คำถามของผู้ที่สนใจความเป็นไปของบ้านเมืองในช่วงนี้ก็คือ บ้านเมืองจะไปในทิศทางไหน จะเป็นยังไง ?
คำถามนั้นอาจจะเกิดขึ้นจากที่เห็นเหตุการณ์บ้านเมือง เริ่มจากเห็นฝ่ายรัฐบาล เห็นฝ่ายค้านที่มีเสียงก้ำกึ่ง ฝ่ายรัฐบาลต้องเฝ้าระวังจะเพลี่ยงพล้ำในสภา และก็แพ้โหวตให้เห็นมาแล้วในบางเรื่อง ต้องประชุมขอนับคะแนนใหม่ ต้องทะเลาะกันหลายยก ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ
ล่าสุด ร่าง พรบ. งบประมาณแผ่นดินที่เพิ่งจะผ่านวาระ 3 มี ส.ส. ที่ไม่อยู่ในที่ประชุมกลับมีชื่อเสียบบัตรลงมติ
คนที่เปิดเผยเรื่องนี้ มิใช่ ส.ส. แต่เป็นนักการเมืองคนสำคัญในพรรคร่วมรัฐบาล
ยุ่งซีครับ
ลำพังความขัดแย้งของส.ส ในคณะกรรมาธิการบางคณะ ก็เป็นปัญหาในการทำงาน เป็นที่น่ารำคาญของประชาชนขึ้นมาอีก
การเสียบบัตรแทนกัน รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม บอกว่าไม่มีปัญหา ?
เคยได้ยิน รองนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อวิษณุ เครืองาม มีปัญหา หรือเห็นอะไรที่เป็นปัญหาบ้างไหม คนที่สามารถเป็น เลขาธิการให้ นายกรัฐมนตรีมาแล้วหลายคน เป็นรองนายกรัฐมนตรี ให้กับนายกรัฐมนตรี ชนิดที่เรียกว่า อยู่กันคนละขั้ว จะมีปัญหาอะไรเล่าครับ
ถ้าเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญก็ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ข้อเท็จจริงจะเป็นประการใดก็ตรวจสอบก่อน เป็นปัญหากับงบประมาณไหม งบประมาณก็ต้องล่าช้า
นี่ไม่ได้เป็นปัญหากับ มือกฎหมายของรัฐบาลนี้ หรือหลายๆรัฐบาลที่ผ่านมาเลย
จะเกี่ยวข้องกับวัตร ปฏิบัติของ ส.ส. หรือไม่ก็เป็นเรื่องของ ส.ส.
จะกระทบกับรัฐบาลหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับ รองนายกรัฐมนตรีที่ชื่อวิษณุอีก เป็นเรื่องที่ พรรคร่วมรัฐบาลจะคุยกันเอง
ไม่เกี่ยวกับ รองนายกรัฐมนตรี และไม่เป็นปัญหาจริงๆ
ที่ ส.ส. ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นไปได้ไหม ?
ก็เป็นไปแล้ว มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อศึกษาเรื่องนี้แล้ว เช่นเดียวกับที่เคยคิดที่จะปฏิรูปตำรวจ หรือคิดจะปฏิรูปโน่น นี่ นั่น ก็แต่งตั้งคณะบุคคลขึ้นมาเพื่อทำงาน โน่น นี่ นั่น ตามความปรารถนา ตามความต้องการ หรือตามความอยาก ซึ่งอาจจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ไม่ให้มันประทุ ไม่ให้มันใหญ่โต
การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เช่นเดียวกัน มีคณะกรรมาธิการแล้ว ก็ต้องมาหาตัวประธานว่า ใครจะเหมาะสม พรรคร่วมรัฐบาลก็มีคนที่เหมาะสมหลายคน พรรคฝ่ายค้านก็เช่นเดียวกัน
กว่าฝ่ายรัฐบาลจะสรุปได้ว่าใครเหมาะสม ก็อาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง สร้างความขัดแย้งให้กับฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกองเชียร์ระดับหนึ่ง
เช่นเดียวกับฝ่ายค้านก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน
สรุปต่างก็เผาเวลาไปได้
บรรยากาศของการกระเหี้ยนกระหือรือที่จะแก้รัฐธรรมนูญจะรุนแรงขึ้น หรือค่อยๆสงบลง นั่นก็ขึ้นอยู่กับนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
และแน่นอนย่อมสามารถเผาเวลาไปได้
จะแก้ได้ หรือไม่ได้ ไม่ได้อยู่ที่คณะกรรมาธิการที่ว่านั่นดอก
เพราะการจะแก้ได้หรือไม่ได้นั้น ปมเงื่อนมันอยู่ที่ 250 เสียงที่เรียกกันว่า วุฒิสภา จะเอาอย่างไร ผู้ที่จะทำให้วุฒิสภาเอาอย่างไร ไปทางไหน ก็คือคนที่แต่งตั้ง
การแต่งตั้งนั้นมาหลายช่องทาง หลายกรรมการ แต่ทั้งหลายก็ต้องมีการรวมศูนย์
ศึกษาข้อดี ข้อด้อย ข้ออ่อนข้อแข็งรัฐธรรมนูญให้ตาย ถ้าอำนาจรวมศูนย์ เขายังเห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องแก้ ก็ทำอะไรไม่ได้
ทำยังไงให้เห็นว่า ปล่อยไว้อย่างนี้จะเกิดความเสียหายแก่บ้านแก่เมือง ปล่อยไว้อย่างนี้ก็จะได้ผู้แทนราษฎรอย่างนี้ ได้รัฐบาล ปริ่มๆน้ำอย่างนี้ มีความสามารถ หรือมีศักยภาพที่จะบริหารได้ในระดับนี้
ถ้าพอใจแล้ว เห็นสมควรแล้ว อย่างที่วุฒิสมาชิกบางคนออกมาบอกว่ายังไม่เห็นจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญฉบับนี้เลย
เรือเหล็กลำนี้ก็ต้องลาก ๆ ถู ๆ กันไป
ไปกันอย่างนี้แหละครับ
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี