านข้อมูลได้นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านความเสี่ยง หากพึ่งพา Starlink มากเกินไปเมื่อบริษัทปิดระบบหรือจำกัดการใช้งาน อาจทำให้เกิดความเสียหายได้
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ หากระบบถูกแฮคข้อมูลภายในของประเทศต่างๆ รั่วไหลหรือมีการล้วงความลับข้อมูลทางการทหารในพื้นที่สงครามหรือนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการก่อวินาศกรรมการใช้บริการบริษัทต่างชาติอาจมีผลกระทบต่อโครงสร้างการสื่อสารพื้นฐาน ทำให้ผู้ให้บริการในประเทศไม่สามารถแข่งขันได้ทั้งหมดนี้นับเป็นภัยคุกคามที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี