หลายคนคงคิดไม่ถึงว่าในประเทศที่มีความเจริญสูงสุดทางเทคโนโลยีอย่างอเมริกา จะมีชุมชนโบราณดำรงอยู่ในหลายรัฐผู้เขียนเคยเขียนถึงชุมชนชาว Amish ไปแล้ววันนี้ขอพักเบรคจากสถานการณ์โควิดที่หนักหนาสาหัสระบาดหนักอีกรอบจนถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน ได้แต่ป้องกันตัวเองกันไปท่ามกลางความสับสนงุนงงของบรรดามะริกันว่าควรจะฉีดวัคซีนเข็มสามหรือไม่ เลยอยากขอเบรคมาเขียนเรื่องเบาๆสลับฉาก
กลุ่มฮัตเตอร์ไรต์เป็นกลุ่มชาวคริสต์สายอนาแบพติสต์ที่เชื่อในเรื่องการล้างบาปตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้วกลุ่มนี้ถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 15 ถูกไล่ล่าสังหารเผาทั้งเป็นจนแตกออกเป็นสามสายคือ กลุ่มเมนโนไนต์ กลุ่มอามิชและกลุ่มฮัตเตอร์ไรต์
ทั้งสามกลุ่มหนีการไล่ล่าจากยุโรปมาอเมริกากลุ่มเมนโนไนต์จะอยู่ทั่วทุกรัฐ กลุ่มอามิชจะจับกลุ่มกระจายตัวไป 31 รัฐแต่ชุมชนใหญ่อยู่ในสามรัฐคือเพนซิลเวเนีย โอไฮโอ และอินเดียน่าส่วนฮีตเตอร์ไรต์จะอยู่ทางตอนเหนือในบางรัฐที่ติดชายแดนแคนาดา เช่นรัฐดาโกต้าและมอนทาน่า
กลุ่มฮัตเตอร์ไรต์ที่อาศัยในอเมริกาตั้งชุมชนในแขตทุ่งหญ้าแพรี่เรียกตัวเองว่า “แพรี่ลูท” หรือชนแห่งทุ่งหญ้าแพรี่ ส่วนมากทำการเกษตรเลี้ยงเป็ด ไก่ และไก่งวงป้อนโรงงานอุตสาหกรรมของตนเองชุมชนของชาวฮัตเตอร์ไรต์เรียกว่า “อาณานิคม”
ฮัตเตอร์ไรต์ใช้ชีวิตเกือบเหมือนคอมมิวนิสต์เพียงแต่ว่าเปลี่ยนจากความเชื่อทางการเมืองมาเป็นความเชื่อทางศาสนาแต่ละอาณานิคมจะสร้างโรงเรือนรวม เพื่อรับประทานอาหารร่วมกันทุกวันเริ่มตั้งแต่เช้าหญิงชาวฮัตเตอร์ไรต์จะมารวมกันในโรงเรือนแห่งนี้เพื่อประกอบอาหารร่วมกัน จากนั้นจะเรียกให้มารับประทานอาหารเช้าและสวดมนต์เป็นภาษาเยอรมัน
ในโรงเรือนรับประทานอาหาร จะแยกโต๊ะนั่ง ฟากหนึ่งเป็นหญิงอีกฟากเป็นชาย และอีกด้านเป็นโต๊ะสำหรับเด็ก เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วฝ่ายชายจะแยกไปทำงานในไร่หรือโรงงาน ซึ่งเป็นของส่วนรวมผลผลิตทั้งหมดของไร่และโรงงานเป็นของทุกคนโดยมีคนจัดการด้านการเงินเพียงคนเดียว
ส่วนฝ่ายหญิงทำความสะอาดโรงเรือน และซักผ้าร่วมกันหากมีเวลาว่างก็เตรียมแปรรูปอาหารเก็บไว้ในห้องใต้ดินสำหรับหน้าหนาวแม้ว่าจะมีโรงเรือนส่วนกลาง แต่ละครอบครัวมีบ้านบ้านของชาวฮัตเตอร์ไรต์จะเรียบง่าย มีแค่ห้องนั่งเล่นนอกนั้นเป็นห้องนอนทั้งหมด ไม่มีโทรทัศน์แต่สามารถมีโทรศัพท์และใช้ไฟฟ้าได้
ผู้อาวุโสจะไปรวมตัวกันในบ้านของผู้นำอาณานิคมเพื่อปรึกษาปัญหาและตัดสินใจร่วมกันรายวันโดยจะมีคนในอาณานิคมมาขออนุญาตออกจากอาณานิคมไปหาหมอหรือไปธุระต่างๆ สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องผ่านการปรึกษาหารือของผู้อาวุโสทั้งสิ้นห้ามออกไปเองโดยพลการ
ผู้หญิงทุกคนทำอาหารและทำความสะอาดด้วยกันในขณะที่ชายทำงานในไร่หรือโรงงานของชุมชนบางคนมีการกำหนดหน้าที่ในชุมชนชัดเจน เช่น ช่างทำไม้กวาดหรือช่างทำรองเท้าก็จะทำหน้าที่ของตนเองไปแต่ละหน้าที่แต่ละอาชีพไม่มีค่าจ้าง แต่ทุกคนมีบ้าน มีอาหารและได้รับการดูแลจากชาวอาณานิคมตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยชรา
เด็กเล็กจะได้รับการดูแลจากชุมชนโดยมีเด็กสาวรุ่นและรุ่นอาวุโสประมาณย่ายายทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแล ในขณะที่แม่ๆ ไปทำงานด้านอื่นเมื่อโตขึ้นมา ก็จะเรียนโรงเรียนในชุมชน ที่สอนภาษาเยอรมันอันเป็นภาษาที่ใช้ในการสวด นอกจากนี้ยังสอนภาษาอังกฤษที่จ้างครูจากนอกอาณานิคมมาสอนเด็กชาวฮัตเตอร์ไรต์เรียนในโรงเรียนจนถึงอายุ 15
เมื่ออายุ 18 จะต้องทำงานเต็มเวลาเหมือนผู้ใหญ่ในอาณานิคมที่สำคัญคือจะต้องท่องจำหลักคำสอนเพื่อเข้าพิธีแบพติสต์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าพิธีนี้เพราะเป็นขั้นตอนสำคัญในชีวิตสำหรับชาวฮัตเตอร์ไรต์ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแต่งงานได้
การเลือกคู่ชาวฮัตเตอร์ไรต์จะต้องแต่งกับชาวฮัตเตอร์ไรต์ด้วยกันเท่านั้นแต่หากในอาณานิคม มีแต่ญาติสายเลือดใกล้ชิดเกินไปก็จะต้องเสาะหาเจ้าสาวจากอาณานิคมอื่น จากอาณานิคม 500แห่งในอเมริกาและแคนาดาครอบครัวชาวฮัตเตอร์ไรต์มักมีลูกกันประมาณ 2-5 คนทำให้จำนวนประชากรฮัตเตอร์ไรต์เพิ่มขึ้นทุกปี
โลกของชาวฮัตเตอร์ไรต์คือการทำงาน โดยมีสุภาษิตว่า“การงานทำให้ชีวิตหอมหวาน” โดยเริ่มตั้งแต่ตีสามไปถึงสี่ทุ่มที่เหลือคือการสวดมนต์ ทุ่งหญ้าแพรี่เป็นทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่แต่โดดเดี่ยวไกลจากเมือง ทำให้พวกฮัตเตอร์ไรต์เลือกไปตั้งอาณานิคมเพราะต้องการตัดขาดจากโลกภายนอกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ไม่ได้ปฎิเสธเทคโนโลยี เพราะยังขับรถ ค้าขายกับคนนอกอาณานิคมใช้เครื่องจักรในการผลิต แม้กระทั่งใช้คอมพิวเตอร์
เงินที่หาได้ทั้งหมดเป็นของกงสีหากต้องการออกนอกชุมชนเพราะมีนัดกับหมอหรือไปธูระจะต้องแจ้งให้หัวหน้าชุมชนทราบและอนุมัติทุกครั้งการใช้จ่ายเงินทองหรือการหาเงินเพื่อตัวเองคือบาป
เคยมีรายการสัมภาษณ์เด็กหนุ่มที่หนีออกจากอาณานิคมฮัตเตอร์ไรต์ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจมากที่สุด หนุ่มฮัตเตอร์ไรต์รายนั้นตอบว่าการได้รับเงินเดือนเป็นค่าทำงาน
ท่ามกลางโลกยุคใหม่ ที่ใครๆต่างทำงานเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองให้มากที่สุดยังมีโลกของชาวฮัตเตอร์ไรต์อีกใบทับซ้อนในโลกใบใหญ่นี้เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความน่าพิศวงที่ยังสามารถรักษาคุณค่าดั้งเดิมแห่งโลกโบราณไว้ได้ โดยการยอมรับเทคโนโลยีบางส่วนแต่ยังเลือกที่จะตัดขาดจากโลกภายนอกเพื่อรักษาความเชื่อทางศาสนาของตนเองเหมือนเช่นที่เคยเป็นมาเมื่อห้าร้อยปีก่อน
.................................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี