หลังจากสู้กับโควิด-19 มาเป็นเวลาเดือนกว่าๆ รัฐบาลก็เห็นว่า ยากที่จะเอาอยู่จึงได้ออก พรก.ฉุกเฉิน เพื่อเอาให้อยู่ก่อนที่ประชาชนคนไทย ประเทศไทยจะได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้
ไวรัส โควิด-19 นั้นเริ่มระบาดที่นครอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ก่อนศักราช 2563 จะเริ่ม ประเทศไทยเราถูกคาดการณ์เอาไว้ว่า จะต้องรับชะตากรรมหนักหนาสาหัสอย่างแน่นอน เนื่องจากเราใกล้ชิดกับจีนไปมาหาสู่กัน มีนักท่องเที่ยวชาวจีนนับพันนับหมื่นคน แต่เอาเข้าจริง ณ วันนี้ ประเทศอิตาลี มีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้ สี่พันกว่าคนแล้ว อังกฤษ อเมริกา สเปน ล้วนแซงหน้าเราไปทั้งสิ้น
ถึงวันนี้เรามีคนไข้ จาก โควิด-19 พันกว่าคน เสียชีวิตไปแล้ว 4 คน เป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงผลงาน ซึ่งถ้ายอมรับรัฐบาลไม่ได้ ก็สมควรให้เกียรติ คารวะบรรดาบุคลากรด้านสาธารณสุข บรรดาอาจารย์หมอทั้งหลายเรื่อยลงไปถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ต่างๆ แม้กระทั่งเวรเปล ที่เหน็ดเหนื่อยยุดชีวิตตลอดเดือนกว่าๆที่ผ่านมาและต่อไปอีก จนกว่าจะพิชิตโรคร้ายนี้ได้
สาธารณรัฐประชาชนจีน สามารถพิชิต โควิด-19 ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อ เพราะรัฐบาลจีนใช้ความเด็ดขาด จริงจังในการแก้ปัญหา รวมทั้งการทำงานอย่างแข็งขันของบุคลากรทางการแพทย์ ประกอบกับระเบียบวินัยของประชาชนจีน
ถึงวันนี้ จีนกลายเป็นประเทศที่ส่งความช่วยเหลือไปช่วยประเทศต่างๆทั่วโลกที่กำลังเผชิญกับโรคระบาด โควิด-19
หันมามองดูบ้านเรา เมื่อ โควิด-19 เริ่มระบาด กลุ่มพรรคอนาคตใหม่ ที่เพิ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ปลุกนิสิตนักศึกษาลงถนน อดีตเลขาธิการพรรค บอกว่า รัฐบาลอ้าง โควิด-19 เพื่อลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ขัดขวางการชุมนุมของประชาชน
มีหลักฐานชัดแล้ว การชุมนุมที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2 มีนาคม นั้น มีผู้ที่เป็นพาหะโรคร้ายนี้ร่วมชุมนุมด้วย
และเมื่อ รัฐบาลประกาศใช้ พรก. ฉุกเฉิน กลุ่มนักการเมืองพรรคอนาคตใหม่ ที่ไปตั้งพรรคใหม่ ก็ออกแถลงการณ์คัดค้านการออก พรก. ฉุกเฉินด้วยเหตุผลที่ว่า พรก. นี้ลิดรอนเสรีภาพของประชาชน
แถลงการณ์ออกไปไม่ถึง 20 ชั่วโมง พรรคการเมืองพรรคนี้ก็กลับลำ โดยแถลงใหม่ว่า “หลังจากตรวจสอบข้อมูลแล้ว พรรคก้าวไกลเชื่อว่า มาตรการปิดประเทศ และการจำกัดสิทธิของประชาชนเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” ใครที่เป็นมิตรรักแฟนเพลงของพรรคการเมืองนี้ก็อาจจะมองว่า เป็นพรรคการเมืองที่ยอดเยี่ยมมาก ไม่ดื้อรั้น
แต่ในความเป็นจริง พรรคการเมือง ควรจะต้องทำตัวเป็นสถาบันที่น่าเชื่อถือพราะเมื่อได้อำนาจรัฐ ก็ได้บริหารประเทศ ประเทศชาติจะวัฒนาสถาพรก็ด้วยฝีมือของพรรคการเมือง มิใช่ทำตัวเป็นเด็ก ขาดวุฒิภาวะ ต้องมองสถานการณ์ให้ออกและทะลุไปไกล มิใช่เอาชนะคะคาน เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายค้าน
อดีตก็เคยมีเรื่องคล้ายๆอย่างนี้
ปี 2496 จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ริเริ่มสร้างเขื่อนใหญ่ตอนแรกเรียกเขื่อนยันฮี (ทุกวันนี้คือ เขื่อนพระนาม “ภูมิพล“) อำเภอสามเงา จังหวดตาก นายสุกิจ นิมมานเหมินทร์ ส.ส. เชียงใหม่ เป็นฝ่ายค้าน คัดค้านการสร้างเขื่อนนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย โดยให้เหตุผลว่า สร้างเขื่อนนี้เมื่อไหร่ น้ำจะท่วมภาคเหนือ ป่าไม้ก็จะสูญไปนับพันนับหมื่นไร่ สัตว์ป่าก็จะตาย ไม่มีที่อยู่ ประชานนับร้อยนับพันจะต้องอพยพ
จากปี 2496 เขื่อนมาเริ่มสร้างเอาปี 2500 นายสุกิจ นิมมานเหมินทร์ มาร่วมรัฐบาลกับ นายพจน์ สารสิน หลังรัฐประหาร โดยสฤษดิ์ /ถนอม โครงการเขื่อนยันฮีก็ต้องดำเนินการต่อ มีกระทู้ถามเรื่องนี้ นายสุกิจต้องลุกขึ้นมาตอบ
ฝ่ายค้านย้อนเอาว่า สมัยที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกันท่านก็เคยค้าน
นายสุกิจซึ่งเป็นนักพูดชนิดน้ำไหลไฟดับบอกว่า “เมื่อก่อนข้าพเจ้ายังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นจริง บัดนี้ได้ทราบความจริงแล้ว”
เรียกเสียงฮา ก้องพระที่นั่งอนันตสมาคม ได้ทั้งจากฝ่ายค้านและรัฐบาล
เมื่อไม่กี่ปีนี้ สมัยรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เริ่มสร้างเขื่อนปากมูล ที่อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายค้าน คัดค้านการสร้างเขื่อนปากมูลอย่างแข็งขัน การคัดค้านนั้นทำทั้งในสภา และนอกสภาร่วมกับองค์กรเอกชนที่คัดค้าน
รัฐบาลชาติชายล้มไปเพราะการยึดอำนาจ มีรัฐบาลอานันท์มีเลือกตั้ง และวันดีคืนดี พรรคประชาธิปัตย์มาเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมๆ ไปกับเขื่อนปากมูลที่ก่อสร้างเรื่อยมา และคัดค้านเรื่อยมา
นักการเมืองที่เป็นตัวการในการคัดค้านก็พูดไม่ออก จะทุบเขื่อนปากมูลทิ้งหรือ เจอหน้าคนทำงานองค์กรเอกชนที่เคยร่วมค้านก็ได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ
หรือเมื่อไม่นานนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลประยุทธ์หรือไม่ร่วม เสียงข้างมากบอกว่าร่วม
แต่ในเสียงข้างน้อยที่บอกว่า “ไม่ร่วม” นั้น ถึงโควต้า หรือได้จังหวะ ได้คิวเป็นรัฐมนตรี ก็เลยจำเป็นต้องเป็นรัฐมนตรีตามคิว (ทั้งที่ความจริงอาจจะไม่อยากเป็น)
การเมืองนั้น ถ้าคิดถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ตัดสินใจเอาตามผลประโยชน์ของประชาชน ก็จะไม่หน้าแตก ไม่เชย ไม่ต้องกลับลำให้หลังหัก
ขณะนี้เราเผชิญกับโรคระบาด ต้องทำความเข้าใจว่า ทำไมเขาขอร้องให้อยู่บ้าน ไม่ต้องติดต่อใคร เพื่อไม่เป็นพาหะนำโรค หรือไปเอาโรคมาติด
พรก. ฉุกเฉิน นั้นมีอายุการใช้งาน 1 เดือน โดยหวังว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเอาชนะโรคระบาดได้
โรคระบาดมันหยุด คิดหรือว่า รัฐบาลจะใช้ พรก. นี้ได้อีกต่อไป
ใช้สมอง ใช้สติปัญญาเสียบ้างเถอะ
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี