ระบบการศึกษาของอินเดีย แบ่งออกเป็น 3 แบบหลัก คือ โรงเรียนรัฐบาลเต็มตัว คือ รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ผู้ปกครองแทบจะไม่ต้องจ่ายเงินเลย สอง โรงเรียนที่รัฐบาลให้การสนับสนุนบางส่วน สาม โรงเรียนเอกชนเต็มรูปแบบ
ในที่นี้ ผมจะไม่พูดถึงโรงเรียนเอกชนเต็มรูปแบบ เพราะโรงเรียนแบบนี้มีมาตรฐานสูงตามค่าใช้จ่ายสูงที่ผู้ปกครองจ่ายไป
โรงเรียนที่ ANUSHKA ลูกสาวของเพื่อนผมไปเรียนนั้น เป็นโรงเรียนประเภทที่สอง กล่าวคือ ผู้ปกครองยังต้องจ่ายเงินอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก (โรงเรียนนี้อยู่ในรัฐเบงกอล ที่อาจจะมีระเบียบแตกต่างไปจากรัฐอื่นๆอยู่บ้าง)
กล่าวคือ ผู้ปกครองยังต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกเดือนละ 2300 รูปี บวกกับค่าใช้จ่ายจุกจิกอื่นๆอีกประมาณ 700 รูปี รวมเป็น 3000 รูปี หรือประมาณ 1500 บาท เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับโรงเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
(ตราของโรงเรียน)
ค่าใช้จ่ายนี้ รวมทั้งค่ารถรับส่งระหว่างบ้านและโรงเรียนด้วย แต่ไม่มีอาหารกลางวัน
โรงเรียน CHRIST CHURCH HIGH SCHOOL ของเมืองกอลกัตตา นอกจากจะมีนักเรียนชาวอินเดียแล้ว ยังมีนักเรียนจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และ อีกหลายๆประเทศที่ส่งลูกหลานมาที่นี่ เพราะเป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งโดยชาวอังกฤษมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1882
และสำหรับผู้ที่เรียนโรงเรียนรัฐบาลเต็มตัว ก็ยังสามารถเลือกได้ว่า จะเรียนภาษาหลักเป็นภาษาอะไร เช่น อังกฤษ หรือ ฮินดี หรือ เบงกาลี ซึ่งเป็นภาษาถิ่นสำหรับชาวเบงกอล
รัฐบาลจะต้องจัดครูสอนในภาษานั้นๆให้แก่นักเรียนตามที่นักเรียนต้องการ โดยที่ผู้ปกครองไม่ต้องจ่ายเงินค่าใช้จ่ายพิเศษ เช่น ตำราเรียน ยกเว้นค่าอุปกรณ์การเรียนบางอย่างที่ต้องจ่ายเพิ่ม
นอกจากนี้ รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐเบงกอล ยังช่วยสนับสนุนเยาวชนของเขาในทางตรงอีก เช่น มีเงินช่วยเหลือเด็กหญิงเพื่อซื้อของใช้จำเป็นสำหรับเด็กที่กำลังเติบโตปีละ 1000 รูปีเริ่มตั้งแต่ชั้นปีที่ 4 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ รัฐบาลท้องถิ่นของเบงกอล ยังแจกรถจักรยานให้แก่เด็กชาย และ เด็กหญิงทุกคนตอนเรียนชั้นปีที่ 8 อีกด้วย
ระบบการศึกษาของอินเดียจะแบ่งการเรียนออกเป็น 1-4 ปีแรก เรียกว่า Primary school , ปีที่ 5-10 จะเรียกว่า Secondary school
(หนังสืออ่านของนักเรียนชั้น ป 5 ของโรงเรียน CHRIST CHURCH GIRL HIGH SCHOOL)
จากนั้น ปีที่ 11-12 ก็จะเรียกว่า High secondary ซึ่งก็คือชั้นมัธยมปลายก่อนเข้ามหาวิทยาลัยนั่นเอง ในชั้นเรียนนี้ รัฐบาลแห่งรัฐเบงกอล จะแจกคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต(TABLET COMPUTER) ให้แก่นักเรียนคนละเครื่อง
เมื่อจบจากชั้น ปีที่ 12 แล้ว ใครต้องการเรียนต่อในระดับวิทยาลัย หรือ มหาวิทยาลัย ก็จะใช้เวลาอีก 3 ปี
ใช่ครับ อีกเพียง 3 ปี ก็จะได้รับปริญญาบัตร ไม่เหมือนของประเทศไทยที่ต้องเสียเวลาเรียนถึง 4 ปี
ยกเว้นบางวิชาเช่น วิชาแพทย์ศาสตร์ , วิศวะ และ กฎหมาย ซึ่งข้อบังคับขั้นต้น ก็คือ จะต้องผ่านการสอบ Join entrance examination หรือ ลักษณะเดียวกับสอบเอ็นทรานส์ของบ้านเรา
หากสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ได้ ก็จะต้องเรียน 4 ปี และ ฝึกงานอีก 2 ปีครึ่ง หากเป็นคณะวิศวะฯ (หลายๆสาขา) ก็จะต้องเรียน 4 ปี
หากจะเรียนคณะนิติศาสตร์ ก็จะต้องเป็นผู้จบปริญญาตรีสาขาอื่นมาก่อน 1 สาขา แล้วเรียนต่ออีก 3 ปี แต่หากไม่ได้จบสาขาอื่นมาก่อน ก็จะต้องเรียน 5 ปีรวด จึงจะได้รับปริญญาบัตร
ซึ่งเป็นระบบที่ถูกต้อง ไม่เหมือนประเทศไทยที่บางคนเรียนจบเนติบัณฑิต สอบเข้าเป็นผู้พิพากษา โดยไม่เคยมีประสบการณ์ในวิชาชีพอื่น หรือ ประสบการณ์ชีวิตมาก่อนเลย
(แผนที่ตั้งของเมือง โคตา ในรัฐราชสถาน)
ด้วยเหตุที่การสอบเอ็นทรานส์มีความสำคัญต่อชีวิตเยาวชนอินเดียอย่างมาก จึงเกิดโรงเรียนสอนกวดวิชาเพื่อสอบเอ็นทรานส์ มากมายหลายแห่ง แต่ที่ได้รับความเชื่อถือ และ ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือที่เมือง โคตา (KOTA) ในรัฐราชสถาน ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย
ค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนกวดวิชาก็คือ 176,000 รูปี โดยโรงเรียนกวดวิชาจะสัญญาว่า นักเรียนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แน่นอน หากสอบไม่ได้ สามารถกลับมาเรียนใหม่ จนกว่าจะสอบได้
แม้จะเป็นจำนวนเงินที่มากโขอยู่ แต่พ่อแม่ก็มักจะยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่ออนาคตของลูก
(มหาวิทยาลัยโคตา แม้ว่าจะดังในเรื่องกวดวิชา แต่รัฐนี้ไม่มีชื่อเสียงในเรื่องวิชาการในมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด)
กวดวิชา กลายเป็นธุรกิจการศึกษาที่ใหญ่มาก ในเมืองโคตา จะมีนักเรียนจากทั่วทุกสารทิศกว่า 1 แสนคนมาเรียนกันที่นี่ รวมทั้งครูบาอาจารย์ระดับชั้นนำทั่วประเทศมาชุมนุมสอนกันที่นี่ ทำให้เมืองเล็กๆที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงนัก เต็มไปด้วยผู้คน และ อาคารหอพัก โรงเรียน ร้านอาหารมากมาย
ความนิยมลามออกไปจากเมืองโคตา จนบางเมืองก็มีการโฆษณาโรงเรียนสอนกวดวิชา โดยบอกว่า เป็นสาขา ของเมืองโคตาด้วยซ้ำ
บางแห่งไม่มีอะไรอ้างอิงก็ใส่ชื่อ เมืองโคตา เข้าไปด้วยเฉยๆ เพื่อดึงดูดนักเรียน
เมื่อกลายเป็นธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพสาขาอะไร ก็ไม่เคยปรานีใคร
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี